[Fic Harry Potter | DMHP] #drarry_weeklyth เกม

 

Drarry_WeeklyTH #2

[ GAME ]

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter

 


 

 

วันอากาศดีๆ พร้อมด้วยเวลาว่างเกือบทั้งวันในสายวันหยุดทำให้เดรโกตัดสินใจเปิดคอมพิวเตอร์คู่ใจ พร้อมด้วยเครื่องเล่น Play Station 4 ของตัวเองเตรียมพร้อมสำหรับการสตรีมในอีกไม่กี่นาที

 

เขามักจะรู้สึกสนุกเสมอเวลาที่ได้สตรีมในเวลานี้เพราะมักจะมีเหล่าแฟนคลับของเขามากมายที่เข้ามาโอดครวญว่าตื่นไม่ทันบ้าง กำลังเรียนพิเศษอยู่ ทำไมสตรีมเช้าแบบนี้ ผมมีธุระอยู่นะ! แม้จะมีคำบ่นเช่นนั้น แต่สตรีมของเขาก็ไม่เคยต่ำกว่าห้าพันคนเลยสักครั้ง

 

ในขณะที่กำลังจะหยิบหูฟังคู่ใจมาสวมศีรษะ เสียงผ้านยมเสียดสีกันที่เตียงก็เรียกความสนใจจากเกมเมอร์ชื่อดังไปเสียก่อน เก้าอี้นวมหรูหราถูกหมุนหันกลับ เจ้าของร่างที่นั่งเอกเขนกบนนั้นยิ้มกว้างออกมาเมื่อเจอภาพที่ถูกใจ

 

“อรุณสวัสดิ์พอตเตอร์”

 

“อืม..” คนบนเตียงว่าเสียงงัวเงียพลางหรี่ตามองไปที่ปลายเตียง “สตรีมเหรอ แต่เช้าเลยนะ”

 

คนฟังยักไหล่น้อยๆ เขาผละออกจากเก้าอี้ตัวนิ่มแล้วลุกมาที่ข้างเตียง แฮร์รี่ยังคงงัวเงียอยู่ เพราะเจ้าตัวนอนดึกจากการเล่นเกมในมือถือเมื่อคืน

 

“สนใจสตรีมด้วยกันไหม”

 

“ไม่เอา ยังไม่พร้อม”

 

ใบหน้าขาวซุกกับหมอน เดรโกอมยิ้มขี้เล่นก่อนจะก้มหน้าลงมอบจูบแผ่วเบาลงที่แก้มนิ่ม แฮร์รี่ครางรับเล็กน้อยแล้วก็ตัดสินใจนอนต่อ

 

หลังจากเปิดสตรีมมาได้ 15 นาทีก็เป็นไปตามคาด เริ่มมีแฟนคลับเขาเข้ามาโอดครวญต่างๆ เดรโกอ่านคอมเมนต์มากมายที่ไหลเป็นน้ำผ่านๆ พลางนั่งจิบกาแฟไปด้วย

 

เสียงแจ้งเตือนพิเศษเมื่อมีคนโดเนทเข้ามาดังขึ้น ดวงตาคมปรายมองไปยังหน้าจอพลางเริ่มส่งเสียงใส่ไมค์

 

“ขอบคุณสำหรับโดเนท 500 นะครับชิกกี้ชีค ขาประจำมาเหมือนเดิมเลย”

 

เดรโกนั่งรอให้มีคนเข้ามาในสตรีมเพิ่มอีกซักพัก เขาคอยอ่านคอมเมนต์ที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ พลางพูดตอบออกไมค์เป็นครั้งคราว จนกระทั่งสายตาไปสะดุดกับคอมเมนต์คำถามหนึ่งเข้า

 

‘หนูเพิ่งได้มาติดตามพี่ค่ะ อยากรู้ว่า DHA ชื่อช่องพี่มันย่อมาจากอะไรคะ’

 

เจ้าของชื่อช่องหลุดขำพรืด ในหัวนึกย้อนไปถึงตอนที่ตั้งชื่อนี้ใหม่ๆ ตอนนั้นเขาก็แค่นึกตั้งขำๆ กับเบลสเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น สมัยที่ยังเรียนอยู่มัธยมปลายแล้วก็เป็นเด็กเกรียนๆ คนหนึ่ง

 

“กรดไขมันจำเป็นในโอเมก้า3ครับ”

 

เดรโกเห็นว่าคอมเมนต์ของเขาไหลเร็วมากขึ้นกว่าเดิม เหล่าแฟนคลับทั้งหลายพากันส่งข้อความว่าตลกกันออกมาไม่หยุด

 

ในตอนนั้นก็หมายถึงแบบนี้จริงๆ นะ

 

แต่ความคิดนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป หลังจากที่ได้มีใครคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต

 

หลังจากสตรีมไปได้เกือบชั่วโมง เดรโกที่หมกหมุ่นอยู่กับเกมของตัวเองไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งในห้องของเขาได้ตื่นจากนิทราแล้ว แฮร์รี่ที่จัดการกับธุระส่วนตัวเรียบร้อยเดินย่องเบามาที่ด้านหลังของเดรโก

 

ดวงตาสีเทาจางขมักเขม้นตั้งใจและมีสมาธิกับเกมตรงหน้าไม่เปลี่ยน ครั้งแรกที่แฮร์รี่ได้มีโอกาสรู้จักกับเกมเมอร์คนนี้ เขามีความตั้งใจอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น และแฮร์รี่ก็หลงใหลในความตั้งใจนั้นของเดรโกเป็นอย่างมาก

 

จากผู้ชายคนหนึ่งที่ลองเริ่มตามดูเกมไปเรื่อยๆ จนมาเจอช่องนี้เข้า ก็ตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตามเขามาเงียบๆ คอยซัพพอร์ทเล็กๆ น้อยๆ มาตลอด 3 ปี จนใครจะคาดคิดว่าพอเข้ามหาลัยมาแล้วจะได้อยู่มหาลัยเดียวกัน

 

แฮร์รี่ยังคงจำความบังเอิญนั้นได้ดีตอนที่เขาไปยืนลังเลเลือกซื้อเกมในห้างได้ นายเดรโกคนนี้แหละที่บังเอิญมาซื้อเช่นกันและให้คำแนะนำกับเขาอย่างเป็นกันเอง

 

ได้เจอเกมเมอร์ที่ติดตามมา 3 ปี คิดดูเอาเถอะเมอร์ลิน!

 

แล้วทุกอย่างต่อจากนั้นก็ราวกับฝันไปเลย

 

“ตรงนั้นนายกระโดดลงไปได้นะเดรก”

 

เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นเรียบๆ พลางชี้นิ้วไปที่จอ คนที่นั่งเล่นอยู่สะดุ้งเล็กน้อยจนต้องละสายตาออกจากจอคอมฯ แล้วหันมามองคนที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ด้านหลัง

 

คอมเมนต์ในสตรีมของเดรโกลื่นไหลอย่างรวดเร็วอีกครั้งเมื่อจอจับภาพเกมเมอร์ไม่ได้โผล่มาเพียงแค่เกมเมอร์คนเดียว แต่ยังพ่วงแฟนหนุ่มของเกมเมอร์เข้ามาด้วย พาเอาเหล่าแฟนคลับทั้งหลายหวีดร้องกันใหญ่

 

แฮร์รี่ย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับพอดีกับจอ เขาอ่านคอมเมนต์ที่เข้ามาสวัสดีทักทายด้วยรอยยิ้ม

 

“ดีครับทุกๆ คน วันนี้ผมยังไม่สตรีมนะ แต่จะอยู่ดูเดรกเล่นข้างๆ นี่ละกัน”

 

“มาแอบอ่านคอมเมนต์ล่ะสิ”

 

“ไม่ได้?”

 

“เปล๊า”

 

ทั้งสองยักคิ้วหลิ่วตาใส่กัน แฮร์รี่ชี้นิ้วไปที่จอคอมฯ ที่นิ่งไปซักพักเพราะคนเล่นเอาแต่มองยิ้มกรุ้มกริ่มใส่เขา เดรโกยอมหันกลับไปเล่นแต่โดยดี พร้อมกับแฮร์รี่ที่ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ

 

ดวงตาหลังกรอบแว่นเพ่งมองไปที่ตัวเกมซักพักก่อนจะหันกลับมาอีกจอเพื่ออ่านคอมเมนต์ตามที่แฟนคลับขอร้องมาว่าขอให้ตอบคอมเมนต์ที แล้วเมนต์หนึ่งก็ดึงความสนใจจากแฮร์รี่ไป

 

‘DHA ย่อมาจากอะไรฮะพี่!’

 

หนุ่มผมดำเลิกคิ้วหรี่ตา ถ้าเขาจำไม่ผิดตั้งแต่การเริ่มติดตามช่องของเดรโกครั้งแรก ชื่อนี้มันเป็นเพียงความคิดแบบกวนส้นในวัยรุ่นของเจ้าตัวกับเพื่อน เหมือนจะไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ

 

“โอเมก้า3ใช่มะ ชื่อช่องนาย”

 

แฮร์รี่หันไปมองหน้าเดรโก คนถูกถามเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพาตัวละครในเกมเข้าจุดเซฟ ก่อนจะหันมามองคนข้างตัวที่นั่งรอคำตอบตาแป๋ว

 

รอยยิ้มซุกซนผุดขึ้นบนใบหน้าคม เดรโกเอื้อมมือไปบิดกล้องที่ติดอยู่เหนือจอคอมฯ ไปอีกทาง แฮร์รี่มองตามการกระทำนั้นอย่างงุนงงเล็กน้อย เดรโกขยับหน้าเข้าใกล้แฮร์รี่มากขึ้นจนคนตัวเล็กต้องถอยหลังออก

 

คอมเมนต์ในสตรีมไหลเร็วอีกแล้ว ทุกคนโวยวายเหมือนจะอยากรู้ว่าหลังสายตาแปลกๆ ของเดรโกที่แสดงออกมาแวบหนึ่งก่อนจะหันไปทางแฮร์รี่คืออะไร อย่างไรต่อ

 

“ถ้าเมื่อก่อน.. ก็คงเป็นงั้น”

 

เดรโกว่าเสียงเบาติดจะเซ็กซี่นิดๆ น้ำเสียงที่สาวๆ หลายคนมักจะบอกว่าเป็นเสียงที่ฟังแล้วใจละลายที่สุด คนฟังเองกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ใช่.. จะละลายไปกับเสียงนี้อยู่แล้ว!

 

“แต่ตอนนี้น่ะ” คนผมบลอนด์ว่าเสียงนุ่มและเว้นช่วงซักพัก พลางยกนิ้วข้างหนึ่งชี้มาที่ตัวเอง

 

“D Draco”

 

แล้วก็ชี้นิ้วไปที่แฮร์รี่

 

“H Harry”

 

ฝ่ามือที่มักจะจับจอยเกมหรือเมาส์เอื้อมไปจับกับมือนุ่มที่กำลังเกร็งแน่นด้วยความเขิน พลางออกแรงบีบเบาๆ

 

หัวใจของแฮร์รี่เต้นรัวแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว!

 

“A Always”

 

 

ให้ตายเถอะ! แล้วแบบนี้แฮร์รี่จะไปติดเกมเมอร์คนไหนได้อีกล่ะ!

 

 

 

FIN


 

ลองมาเล่นชาเลนจ์วีคลี่เดรรี่ดูค่ะ! งานนี้แน่นอนว่าได้กำลังใจมาจากตาพี่เอก แต่สตรีมเมอร์คนนี้ไม่ได้ปิดบังหน้าตานะคะ 5555555 แถมขี้ขิงขี้อวดแฟนอีก ยี๋! เหม็นฟามรัก!

จอยไม่จอยอย่างไรคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะคะ ทั้งเมนชั่นหรือลงแท็คในทวิตเลยค่ะ >< แอร๊ยยยย

(ฝากไปแปะรวมในแท็คชาเลนจ์ตัวเอง #CLDMHPwhis)

[Fic Harry Potter : Draco x Harry | DMHP] Legend

 

Legend

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter

Type : one shot | AU Fantasy

 

⊗ ติดจะพิเรียดเล็กน้อยนะคะ งงๆ สงสัยท้วงได้ค่ะ ไม่ได้เขียนแนวนี้นานมากกกกกกกกก

 


 

 

ตามตำนานแต่โบราณเล่าขานกันถึงจอมปีศาจน้ำแข็งผู้ร้ายกาจที่ซึ่งมีชีวิตยืนยาวมาหลายร้อยหลายพันปี

 

มิมีผู้ใดสามารถปราบจอมมารที่ร้ายกาจนี้ได้ลง

 

อัศวินมากมายสังเวยชีวิตแก่จอมปีศาจ

 

พื้นที่ที่เคยสวยงามสะพรั่งด้วยหญ้าแลผืนดินสีเขียวล้วนถูกรุกรานปกคลุมไปด้วยแผ่นน้ำแข็งและความหนาวเย็น

 

อีกไม่นาน ทั่วทั้งแผ่นดินจะเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ ผู้คนจะล้มตาย เมืองจะถูกปิด

 

ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานพลังอำนาจร้ายกาจนั้นได้สักคน

 

จนกระทั่งเมื่อหลายทศวรรษก่อน จอมเวทย์ปริศนาผู้อ้างตนว่ามีพลังเพียงพอที่จะสามารถปราบจอมปีศาจน้ำแข็งได้ได้ปรากฏตัวขึ้น

 

มิเคยมีผู้ใดมองเห็นและรับรู้ว่าจอมเวทย์ท่านนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร

 

ไม่รู้แม้กระทั่งว่าการต่อสู้ระหว่างจอมเวทย์และจอมปีศาจได้เริ่มไปคราใด

 

กว่าที่จะรู้ตัว ผืนแผ่นดินที่เคยถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งเย็นเยียบพลันระเหิดหาย พร้อมกับการปรากฏตัวของจอมเวทย์ผู้วิเศษต่อหน้าราชาเมือง ในมือของเขามีหัวใจที่ถูกแช่แข็งอยู่

 

ไม่ทันที่ราชาจะได้ตอบแทนในความกล้าหาญของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็อันตรธานหายไป

 

100 ปีมาแล้วกับวีรกรรมความกล้าหาญของจอมเวทย์ผู้ใช้ไฟในการปราบจอมปีศาจชั่วร้ายที่คิดจะครองเมือง เรื่องราวนี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่เคยเก่าลงเลยสำหรับประชาชนในเมือง ราวกับว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นไปไม่นานหรือไม่ก็ได้สลักลึกลงไปถึงจิตใจคนทุกคน และส่งต่อยันลูกหลาน

 

วันนี้ครบรอบ 100 ปีสำหรับการล่มสลายของจอมปีศาจผู้แช่แข็งเมือง

 

ภายในเมืองถูกประดับตกแต่งไปด้วยผ้าสี ธงต่างๆ มากมาย ที่ขาดไม่ได้ที่เห็นจะมีเสียทุกปีนั่นก็คือรูปปั้นของจอมเวทย์ผู้นั้นซึ่งตั้งตระหง่านกลางเมือง

 

เสียงดนตรี กลิ่นอาหาร ความระอุของคบเพลิง เคล้าไปกับเสียงหัวเราะเฮฮา โห่ร้องยินดีราวเรื่องราวเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน และเหล่าผู้คนที่พากันเต้นรำอย่างสนุกสนานไปกับเทศกาลครบรอบที่เมืองเป็นอิสระจากความหนาวเย็น

 

บางมุมก็มีการบูชาไฟ เพื่อสรรเสริญเปลวเพลิงของจอมเวทย์ที่สามารถปราบปีศาจน้ำแข็งได้

 

การจำลองหุ่นปีศาจพ่วงด้วยการแข่งขันของเด็กๆ ในการทำลายหุ่นเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งก็เป็นสิ่งที่พบได้ทุกปี

 

ไม่ได้มีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลย

 

ชายวัยกลางคนสองคนเดินเคียงไปตามงานเทศกาล สายลมอ่อนๆ พัดผ่านปะทะใบหน้าของร่างสูงที่พร่องไปด้วยรอยแผลทางยาวจากหน้าผากลากมาถึงกลางแก้มขวา ทั้งยังมีรอยแผลไหม้ขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหน้ามองดูแล้วให้ความรู้สึกขนลุกและเจ็บปวดพิกล

 

แตกต่างจากชายอีกคนที่เดินเคียงกันมา ใบหน้าขาวติดจะเกรียมแดดเล็กน้อยดูหมดจด ไร้ร่องรอยของการต่อสู้ใดๆ ทรวดทรงมือเล็กใต้ถุงมือผ้ากำลังยกไม้เสียบเนื้อย่างเข้าปากอย่างสบายใจ

 

“กินเยอะเกินไปแล้วมั้งเจ้าน่ะ” หางตาคมเหลือบมองคนข้างกาย

 

“เจ้าก็ว่าข้าแบบนี้ทุกที” คนตอบว่าพลางเคี้ยวแก้มตุ่ย “แต่ก็ยอมให้ข้ากินทุกทีมิใช่รึ?”

 

เจ้าของรอยแผลใหญ่บนหน้าเหยียดยิ้ม ก่อนจะเบนสายตาหลบดวงแก้วซุกซนตรงหน้าเพื่อมองทางที่ยังคับคั่งด้วยผู้คน

 

“ดูนั่นสิ” เสียงทุ้มว่าแล้วชี้ไปทางธงผืนใหญ่ที่กำลังโบกสะบัดรับลม “หน้าเจ้าใช่ไหมนะ”

 

“ก็รู้อยู่ว่าจะได้คำตอบแบบไหนเจ้าก็ยังจะถามข้าแบบนี้ทุกปี! ประสาท”

 

เสียงหัวเราะต่ำดังลั่นออกมาด้วยความพึงพอใจอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใคร เรียกความสนใจจากคนรอบข้างให้หันมามองได้ไม่น้อย แต่เมื่อทุกคนพบว่าเป็นเสียงหัวเราะจากใครพวกเขาก็พากันเลิกสนใจไปเอง

 

แต่คนตัวเล็กข้างกายกลับรู้สึกหมั่นไส้ไม่จาง จนต้องยกศอกถองใส่สีข้างให้เจ้าตัวหยุดหัวเราะ

 

ทั้งที่ก็ผ่านมาตั้ง 100 ปีแล้ว แต่เขายังรู้สึกเหมือนมันเพิ่งมาเมื่อสัปดาห์ก่อนเท่านั้น

 

ดวงตาข้างซ้ายที่ยังปกติดีหรี่มองอนุสาวรีย์อันเขื่องเบื้องหน้า ริมฝีปากซีดหยัดยิ้มติดขำ ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาได้ยืนจ้องมองรูปปั้นนี้ก็จะเป็นอันขำร่ำไปเสียทุกครั้งอย่างอดไม่ได้

 

อดีตผู้กล้าแห่งเมืองเดินหอบถุงกระดาษมาหยุดข้างร่างสูงที่กำลังเงยหน้ามองอนุสาวรีย์ผู้กล้าเมื่อร้อยปีก่อนด้วยสีหน้าขบขัน จนคนมาใหม่อดจะปั้นหน้าเหยเกออกมาไม่ได้ ดวงเนตรสีเขียวเลี่ยงที่จะไม่เงยมองเจ้ารูปปั้นตรงหน้า

 

ไม่พิสมัยใคร่มองเลยสักนิด!

 

“ไปกันได้แล้ว! มีอะไรให้น่ามองนักฮึ? มองมาร้อยปีมันก็อย่างเดิมนั่นล่ะน่า!” คนตัวเล็กว่าเสียงฉุนเฉียวแล้วรีบคล้องแขนคนข้างกายและดึงออกมา แต่คนตัวสูงกว่ากลับขืนตัวนิ่งเป็นกำแพงมนุษย์ที่เดิม

 

“เดรโก” คนตัวเล็กเรียกเสียงกดต่ำ

 

“ซักพักได้ไหม”

 

เจ้าของชื่อตอบกลับด้วยโทนเสียงเศร้าเพียงเท่านั้น ดวงตาที่ยังใช้การได้จดจ้องมองอนุสาวรีย์ตรงหน้าแน่นิ่ง คล้ายจะเก็บและจดจำทุกส่วนของหุ่นหินเบื้องหน้าให้ได้ทุกอนู

 

ต้องบอกว่าแท้จริงเขาจำได้เกือบทั้งหมดอยู่แล้ว

 

100 ปีที่เขาได้มีโอกาสมาเฝ้ามองมันทุกปี ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเลย

 

ความอบอุ่นที่คุ้นเคยดีแตะสัมผัสแผ่วเบาลงกลางฝ่ามือ แล่นไปตามเส้นประสาทและสัมผัสทางกาย อดีตปีศาจน้ำแข็งผู้แข็งแกร่งก้มมองที่มือตัวเองก่อนจะเบือนสายตามองเจ้าของมืออุ่นที่กอบกุมฝ่ามือเย็นชืดของเขา รอยยิ้มไร้เดียงสาดูไม่เหมาะกับวัยแต่งแต้มบนใบหน้าติดหวาน

 

“มีอะไรอยากพูดด้วยกันหน่อยไหม?”

 

…..

 

“ให้ข้าได้เห็นหน้าของเจ้าได้รึไม่ ท่านจอมเวทย์ผู้หาญกล้า”

 

เสียงเยียบเย็นจากเจ้าจอมปีศาจผู้ยืนอยู่จุดสูงสุงของพื้นที่ต่อสู้กดสายตามองจอมเวทย์หนุ่มที่กำลังคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นพลางหอบเบาๆ ด้วยสายตาดูแคลน ฮู้ดสีซีดเก่ามอซอที่หมิ่นเหม่จะหลุดออกจากศีรษะทำให้เขาสงสัยเหลือเกินว่าภายใต้ผืนผ้านั้นผู้ที่คิดกล้าต่อกรกับเขาจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร

 

ร่างตรงหน้าไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงใดออกมา ไม่ต่างจากหลายวันก่อนเลยสักนิดที่มีเพียงปีศาจน้ำแข็งเอ่ยพูดแต่เพียงผู้เดียว

 

จากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อใช้เวลานานมาหลายวัน ราวกับฮู้ดนั่นมีมือที่มองไม่เห็นคอยประคองไว้ตลอด ไม่ว่าร่างกายเล็กๆ นั่นจะขยับไปทางไหนมันก็ไม่แม้แต่จะหลุดออกแม้แต่น้อย

 

จอมปีศาจค่อนข้างจะประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป จากที่คิดว่าจะจัดการได้ภายในเวลากี่นาทีเฉกเช่นพวกอัศวินไร้ฝีมือก่อนๆ กลับเป็นศึกยืดเยื้อกินเวลา จอมเวทย์ตรงหน้าก็ดูจะไม่ยอมแพ้แต่โดยดี แม้ว่าตนเองจะเริ่มเหนื่อยล้ามากขนาดไหนก็ตาม

 

จากความพยายามที่จะจัดการจอมเวทย์ตรงหน้าให้สิ้นชีพในทีแรก ตอนนี้ปีศาจมีเป้าประสงค์ที่ต่างออกไป

 

เรียวนิ้วเพรียวยาวขาวซีดไร้สีเลือดชี้ออกมาด้านหน้า ลิ่มน้ำแข็งพุ่งตรงไปเบื้องหน้าหมายปัดสิ่งปกปิดรำคาญตาให้พ้นออกจากศีรษะผู้ต่อกร แต่ไม่ทันที่ลิ่มน้ำแข็งจะได้เข้าใกล้ได้ในระยะห้าเมตรด้วยซ้ำ เปลวเพลิงสีส้มพลันสว่างวาบรอบตัวจอมเวทย์ที่ยังคุกเข่า ทุกสิ่งอย่างรอบกายพลันระเหิดหายไปในอากาศ

 

จอมปีศาจกระตุกยิ้มเยาะตัวเอง เขาชักรู้สึกอยากจะยอมแพ้จอมเวทย์ตรงหน้าเสียเหลือเกิน แต่คติของเขา คือจัดการทุกคนที่คิดย่างกรายเข้ามาในถิ่นของตนให้ราบคาบ อย่างไรเสีย มนุษย์ตรงหน้าก็จะต้องหมดพลังกายและยอมศิโรราบแก่เขาแต่โดยดี

 

ฝ่ามือขาวยกขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง จอมปีศาจอดจะรู้สึกสงสารจอมเวทย์ผู้อ่อนล้าตรงหน้าไม่ได้ เสียดายที่เขาไม่ใช่อัศวิน ไม่ใช่นักรบผู้ทรงคุณธรรมที่จะต้องคอยให้คู่ต่อสู้มีสภาพร่างกายที่พร้อมสมบูรณ์จึงจะเริ่มการโจมตีต่อ ในเวลานี้ที่อีกฝ่ายอ่อนแอ นั่นคือโอกาสของเขา

 

ดวงตาสีเทาแกมฟ้าวาววับขึ้นมาเมื่อร่างตรงหน้ายังคงไร้ปฏิกิริยา ไอเย็นล้อมฝ่ามือ พร้อมกับร่างของเขาที่พุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถของเขา แน่นอนว่าเขาจะถึงตัวจอมเวทย์ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวและเพียงแค่ฝ่ามือของเขาได้สัมผัสร่างกายตรงหน้า ร่างนั้นก็จะแข็งทื่อไร้ชีวิตอีกต่อไป

 

มันก็ง่ายดายเช่นนั้น ในสนามรบต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่พ่ายแพ้ปราชัยไป

 

เพียงแค่เอื้อมหัวใจของจอมเวทย์ก็จะถูกแช่แข็ง พร้อมสายลมวูบใหญ่พัดเข้ามา สิ่งที่จอมปีศาจปรารถนาจะไม่ให้เกิดมากที่สุดปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาคมเบิกกว้าง แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที แต่มันช่างยาวนานในห้วงความรู้สึก เมื่อสบเข้ากับดวงตากลมโต จอมปีศาจรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดูดดึงเข้าสู่วังวนแห่งความสงบ ถูกโอบอุ้มด้วยผืนแผ่นดินสีเขียวชะอุ่มที่ตนนึกปรารถนา

 

ความเจ็บปวดรวดร้าวและไอร้อนแผดเผาเข้ามาที่ใบหน้าซีกขวาอย่างรุนแรง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสคว้านลึกเข้าไปในทรวงอกคนตรงหน้าเช่นกัน

 

เกิดความเงียบขึ้นโดยรอบ ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาแม้แต่น้อยที่จะแสดงถึงความเจ็บปวด แม้ว่าบาดแผลที่ทั้งสองฝ่ายได้รับมันจะดูหนักหนาและฉกรรจ์มากก็ตาม

 

สำหรับมนุษย์ การทำลายหัวใจถือเป็นจุดตาย

 

และสำหรับปีศาจน้ำแข็งตนนี้ จุดที่เป็นพลังของเขาก็คือดวงตา

 

การต่อสู้ยืดเยื้อที่ผ่านมานั่นแท้จริงคือหยั่งเชิงของจอมเวทย์ตรงหน้าทั้งสิ้น

 

จอมเวทย์หนุ่มเหยียดยุมปากขึ้นราวกับคนมีชัย โดยไม่ได้สนใจช่วงอกของตนที่กำลังถูกความเย็นกัดกินไปทีละน้อย

 

ไม่ต่างอะไรกับจอมปีศาจแสนเย็นชา เขายกยิ้มตอบแม้ใบหน้าด้านขวาของตนกำลังจะมอดไหม้ ไปพร้อมกับดวงตา

 

“งานของข้า…จบแล้ว”

 

เจ้าของดวงตาสีมรกตเปร่งเสียงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้เข้ามาอาณาเขตของจอมปีศาจ ก่อนที่ร่างกายจะฟุบลงตรงหน้าเมื่อความหนาวเย็นกำลังกัดกินไปทั่วร่างกายจนยากที่จะขยับ จากอกลามไปตามส่วนที่ใกล้ที่สุดแผ่ขยายไปเรื่อยๆ โดยมีหยาดโลหิตในกายเป็นสิ่งนำพาความเย็นยะเยือกพวกนั้น

 

ร่างทั้งร่างปวดชา เกร็งแน่น เย็นชืดและถูกกัดกร่อนด้วยน้ำแข็งจากภายใน เกินที่จะใช้พลังของตนเข้าหลอมละลายมันได้ทัน

 

จอมปีศาจเบิกตาซ้ายที่ยังใช้การได้ด้วยความตระหนก ความรู้สึกบางอย่างในอกกำลังร้องประท้วงจากเบื้องลึกของหัวใจ — ที่คิดว่าตายด้านไปนานแล้ว หัวใจของมนุษย์ตรงหน้า ในฝ่ามือเขาเต้นแผ่วและเย็นลงเรื่อยๆ ใกล้ถึงวาระที่ร่างกายนี้จะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

 

สำหรับปีศาจอย่างเขาแล้ว หัวใจหาใช่สิ่งสำคัญ

 

หากสิ่งที่มนุษย์โลกภายนอกต้องการคือหัวใจของจอมปีศาจเช่นเขาแล้ว เขาก็จะยกมันให้

 

แต่เป็นหัวใจของจอมเวทย์ดวงเนตรสีเขียวผู้กล้าหาญคนนี้เท่านั้น

 

 

ตามตำนานเล่าขาน ถึงจอมเวทย์ผู้วิเศษผู้มีพลังแห่งไฟ เขาได้ใช้พลังของตนเข้าห่ำหั่นต่อสู้เพื่อชาวเมือง มุ่งปะทะแผดเผากับจอมปีศาจน้ำแข็ง จนมอดไหม้ ดับสูญ ชัยชนะตกเป็นของจอมเวทย์ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม

 

หัวใจน้ำแข็งถูกควักออกและถูกส่งให้แก่ผู้เป็นราชาเพื่อเป็นสิ่งยืนยันในชัยชนะของตน

 

ผู้คนเยินยอสรรเสริญจอมเวทย์ผู้ปราบวายร้ายและลบล้างน้ำแข็งออกจากแผ่นดินเสียยกใหญ่

 

ตำนานถูกสลักจารึกไว้ให้แก่รุ่นลูกรุ่นหลานสืบไปว่าจอมเวทย์ผู้วิเศษที่ไม่ได้ออกนามท่านนี้ได้ใช้เปลวเพลิงเผาทำลาย ยื่นมือเข้ามามอบแสงสว่างแห่งความหวัง ปัดเป่าและนำพาความสิ้นหวังออกจากเมือง

 

…..

 

“คิดอะไรของเจ้าน่ะ เห็นทำหน้าเครียดมาตั้งแต่ในเมืองแล้ว”

 

สองร่างหยุดอยู่ที่ชายป่านอกเมือง คนผมดำวางถุงกระดาษในอ้อมแขนลงกับพื้นก่อนจะหันหน้าเข้าหาอดีตศัตรู สองมือยกขึ้นแนบแก้มขาวที่เย็นชืดพลางลูบไล้อย่างเบามือ

 

ทั้งที่เป็นปีศาจที่ใช้พลังน้ำแข็งแท้ๆ แต่กลับลงใหลในความอบอุ่นจากฝ่ามือคู่นี้

 

ถ้าเป็นตอนนี้อาจจะโหยหาเลยก็ว่าได้

 

“ก็แค่คิดว่าร้อยปีผ่านมาแล้ว” เสียงทุ้มว่าทั้งที่ยังหลับตา ปล่อยให้นิ้วโป้งเรียบเนียนของมนุษย์ตรงหน้าเกลี่ยเปลือกตาตนเบาๆ “มันอาจจะใกล้ถึงเวลานั้น”

 

คนฟังยิ้มรับ อดีตจอมเวทย์ผู้แข็งแกร่งไม่ได้ว่าอะไรตอบ นิ้วเรียวหยุดสัมผัสที่ใบหน้า ลดฝ่ามือลงไปจับกับมืออีกฝ่าย

 

“อื้ม แล้วยังไงต่อล่ะ กลัวเหรอ?” คนตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงซุกซน

 

“แฮร์รี่…” เป็นฝ่ายจอมปีศาจบ้างที่เรียกเสียงเครียด

 

ประวัติศาสตร์มักถูกเขียนโดยฝ่ายชนะ ท้ายที่สุด เรื่องราวที่ปรากฏให้เห็นอาจจะถูกเสริมเติมแต่งอย่างไรก็ได้โดยที่เราก็ไม่อาจรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด

 

ใครจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้วหัวใจที่ถูกส่งมอบให้แก่ราชาเมื่อร้อยปีก่อน หาใช่หัวใจของจอมปีศาจน้ำแข็งไม่ แต่เป็นหัวใจของจอมเวทย์เอง

 

ใครจะรู้ความจริงได้ว่าจอมเวทย์ผู้นั้นได้สิ้นใจลงก่อนจอมปีศาจเสียอีก

 

ไม่มีใครรู้ความจริงที่ว่าปีศาจที่ทุกคนตราหน้าว่าร้ายกาจ โหดเหี้ยม และเห็นแก่ตัวตนนั้น ได้มอบหัวใจของตนให้กับจอมเวทย์ที่ได้ทำลายแหล่งพลังอำนาจของเขาจนสิ้นเองกับมือ

 

เพื่อที่… จะได้มีโอกาสสบมองนัยน์ตาสีเขียวงามคู่นั้นต่ออีกสักหน่อยก็ยังดี

 

หลังจากนั้น แฮร์รี่ก็จะมีโอกาสนับพันนับหมื่นครั้งในการที่จะปลิดชีพเดรโกได้อีกรอบ

 

เพราะปีศาจที่สิ้นพลัง ก็ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาสามัญเท่านั้น

 

แต่เจ้าตัวกลับไม่ทำ

 

บาดแผลใหญ่ฉกรรจ์ที่ท่านจอมเวทย์ได้ฝากทิ้งไว้เป็นดั่งเครื่องเตือนใจในความล้มเหลวของปีศาจผู้แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งย้ำเติมที่ทำให้ผู้วิเศษไม่สามารถหลุดไปไหนได้

 

ไม่เพียงแค่จอมปีศาจที่มีความคิดผิดแผกไปฝ่ายเดียวเมื่อได้สบสายตา

 

กว่าที่ต่างฝ่ายจะรู้ตัวว่าพาความรู้สึกของตนเองถลำลึกลงไปมากขนาดไหน ก็ในตอนที่พวกเขาต่างเสพติดและโหยหาบรรยากาศที่ต่างขั้วกับตัวเองเข้าเสียแล้ว

 

ความสัมพันธ์ที่ดูประหลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากนั้นในอีกไม่นาน ไม่มีใครที่รับรู้ นอกจากสองสิ่งมีชีวิตนี้

 

จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หันหลังให้กับคำเยินยอและเสียงสรรเสริญแก่เขา ไม่มีประโยชน์อันใดที่เขาจะต้องทำตัวเป็นวีรบุรุษต่อในเมื่อไม่มีใครให้เขาต้องปราบอีก หรือต่อให้มี เขาก็ยังยืนที่จะเพิกเฉยแก่มัน และปลดเปลื้องดาบคุณธรรมของตัวเองทิ้ง

 

เพื่อปกป้องหัวใจที่ได้รับมา

 

“เจ้ามีอายุมากี่ปีแล้วนะ” แฮร์รี่กระชับแขนที่กอดรอบแผ่นหลังกว้างของอดีตจอมปีศาจ เสียงครางในลำคอของคนในอ้อมแขนทำให้เขาตัดสินใจเงียบรอ

 

“เกือบสองพันกว่าปี” เดรโกตอบนิ่งๆ

 

“นานขนาดนั้นเชียว? งั้นหัวใจนี่ก็คงแก่แล้วน่าดู ถ้าอย่างนั้น…มันก็คงใกล้ถึงเวลา”

 

“อย่าพูดแบบนั้น” วงแขนที่กอดรอบเอวเล็กกระชับแน่นพร้อมกับใบหน้าที่ฝังลงกับไหล่แคบ “ข้าไม่พร้อมซักนิด

 

“ห่วงอะไรล่ะ? ชีวิตข้า? หรือตัวเจ้าเอง?”

 

“ชีวิตเจ้าสิ”

 

เดรโกผละออกจากร่างเล็ก เขาจ้องใบหน้าติดยียวนเขม็ง แต่แฮร์รี่ยังคงมีท่าทางไม่ทุกข์ร้อนเช่นเดิม

 

ฝ่ามือเล็กใต้ถุงมือผ้ายกขึ้นทาบอกของตัวเอง อัตราการเต้นของหัวใจยังคงปกติ แม้จะเป็นหัวใจของปีศาจ แต่ในเวลานี้กลับแยกไม่ออกเลยสักนิดว่ามันต่างอย่างไรกับของเดิมของตน ตัวตนของเขาและหัวใจดวงนี้ ผสานเข้าหากันได้อย่างลงตัวที่สุดแล้ว

 

“ข้าใช้หัวใจดวงนี้และร่างกายนี้คุ้มพอแล้ว แล้วตัวเจ้าล่ะว่ายังไง? สองพันปีพอแล้วรึยัง”

 

คนถามถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เดรโกพยักหน้าอย่างจำยอม สำหรับมนุษย์แล้วที่ปกติจะมีอายุเฉลี่ยเฉียดร้อยปี แต่แฮร์รี่กลับมีอายุที่ยืนยาวไปกว่านั้นนับร้อยปีแล้ว เพราะหัวใจของปีศาจ ไม่รู้ว่าแฮร์รี่จะทรมานหรือไม่ เพราะเดรโกก็ไม่เคยรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยถามไป

 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างมีความสุขดี

 

หากจะต้องสลายลงไปในอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้ แฮร์รี่ก็คิดว่าเขาคงไม่มีอะไรที่จะต้องเสียดายอีกต่อไป ในเมื่อตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมาเขาได้ทำทุกอย่างที่ต้องการจะทำได้ครบหมดแล้ว และเขาก็หวังว่าเดรโกจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา

 

ทุกวันนี้ก็เพียงใช้ชีวิตเพื่อรอวันที่หัวใจดวงนี้จะถึงคราวลาลับ

 

“สองพันปีของข้าที่มีเจ้าในช่วงท้ายของชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวนักหรอก ท่านจอมเวทย์” ริมฝีปากเย็นทาบลงกลางหน้าผากมนอย่างรักใคร่ “ให้อยู่นานกว่านี้ก็ได้ แต่ถ้าถึงคราวต้องจับมือกับเจ้าแล้วสลายไปพร้อมกันตอนนี้ ข้าก็คงไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้วเช่นกัน”

 

ก้อนเนื้อในอกของแฮร์รี่เต้นรัวขึ้นมา ไม่บ่อยนักหรอกที่ปีศาจเยือกเย็นตรงหน้าจะพูดจาอะไรทำนองนี้ออกมาให้รู้สึกหัวใจเต้นผิดหวะได้ เหมือนเจ้าของหัวใจคนเดิมก็จะสัมผัสได้เช่นกัน จากใบหน้าอิหลักอิเหลื่อของเจ้าตัวที่แสดงออกมาจนผู้กล้ารู้สึกเอ็นดู

 

 

ไม่รู้อีกกี่ปี กี่เดือน หรือกี่วันที่หัวใจดวงนี้จะทานทนไหว

 

ตำนานบทใหม่ที่ถูกถักทอเรียงร้อยมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีกำลังจะจบลงอย่างแท้จริงในอีกไม่นาน

 

น้ำหมึกที่กำลังสลักเรื่องราวที่มีเพียงตัวละครเอกสองตัวเท่านั้นที่รับรู้ว่าความจริงแท้ของเหตุการณ์ว่าเป็นเช่นไรใกล้ถึงเวลาหมดลง

 

และมันก็จะเป็นความลับเช่นนี้ไปตลอดกาลทันทีเมื่อลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจในจังหวะสุดท้ายได้จบลง

 

ตอนจบของตำนานที่จอมปีศาจผู้โหดร้ายได้พิชิตหัวใจของจอมเวทย์ผู้กล้า พร้อมกับลมหายใจสุดท้ายที่ดับลงไปพร้อมกัน

 

 

 

FIN


 

พล็อตเมาๆ อ๊องๆ แบบว่าชั่ววูบค่ะ นั่งคิดอะไรเพลินๆ ความกึ่งๆ พีเรียดนี้ก็ผุดมาในหัว ก็เลยต้องเขียนซะหน่อย ก่อนพล็อตมันจะปลิวจนเขียนไม่ออกค่ะ 55555

แค่มีความคิดว่า ถ้าอัศวินไม่ได้รักกับเจ้าหญิงที่ตัวเองไปช่วย แต่เกิดรักกับปีศาจมันจะเป็นยังไงหนอ มันก็หวานอมขมกลืนดีนะคะ แต่ที่เขียนไปนี่ก็ไม่ได้ดราม่าเท่าไหร่ เพราะอยากให้เขามาหยอกๆ กันและนึกถึงอดีตแค่นั้นค่ะ แฮ่

งงๆ สงสัยอย่างไรเมนต์พูดคุยได้นะคะ เขียนดึกแล้ว ง่วงมากเลยย #WizDMHP

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

[Fic Harry Potter | DMHP] #AskmakeStoryChallenge ภาพ

 

 

»»»» ภาพ

 

#AskmakeStoryChallenge

Fandom : Harry Potter

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter | DMHP

 

fc632ec6-49e5-447f-aade-e509e0cc78f4

 

⊗ AU โลกปัจจุบัน

 


 

 

ในฐานะช่างภาพแล้ว ไม่ว่าภาพในความเป็นจริงจะไม่ได้สวยหรูมาก แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในโฟกัสของกล้องแล้ว

 

ภาพทุกภาพล้วนออกมาสวยงามเสมอ

 

บรรยากาศชื่นมื่น เคล้าด้วยทำนองเพลงสบายหู กลีบดอกไม้ปลิวว่อนรอบทั่วงานแบบเอาท์ดอร์ ม่านผ้าสีขาวสะอาดตาที่ถูกติดประดับไปตามเสา ตามร่มคันใหญ่ก็ลู่ไปตามแรงลม

 

รอยยิ้ม แต่งแต้มติดตรึงรอบงาน

 

กลิ่นแห่งความสุขลอยอวลไปทั่วบริเวณ

 

ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่กลับมีคนหนึ่งคน ที่ไม่ได้มีความรู้สึกเอนเอียงไปในทางเดียวกันกับบรรยากาศนี้

 

ทุกอย่างกำลังจะจบลง แม้ว่าความจริงมันจะกำลังเริ่ม

 

เสียงชัตเตอร์กล้องดังเป็นระยะ จากตากล้องที่ดูเด่นที่สุดภายในงานแห่งนี้ เขาเดินวนไปมารอบงานมาร่วมสองชั่วโมง เคียงข้างคนที่เป็นตัวเด่นในงาน

 

กลิ่นหอมของดอกไม้มันทำให้เขารู้สึกเอียน

 

สีขาวมันทำให้เขารู้สึกมืดมน

 

และรอยยิ้มมันกำลังกรีดลึกบาดแทงเป็นแผลในใจ

 

พระเอกของงานผละออกไปแล้ว พร้อมรอยยิ้มสดใสของเจ้าตัว ถ้าเป็นดังในครั้งก่อน เขาคงจะหลงรักรอยยิ้มนั้นยินดีกับรอยยิ้มนั้น และมีความสุขไปกับมัน

 

กล้องตัวแพงถูกยกขึ้นมาแนบบริเวณดวงตา บดบังใบหน้าเกือบทั้งหมดอยู่เบื้องหลัง ให้คนที่ยืนอยู่หน้าเลนส์ได้เห็นเพียงอุปกรณ์สีดำขลับ และส่งยิ้มกลับมา

 

ใช่ ไม่ต้องเห็นหรอก ว่าช่างภาพกำลังมีสีหน้าเช่นไรภายหลังกล้องตัวนี้

 

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน คนที่ยิ้มให้กล้องนี้ก็คงจะเป็นยิ้มที่มอบให้แก่เขา

 

ไม่ใช่แค่ยิ้มตามมารยาทเมื่ออยู่หน้ากล้อง

 

…..

 

อากาศร้อนผ่าวในช่วงฤดูร้อน การได้มานั่งเล่นในสวนสาธารณะที่มีต้นไม้ใหญ่ พร้อมด้วยปูเสื่อนั่งเล่นริมทะเลสาบที่มีน้ำเย็นๆ ปล่อยความชื้นให้สัมผัสได้บ้างก็เป็นบรรยากาศที่ไม่เลวนัก

 

ชายหนุ่มสองคนนั่งพิงหลังกันใต้ไม้ใหญ่ คนหนึ่งกำลังจัดการกับกล้องถ่ายรูปตัวโปรดของตัวเองโดยที่อีกคนก็นั่งชมนกชมไม้ไปเรื่อย

 

“เรียบร้อย”

 

เสียงทุ้มหวานเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี เจ้าตัวยกกล้องตัวเล็กขึ้นแนบดวงตาก่อนจะลั่นชัตเตอร์ เขาก้มมองดูภาพในจอดิจิทัลก่อนจะระบายยิ้มกว้างขึ้น

 

แผ่นหลังกว้างที่ติดกันค่อยๆ ผละออก เส้นผมสีบลอนด์ทองชะโงกมาจากด้านหลังมองไปยังจอภาพที่มีภาพวิวริมทะเลสาบที่เห็นพุ่มดอกไม้เล็กๆ อีกไม่ไกล

 

“เก่งมาก”

 

แฮร์รี่ยิ้มกว้างออกมา เขาหมุนตัวไปประชันหน้ากับอีกคน กล้องถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง แต่เหมือนนายแบบจะมีท่าทางอิดออด

 

“ถ่ายอีกแล้วเหรอ”

 

“อื้อ เร็วๆ อุตส่าห์ปรับได้แล้ว ครั้งนี้หล่อแน่”

 

คนผมดำท่าทางกระตือรือร้นไม่น้อย เขาลดกล้องลงแล้วรีบเอื้อมตัวไปจัดการกับคนที่ไม่ยอมเก๊กท่าทางให้เขาถ่ายสักทีด้วยตัวเอง ดีที่ว่านายแบบจำแลงก็พอจะให้ความร่วมมือ แฮร์รี่จึงไม่ต้องออกแรงบังคับให้มากนัก

 

ตากล้องตัวเล็กยิ้มขำ กล้องประจำตำแหน่งอีกครั้งก่อนจะเริ่มลงมือถ่ายภาพต่อ ปากก็เริ่มสั่งคนตรงหน้าให้ขยับเปลี่ยนท่าทางบ้างอย่างสนุกสนาน

 

“พอแล้ว ฉันไม่ชอบดูหน้าตัวเองตอนเอารูปลงคอมหรอกนะ”

 

“เอ้า แต่ฉันชอบ”

 

“งั้นสลับกันได้ละ”

 

ไม่ว่าเปล่า เดรโกเอื้อมแขนจนสุดคว้ากล้องในมือของแฮร์รี่มาถือไว้ แฮร์รี่ย่นหน้าเล็กน้อยที่ถูกชิงของเล่นชิ้นดีไป แต่ก็ยอมนั่งนิ่งปล่อยให้เดรโกจัดการกับกล้องของเขาต่อ

 

ไม่นานเกินรอเดรโกก็เงยหน้าขึ้น เขายกกล้องขึ้นทาบดวงตาด้วยมือข้างเดียวก่อนจะชัตเตอร์ทันทีอย่างที่แฮร์รี่ไม่ทันตั้งตัว

 

“อ้าวเฮ้ย! รีบไปไหนล่ะ ยังไม่ทันเก๊กเลย”

 

“เก๊กไปใช่จะหล่อ ไม่ต้องหรอก”

 

“ปากหาเรื่องซะแล้ว”

 

เดรโกขำเบาๆ ก่อนจะยกกล้องขึ้นอีกครั้ง รอบนี้แฮร์รี่จะไม่ยอมเหวออีก เจ้าตัวตั้งท่าอยู่ซักพักจนเดรโกกดชัตเตอร์ลงไป

 

จากการนั่งถ่ายบนเสื่อ ก็เริ่มขยับออกไปนอกเสื่อบ้างแล้ว แล้วก็ขยับไปไกลขึ้นถึงริมทะเลสาบ มือซนก็หันดึงยอดหญ้าอ่อนหรือดอกไม้เล็กๆ มาเป็นพร้อบถ่ายรูปเสริมแล้ว

 

แฮร์รี่ดูสนุกกับการถูกถ่ายมากกว่าถ่ายเองเยอะ

 

กลิ่นดอกไม้ฤดูร้อนที่บานอยู่บริเวณใกล้เคียง ให้ความรู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งได้เป็นไหนๆ

 

ยิ่งรวมเข้ากับรอยยิ้มเจิดจ้าสู้แสงอาทิตย์ของนายแบบหน้าเลนส์แล้ว หัวใจของเดรโกก็ยิ่งพองฟู

 

นายแบบจำเป็นคล้ายว่าจะเหนื่อยแล้ว แฮร์รี่เดินขยี้เส้นผมมาหาตากล้องที่กำลังก้มมองรูปที่เพิ่งถ่ายไป มีแฮร์รี่ในอิริยาบถมากมายจนแม้แต่เจ้าตัวเองยังลายตากับความเยอะของภาพ

 

“เดรก นายชอบภาพไหน ฉันว่า..อันไหนมันก็เหมือนกันหมดเลยแฮะ”

 

แฮร์รี่มองอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย เขาเลิกที่จะดูภาพในจอแล้วเงยหน้ามองคนที่ถือกล้องอยู่แทน เดรโกยังคงมองไปที่ภาพและผุดยิ้มจางออกมา ดวงตาเรียวคมเสมองคนข้างกายที่กำลังรอคำตอบของเขาด้วยความหวัง

 

“ไม่มี” เดรโกตอบเรียบๆ

 

“ห๊ะ!” แฮร์รี่เหวอทันที

 

มือเล็กกำลังจะเอื้อมมาหยิบกล้องถ่ายรูปไปดูเอง แต่คนตัวสูงกว่ารีบเบี่ยงตัวหลบแล้วยกแขนข้างหนึ่งตวัดกอดรอบคอของแฮร์รี่แทน คนตัวเล็กมุ่ยหน้าขัดใจแต่สายตากลับสะดุดเข้ากับรูปหนึ่งที่เดรโกเปิดค้างไว้

 

“ฉันชอบรูปนี้!”

 

คนฟังยิ้มรับ พลางเหลือบมองภาพในกล้องของตัวเอง

 

รูปล่าสุดที่เขาขอให้เด็กแถวนี้มาถ่ายให้

 

รูปคู่ที่ออกจะเบลอๆ ไปสักหน่อย

 

“จริงๆ แล้ว.. ไม่มีรูปไหนที่ฉันไม่ชอบหรอก” แฮร์รี่เงยหน้ามองเดรโกด้วยแววตาฉงน

 

“ภาพไหนที่มีนาย ฉันก็ชอบมันหมดทั้งนั้น”

 

เป็นแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า แต่อบอุ่นที่สุดสำหรับเดรโก

 

…..

 

สองมือค่อยๆ เก็บอุปกรณ์ถ่ายรูปต่างๆ ลงกล่องอย่างคล่องแคล่ว ร่างสูงในชุดสูทสูดหายใจเล็กน้อยพลางเหลือบมองช่อดอกไม้เล็กๆ ที่วางอยู่ข้างมือ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน เขาเริ่มลังเลแล้วว่าควรจะให้มันกับเจ้าบ่าวของงานที่กำลังยืนส่งแขกกับเจ้าสาวของเจ้าตัวดีหรือไม่

 

ด้วยภาษาดอกไม้ที่อีกฝ่ายน่าจะเข้าใจดี

 

แดฟโฟดิล สีเหลือง

 

เดรโกแค่นยิ้มกับตัวเอง เขาเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่แฮร์รี่ยืนส่งยิ้มอำลาแขกด้วยความร่าเริง ข้างกายมีหญิงสาวที่เป็นตัวจริงยืนอยู่ข้างๆ

 

ภายในงานแต่งงานนี้ ท่ามกลางกลิ่นดอกไม้ที่อบอวล เดรโกขอบคุณที่ยังมีกลิ่นแดฟโฟดิลช่อเล็กนี้เป็นเพื่อนที่ทำให้เขาไม่บ้าไปเสียก่อน

 

ตามตำนาน การได้ถือแดฟโฟดิลไว้ในอ้อมกอด ก็เสมือนได้โอบกอดแสงอาทิตย์

 

แต่น่าเสียดาย ที่แสงอาทิตย์ดวงนี้ไม่เป็นของเดรโกอีกต่อไป

 

ของทุกอย่างถูกเก็บลงกล่องครบหมดแล้ว

 

เฉกเช่นเดียวกันกับความรู้สึกของเขา ที่คงจะต้องฝังมันไว้ให้ลึกที่สุด เก็บไว้ก้นกล่อง ไม่ต้องเปิดมันออกมาอีกเลย

 

เมมโมรี่การ์ดสำหรับภาพในงานถูกวางทิ้งไว้อย่างสงบบนโต๊ะ พร้อมด้วยภาพโพลารอยด์เบลอๆ หนึ่งรูป

 

และช่อดอกแดฟโฟดิล

 

รัก.. โดยที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน

 

 

 

FIN

 


 

สำหรับชาเลนจ์วันที่ 8 นั้น ข้าน้อยขอเขียนดราม่าบ้างดีกว่า.. กรุณาอย่าปาสิ่งของอันใดใส่เราเลยนะคะ //หลบหลีก พล็อตตากล้องเป็นแฟน เอ๊ะ หรือแบบมากกว่าเพื่อนแต่ยังไม่ใช่แฟนแล้วต้องมาถ่ายรูปกับอดีตเราในงานแต่งนี่เราได้มาตอนไปงานแต่งเพื่อนค่ะ หาช่องทางเขียนได้สักที คิกค้ากกก มากอดชายแน่นๆ กันค่ะ!

สำหรับดอกแดฟโฟดิล เราลองไปหาความหมายมาก็จะหมายถึง ความกล้าหาญ ความเสียสละ มิตรภาพ และการมอบความรักให้แก่คนรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนค่ะ จึงลงเอยที่แบบนี้ค่ะ #CLDMHPwhis

[Fic Harry Potter | DMHP] #AskmakeStoryChallenge ความลับ

 

»»»» ความลับ

 

#AskmakeStoryChallenge

Fandom : Harry Potter

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter | DMHP

 

b0774da1-a615-48ff-8169-11ee5f9b0230

 

⊗ แฮร์รี่อยู่สลิธีรินจ้า


 

 

ปกติแล้วคนเราเก็บความลับไว้ได้นานแค่ไหนกัน?

 

บางคนอาจจะเก็บไม่ได้เลย

 

หรือบางคนอาจะช่วงเวลาสั้นๆ

 

หรือ…

 

อาจจะเก็บไว้ได้นานหลายปี

 

 

วันนี้เจ้าของผมบลอนด์ทองยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟานุ่มตัวเดิมในห้องนั่งเล่นสลิธีริน เสียงตึงตังปนเอะอะเล็กน้อยดังมาจากทางประตูเข้าหอทำให้เขาจำใจละสายตาเพื่อมองไปยังต้นตอของเสียงน่ารำคาญ

 

และก็ตามคาดของเขา

 

แฮร์รี่และกลุ่มเพื่อนของตัวเองพากันไปก่อเรื่องเล่นสนุกอะไรอีกตามเคย ไม่ปฏิเสธหรอกว่าตัวเขาเองก็มักจะชอบออกไปแกล้งและหาเรื่องเด็กบ้านอื่นอยู่บ่อยๆ แต่ก็ติดอยู่ที่ว่าตอนนี้เป็นช่วงใกล้สอบ บวกกับไอ้แก๊งประจำของเขาที่จะออกไปไหนด้วยกันก็ดันไปกับแฮร์รี่ พอตเตอร์คนนั้น

 

“เดรก! นายน่าจะไปด้วยกัน พวกเด็กกริฟฟินดอร์นั่นหน้าตาแตกตื่น ตกใจหัวฟูกันหมด”

 

แล้วเสียงระเบิดหัวเราะก็ดังตามมา เขาพยายามนึกภาพตามอย่างที่ว่าแล้วกระตุกยิ้มแค่นั้น ก่อนจะก้มอ่านหนังสือต่อ แต่เหมือนท่าทางที่ยิ้มแค่มุมปากนั่นจะไปสะกิดต่อมรำคาญใจของใครสักคนเขา

 

ฝ่าเท้าปริศนายื่นเข้าไปสะกิดหน้าแข้งของเดรโกอย่างแรงจนเจ้าของร่างเงยหน้าขวับมองคนที่บังอาจมาเตะเขา แน่นอนว่าในบ้านสลิธีรินมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่กล้ากวนประสาทและทำอะไรแบบนี้

 

“ทำบ้าไรพอตเตอร์”

 

“เปล่า ก็แค่ขานายมันขวางทางฉัน”

 

ริมฝีปากอิ่มทำทีเบะลงแล้วปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินตัดหน้าเดรโกไปอีกฝั่งจากที่เจ้าตัวยืน แต่คนฟังคิ้วกระตุกด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ไปเสียแล้ว

 

เมอร์ลินเป็นพยานเหอะ! ว่าเขาไม่ได้ยื่นขาไปขวางทางไอ้เจ้าแว่นนั่นแม้แต่น้อย!

 

นอกจากเด็กบ้านสิงห์ที่แฮร์รี่ชอบไปแกล้งแล้ว ก็มีคุณชายใหญ่ประจำบ้านงูอีกคนนี่แหละที่เหมือนเจ้าคนๆ นั้นจะไม่กินเส้นด้วยแม้จะอยู่บ้านเดียวกัน

 

“นายมันกวนเท้า พอตเตอร์”

 

ร่างเล็กที่ไม่ได้เดินไปไหนไกลแต่แรกหมุนตัวกลับมามองค้อนคนที่นั่งที่โซฟาตาเขม็ง เดรโกจ้องตอบดวงตาสีเขียวสดใสหลังเลนส์แว่น หางคิ้วโก่งคมหลยักขึ้นอย่างท้าทายใครอีกคน

 

“นายว่าไงนะ”

 

เพื่อนร่วมบ้านที่ยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงพากันกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เมื่อบรรยากาศระหว่างหัวโจกใหญ่ของบ้านกำลังจะทะเลาะกันอีกครั้ง ไม่ง่ายนักที่ใครจะห้ามทัพเวลาสองคนนี้ทะเลาะกัน หลบได้หลบ หนีได้หนี ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้จะดีกว่า

 

เสียงเย็นเยียบบาดไปตามผิวของคนอื่น แต่เหมือนไม่มีผลกับคุณชายของบ้านนัก ร่างสูงปิดหนังสือพลางยืดตัวขึ้นและย่างสามขุมเข้าหาร่างเล็กที่ยืนไม่ห่าง

 

แฮร์รี่ลอบกลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ สีหน้าของเดรโกดูขึงขังจริงจังมากกว่าครั้งไหนที่พวกเขาเคยทะเลาะกัน เขาถอยหลังเล็กน้อยเพื่อหนีคนที่ตีหน้านิ่งเข้าหา แต่เหมือนนั่นจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ใจ เดรโกสับฝีเท้าไวขึ้นจนแฮร์รี่ตัวเซเท้าพันกัน

 

แผ่นหลังเล็กชนเข้ากับความแข็งของก้อนหินด้านหลัง เตาผิง เป็นสิ่งที่รองรับหลังแฮร์รี่เอาไว้ ความอุ่นบางเบาลอยมากระทบเล็กน้อย แต่แฮร์รี่ไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมรอบกายเท่าใดแล้ว เพราะสิ่งที่เขากังวลมากกว่าว่าไฟในเตาผิงจะลามมาไหม้ขาของเขาไหม ก็คือใบหน้าของเดรโกซึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าแฮร์รี่เพียงคืบ

 

ไม่พอ ร่างของเขายังถูกกักด้วยเรียวแขนยาวจากอีกฝ่ายที่ส่งมากักเขาตัวเขาเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

 

นัยน์สีเทาซีดกดต่ำกรีดมองคนในการควบคุมระยะประชิด ใบหน้าขาวซีดขยับชิดมากขึ้น จดจ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวที่ยังคงส่อแววดื้อดึงและรั้นอยู่ในที แต่ก็ไม่อาจพ้นสายตาคมกริบของเดรโกได้อยู่ว่าลึกๆ แล้วดวงตาคู่นั้นแฮร์รี่ก็กำลังกังวล แม้ว่าจะพยายามซ่อนมันขนาดไหนก็ตาม

 

รวมถึงเขาเองก็ต้องพยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ไม่ต่างเช่นกัน

 

เดรโกทอดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะจ้องดวงตาตรงหน้าได้โดยที่ไม่หลงใหลไปกับความงามนั้น

 

ความงามที่เขาเห็นมันมาแต่แรกนับแต่ที่ได้เจออีกฝ่าย

 

ตั้งแต่วินาทีนั้น… หัวใจของเดรโก มัลฟอยก็ไม่เป็นของเดรโก มัลฟอยเองอีกต่อไป

 

ด้วยระยะที่ใกล้และเสียงที่เงียบจนได้ยินเพียงเสียงหายใจของกันและกัน ความอุ่นจากเปลวเพลิงด้านหลังของแฮร์รี่ผสานไปกับความเย็นโดยรอบหอพักคล้ายเป็นสิ่งโน้มน้าวอารมณ์ของเดรโกได้โดยง่าย

 

จากระยะเพียงคืบ มันหดน้อยลงกว่านั้น สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น

 

แฮร์รี่จะรู้บ้างไหม ว่าเดรโกไม่ได้มองเจ้าตัวเพียงแค่เพื่อนร่วมบ้าน

 

ไม่ ไม่รู้หรอก

 

แฮร์รี่จะรู้บ้างไหม ว่าเดรโกไม่ได้มองเจ้าตัวเป็นศัตรูคู่กัดอย่างที่ทำทุกวันนี้

 

ไม่ ก็คงไม่รู้หรอก

 

แฮร์รี่จะรู้บ้างไหม ว่าเดรโกคนนี้เก็บความลับมาได้นานถึงห้าปีแล้วว่าเขาชอบอีกฝ่ายมากขนาดไหน

 

ไม่ ไม่มีทางรู้

 

ปึก!!

 

“โอ๊ย!!”

 

“หึ ไอ้เจ้างั่งมัลฟอย! คิดจะแกล้งจูบฉันยังเร็วไป 10 ปี!”

 

เดรโกทรุดตัวกุมท้องน้อยตัวเองแน่นเมื่อจู่ๆ ก็มีเข่าจากคนตรงหน้าเสยขึ้นมา เดรโกเงยหน้าส่งตาเขียวปั๊ดมองคนที่กำลังยืนส่งยิ้มท้าทายมาให้อย่างเคืองๆ แฮร์รี่ยักคิ้วไม่ยี่หระก่อนจะเบี่ยงร่างของตัวเองเดินอ้อมเดรโกออกไป

 

ร่างเล็กชะงักหยุดไปเมื่อเดินได้ไม่กี่ก้าว เดรโกยังคงนั่งที่เดิมมองตามหลังเล็กไว้อย่างคาดโทษ

 

ใครกันแน่ที่เป็นเจ้างั่ง

 

แฮร์รี่ผินหน้ากลับมามองคนด้านหลังเล็กน้อย ใบหน้าเค้าแววลังเลบางอย่าง เนตรสีมรกตก้มมองคนที่ยังคงส่งสายตาเคืองๆ มาให้เขาก่อนจะตัดสินใจหันใบหน้ากลับไป

 

แววตาที่เดรโกทอดมองมาเมื่อสักครู่ มันไม่ดีต่อใจสักนิด

 

เจ้าจอมแก่นแห่งสลิธีรินตัดสินใจขยับฝีเท้าเดินกลับไปทางหอนอนของตัวเองในที่สุด กดความรู้สึก ฝังอารมณ์ที่ไม่รักดีของตัวเองไว้ให้ลึกสุด และจะไม่มีวันเผยมันออกมา

 

แฮร์รี่ เธอมีความลับอะไรที่ไม่ได้บอกฉันรึเปล่า

 

เสียงเพื่อนสาวคนสนิทดังในความคิด และมันก็แย่ไปเสียทุกครั้ง ที่แฮร์รี่มักจะรู้สึกยินดีไปกับคำถามนี้

 

เป็นความรู้สึกย้อนแย้งที่อยากจะตีตัวเองเสียจริง

 

มีสิ ความลับฉันน่ะ..”

 

เก็บไว้คนเดียว ไม่บอกใคร

 

ดันไปชอบคนที่ไม่ควรชอบเลยน่ะสิ

 

 

FIN


 

มาต่อกับชาเลนจ์วันที่ 7 นะคะ! ตอนแรกนึกว่าจะลงวันนี้ไม่ได้ เพราะ Avengers End Game ทำพิษมากกค่ะ แต่สุดท้ายต้องหาอะไรมาฉุดเราออก เอื้ออออ

สำหรับหัวข้อนี้ พอเห็นปุ๊บ พล็อตเพื่อน(ไม่)สนิทคิดไม่ซื่อต้องมาเลยค่ะ ต่อให่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ความเป็นศัตรูจะมิจางๆๆๆ 55555555 แต่ใครว่าชายเดรกมีความลับคนเดียวล่ะ อิอิ

#CLDMHPwhis

[Fic Harry Potter : DMHP] #AskmakeStoryChallenge อารมณ์

 

 

»»»» อารมณ์

 

#AskmakeStoryChallenge

Fandom : Harry Potter

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter | DMHP

 

⊗ R-18

 


 

 

“หากเป็นคุณ คุณมีวิธีจัดการกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองอย่างไรครับ?”

 

เจ้าของเส้นผมบลอนด์ทองสว่างเลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่เขาได้รับในโอกาสที่เขาได้มาเป็นแขกรับเชิญในการสัมภาษณ์ลงนิตยสารพ่อมดแม่มดครั้งนี้ แต่มันออกจะ.. จะว่างุนงงและสามารถตีความหมายของคำถามไปได้หลายทางก็ว่าได้

 

ชายหนุ่มยังคงชะงักค้างกับความไม่กระจ่างนั้นจนกระทั่งคนสัมภาษณ์ยอมสั่งให้พักเสียก่อน

 

ใบหน้าหล่อคลายลง ในหัวเขายังคงมีคำถามนั้นวนเวียนอยู่และเหมือนว่าคนถามจะมองเห็นในสิ่งที่ตัวเอกครั้งนี้เป็นกังวล

 

“คำถามยากไปเหรอ”

 

เดรโกส่ายหน้ายิ้มๆ แต่ในหัวของเขายังคงทวนคำถามนั้นไปด้วย

 

“คือ..ผมแค่สงสัยว่า.. มันในความหมายไหน”

 

ชายวัยกลางคนยกยิ้ม เขาวางมือลงบนไหล่กว้างพลางออกแรงบีบเบาๆ ดวงตาที่มีแววชราวัยกว่าทอดมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความกันเอง

 

“จะความหมายไหนก็ได้ เอาความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในหัว” เขาว่าพลางทำหน้านึก “จะอารมณ์พลุ่งพล่านดีใจตอนได้ไม้กายสิทธิ์ที่ร้านโอลิแวนเดอร์ ได้ขี่ไม้กวาดวันแรก หรืออะไรก็ได้ อะไรที่ทำให้ใจเต้นแรงจนยากเกินควบคุมน่ะ”

 

เดรโกเหยียดยิ้มเยาะในใจออกมาแม้ใบหน้าจะยังเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา ยอมรับเลยว่าสมัย 11 ขวบที่เขาได้ไม้กายสิทธิ์ของตัวเองมามันดีใจและสุขใจขนาดไหน เขายังคงจำความรู้สึกตื่นเต้นในร้านวันนั้นได้

 

แต่ตอนนี้มันก็ค่อนข้างจะงั้นๆ แล้วสำหรับเขา

 

เรื่องขี่ไม้กวาดก็ไม่ได้สร้างอารมณ์พลุ่งพล่านมากพอให้เขาต้องจดจำแม้ว่าจะเคยเชื่อมั่นว่าตัวเองจะทำได้ดีที่สุดในรุ่น

 

แม้สุดท้ายมันจะพังครืนเพราะเด็กอีกคนที่เขาหวังตั้งใจแกล้งในคาบก็ตาม

 

ชายหนุ่มยกยิ้มสุภาพให้ชายชรากว่า ดวงตาสีเทาซีดมองตามแผ่นหลังเจ้าของงาน เขาหลุบตาลงพลางปิดเปลือกตาเพื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน

 

อะไรที่ทำให้ใจเต้นแรง

 

จนยากเกินควบคุม …

 

เขาจัดการกับอารมณ์นั้นอย่างไรน่ะเหรอ…

 

…..

 

เสียงแว่วหวานครางหวนดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างกายถูกโลมเล้าอย่างหนักด้วยฝ่ามือหนาที่กำลังไล่ฟอนเฟ้นไปตามส่วนเว้าโค้งของร่าง ทุกๆ ที่ที่ฝ่ามือเคลื่อนผ่านคล้ายจะหลอมละลายร่างข้างใต้ให้เหือดหายไปทุกวินาที

 

ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องกังงลว่าจะมีใครมาขัดกิจกรรมของพวกเขา

 

เดรโกโน้มใบหน้าลงเพื่อประกบริมฝีปากอิ่มแดงช้ำตรงหน้า ดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าลิ้มลองสัมผัสนิ่มและรสชาติหวานล้ำตรงหน้าจนพอใจ

 

ดวงตาซึ่งไร้กรอบแว่นบดบังน่ามองเสมอสำหรับเดรโก นิ้วเรียวปาดปัดไปตามคิ้วโก่งหนาไล้เรื่อยไปตามโครงหน้าที่เริ่มชื้นเหงื่อ ก่อนจะส่งริมฝีปากไปประทับบนหน้าผาก ตำแหน่งเดียวกับที่มีรอยแผลเป็นนั่นอยู่

 

ใบหน้าขาวชมพูขึ้นสีจัดชัดขึ้นมาเมื่อถูกคนด้านบนจุมพิตลงในจุดนั้น

 

“ก็บอกว่าอย่า..จูบตรงนั้นไงเล่า”

 

“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”

 

เดรโกว่าขำๆ พลางไล่จูบตั้งแต่หัวคิ้วไปตามสันจมูกรั้นจนทิ้งสัมผัสหนักๆ ลงที่ปลายจมูก แฮร์รี่ทำท่าทางสั่นตัวน้อยๆ อย่างคนขนลุกก่อนจะย่นจมูกใส่ไปที

 

มือสองคู่จัดการช่วยกันปลดเปลื้องอาภรณ์ให้พ้นออกจากตัว แฮร์รี่ยังคงประหม่าเล็กน้อยกับการกระทำเช่นนี้ ยากที่จะทำใจให้สบายไปเสียทุกครั้งแม้ว่านี่ก็จะไม่ใช่ครั้งที่สองหรือสามแล้วก็ตาม

 

ดวงตาสีเทาตวัดมองเรือนร่างขาวผ่องตรงหน้าด้วยสายตาพราวระยับ แววเจ้าเล่ห์ส่อฉายชัดออกมาไร้การปิดบังจนคนที่ถูกลวนลามด้วยสายตาหน้าขึ้นสีมากขึ้นทั้งยังเขินอายจนต้องส่งฝ่ามือไปยันใบหน้าร้ายๆ นั่น

 

แฮร์รี่มักถูกเดรโกกลั่นแกล้งเช่นนี้เสมอยามอยู่บนเตียง

 

คนร้ายกาจไม่ปล่อยให้ตัวเองได้ถูกกระทำอยู่นาน เขาโน้มตัวลงแนบชิดกับคนใต้ร่างมากขึ้นโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากอุ่นแนบเข้ากับซอกคอขาว แผ่นอกเปลือยเปล่าทั้งสองบดเบียดเข้าหากันจนคนข้างใต้ครางฮือ

 

รอยจูบเริ่มระดมเพิ่มไปเรื่อยๆ ตามซอกคอและเนินอก แฮร์รี่ไม่ได้ปฏิเสธหรือผลักไส ยิ่งเดรโกหยอกเล่นกับร่างกายเขามากเท่าไหร่ ร่างกายของแฮร์รี่ก็ยิ่งมีปฏิกิริยามากขึ้นเท่านั้น เรียวแขนขาวตวัดรอบลำคอแกร่งตรงหน้าแน่น ปลายนิ้วจิกเข้าที่ท้ายทอยเพื่อหวังสยบอาการเสียวซ่านของตัวเอง

 

เดรโกไม่มั่นใจนักว่าเขาจะอดทนไม่ทำรุนแรงกับร่างกายนี้ได้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อตอนนี้แฮร์รี่กำลังยั่วยวนเขาแบบขีดสุด

 

เส้นอารมณ์ที่พยายามควบคุมให้คงที่ที่สุดกำลังสั่นคลอน เสียงครางหวานหู กายเล็กร้อนผ่าวยามที่ฝ่ามือหนาไล่สัมผัสลงไปทุกจุดคล้ายจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการจุดอารมณ์ของเดรโกให้พุ่งสูงขึ้น

 

ร่างสูงผละออกจากยอดอกที่กำลังดูดดึงจนชุ่ม แต่แล้วเขาก็รู้สึกคิดผิดเมื่อละมันออกมา เมื่อเงยหน้าเขาก็พบกับนัยน์ตาสีเขียวที่เขานึกหลงใหลมาแต่ไหนแต่ไรกำลังช้อนมองพร้อมด้วยหยดน้ำปริ่มๆ หวิดจะไหลออกมา

 

หัวใจของเดรโกเต้นแรงพร้อมกับสมองที่ปั่นป่วนไปหมด ไม่ว่าครั้งไหนก็ไม่เคยชินชากับแฮร์รี่ในสภาพนี้สักครั้ง

 

และเขาจะมีวิธีรับมือกับความรู้สึกนี้อย่างไรน่ะเหรอ..

 

ฝ่ามือหนาร้อนเลื่อนไล้ต่ำลงหยุดที่ซอกขาด้านใน เนื้อนิ่มบริเวณนั้นถูกบีบคลึงไปมาจนเจ้าของร่างเกร็งขนัดไปทั้งร่าง แฮร์รี่กำหมอนใบเล็กข้างหัวแน่นเมื่อเดรโกยังคงสารวนฝ่ามือกับช่วงล่างของเขาไม่หยุด ลมหายใจร้อนผ่อนออกมารอบแล้วรอบเล่า

 

จะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องถูกปั่นหัวคนเดียว นั่นคือสิ่งที่เดรโกนึกอยู่เสมอ

 

ยิ่งได้เห็นสีหน้าติดทรมานที่เหมือนจะอดกลั้นรอคอยของแฮร์รี่ เดรโกก็ยิ่งนึกสนุก เรื่องที่โลมเล้าให้จนแฮร์รี่รู้สึกต้องการเขาจนถึงขีดสุด เดรโกรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร

 

เพราะถ้าหากเมื่อใดที่แฮร์รี่ต้องการเดรโกมากๆ ก็จะเป็นอีกฝ่ายเองที่เรียกหาเรียกร้องอสรพิษด้วยตัวเอง

 

“เดร.. อ๊ะ!”

 

นิ้วแรกขยับเข้าไปสำรวจในช่องทางที่เขาคุ้นชินดี มันยังคงอุ่นร้อน รัดแน่น และให้ความรู้สึกปั่นป่วนกับเขาได้เสมอ ยิ่งผสานไปกับกายบางที่กำลังบิดเร้าและส่งเสียงเชิญชวน ทุกอย่างมันก็มากพอที่จะทำให้เดรโกไม่อยากอดทน

 

แค่มีสมาธิ จดจ่อ ตั้งใจ และทำให้ทุกท่วงทำนองมันดำเนินไปเองตามสัญชาตญาณและสิ่งที่หัวใจ รวมถึงร่างกายเพรียกหาร่ำร้อง…

 

กว่าจะรู้ตัวว่าเราเดินทางไปถึงจุดไหน ก็ในตอนที่ต่างฝ่ายต่างแทบสิ้นเรี่ยวแรงและไร้เสียงพูดต่อกัน

 

…..

 

เดรโกลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดเบาๆ ที่ไหล่ เป็นหนึ่งในทีมงานนิตยสารที่เหมือนจะมาบอกให้เขาเตรียมตัวอีกรอบ สุดสายตาคมปลาบคือชายชราคนเดิมที่กำลังส่งยิ้มมาทางเขา และเดรโกยกมุมปากตอบกลับไป

 

การสัมภาษณ์กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง คุณชายมัลฟอยมีท่าทางผ่อนคลายมากขึ้น เจ้าตัวไขว่ห้าง ประสานมือทั้งสองไว้บริเวณหน้าอกพร้อมดวงตาที่พราวระยับ

 

ในหัวของเขารู้สึกจะเริ่มว้าวุ่นขึ้นมาเสียแล้ว

 

“เอาล่ะครับ เรามาต่อกันเลยดีกว่า สำหรับคำถามนะครับ หากเป็นคุณ คุณมีวิธีจัดการกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองอย่างไรครับ?”

 

ชายชรายิ้ม และเดรโกก็ยิ้ม ริมฝีปากบางอ้าออกเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเอ่ยคำตอบของคำถามด้วยท่าทีใจเย็นและสงบนิ่งราวกับว่ามันไม่มีอะไร

 

แม้ในใจของเขา อารมณ์มันกำลังจะพลุ่งพล่านไปตามสิ่งที่คิดในหัวก็ตาม

 

“ผมน่ะก็แค่…”

 

 

 

FIN


 

เยะ! ชาเลนจ์วันที่ .. 6 (ใช่ไหม..) มาเสิร์ฟค่ะ! ตอนนี้เขียนยากนิดหน่อย เพราะไม่ได้เขียน NC แบบนี้มาซักพักแล้ว ติดขัดหรือหากชอบไม่ชอบอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ!

#CLDMHPwhis

[Fic Harry Potter | DMHP] #AskmakeStoryChallenge รักสุดท้าย

 

 

»»»» รักสุดท้าย

 

#AskmakeStoryChallenge

Fandom : Harry Potter

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter | DMHP

 

⊗ เรื่องราวโยงมาจากชาเลนจ์ของตอนก่อนหน้า ในวันที่ 4 นะคะ

 


 

 

เสียงทุ้มหวานดังเอื่อยก้องห้องกว้างบนเตียงขนาดใหญ่ที่พอให้ผู้ใหญ่สองและเด็กอีกสองคนนอนได้อย่างเพียงพอและสบายบนฟูกนุ่ม

 

เรื่องราวปรัมปราในหน้าหนังสือถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงน่าฟังจากชายผู้สวมแว่น ผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่า ด้วยเรื่องราวความรักของอัศวินผู้ห้าวหาญ ในการพิชิตปีศาจร้ายเพื่อปกป้องคนที่เขารัก

 

เด็กชายสองคนผู้นอนอยู่ในอ้อมแขนของชายสวมแว่นและชายอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ต่างพากันเบิกตากว้างและผึ่งหูตั้งใจฟัง ราวกับเด็กน้อยทั้งสองได้หลุดเข้าไปโลดแล่นในโลกแห่งการปรุงแต่งนั้นด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์จากคุณแด๊ดของเขา

 

ชายหนุ่มผมบลอนด์อีกคนเองก็ดูจะตั้งใจฟังไม่น้อย ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มเมื่อคนรักของเขามักจะใส่อารมณ์ในการเล่าเข้าไปจนเด็กน้อยทั้งสองพากันลุ้นด้วยความอินไปกับเนื้อหาจนตัวโก่ง ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบเส้นผมสีดำนุ่มของลูกคนเล็กอย่างเบามือ

 

“และแล้ว..อัศวินผู้เก่งกาจก็สามารถปราบมารร้ายได้ในที่สุด”

 

เมื่อเล่าถึงตรงนี้ เดรโกก็เหลือบสายตามองไปยังคนที่กำลังเล่านิทานอยู่ทันที

 

“คนรักของเขาหายไป…” แฮร์รี่เว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะปรายตามองชายอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆ “แต่อัศวินไม่ย่อท้อ เขาตัดสินใจตามหา.. หาผู้เป็นที่รักของเขาซึ่งหลบหนีมารร้ายไปไกล แม้จะเหน็ดเหนื่อยและลำบาก แต่เขาเชื่อว่าเขาจะพบ”

 

ดวงตาสองคู่จดจ้องมองกันโดยบังเอิญ ลมหายใจของแฮร์รี่คล้ายสะดุดไปชั่วครู่ด้วยแววตาลึกล้ำของคนตรงหน้า เขาหลุบตาลงกับหน้ากระดาษอีกครั้งและเริ่มอ่านต่อ

 

“คุณแด๊ด” แต่ลูกชายคนเล็กเอ่ยขัดมาเสียก่อน

 

“ว่าไงครับอัลบัส” แฮร์รี่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ลูกคนเล็ก

 

“คุณอัศวินเขาจะสมหวังใช่ไหมครับ”

 

อัลบัสส่งสายตาเศร้าๆ ออกมาเล็กน้อย มือเล็กๆ กำรอบมือของป๊าของเขาที่นอนช้อนหลังตัวเองไว้แน่น เด็กชายดูจะโอนอ่อนไปตามเนื้อเรื่องมากจนพ่อของเขานึกเอ็นดู

 

“งั้นเรามาฟังกันต่อเลยดีไหม” แฮร์รี่กล่าวยิ้มๆ พลางก้มมองหนังสือในมืออีกครั้ง

 

เด็กชายตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักพลางขยับเข้าใกล้แด๊ดของเขามากขึ้นทันที จนเด็กชายอีกคนที่นอนคั่นกลางระหว่างแฮร์รี่และอัลบัสขยับตัวยุกยิกไปมาเพราะน้องชายของเขาเข้ามาเบียดมากขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้บ่นอะไรออกไป

 

แฮร์รี่เริ่มต้นรเื่องราวในตอนท้ายอีกครั้งด้วยความตั้งใจ เดรโกทอดสายตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาลึกซึ้งกว่าทุกที ราวกับว่าเขาเองก็ได้ถูกเรื่องราวในนั้นดึงดูดให้จมลึกเข้าไปในห้วงของตัวอักษรและน้ำเสียงชวนฟัง

 

หรือบางที อาจจะเพราะเรื่องราวของมัน มีส่วนคล้ายคลึงกับตัวพวกเขาเองก็ได้ ที่ทำให้ทั้งคนอ่านและคนฟังรู้สึกคล้อยตามกันไป

 

อัศวินคนนั้น อาจจะเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็ได้

 

และคนที่หลบหนีมารร้ายนั่น ก็อาจจะเป็นเขา เดรโก มัลฟอย

 

เรื่องราวการต่อสู้และตามหาคนรักได้จบลงในที่สุด น้องคนเล็กดูจะอิ่มเอมใจไม่น้อยเมื่อบทสรุปของความรักจบลงด้วยดี อัศวินและคนรักของเขาได้พบกันอีกครั้ง และตัดสินใจที่จะเป็นรักสุดท้ายของกันและกัน อยู่ด้วยกันไปตลอดลมหายใจของพวกเขา

 

แฮร์รี่พับหนังสือลงพลางวางไว้บนหัวเตียง อัลบัสได้หลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราและโลกแห่งความฝันด้วยจิตใจอันพองฟูไปแล้ว ยกเว้นเสียแต่คนเป็นพี่ชายอย่างสกอเปียสที่ยังคงตาใสแจ๋วจ้องมองสลับไปมาระหว่างพ่อทั้งสองของเขา

 

“ยังไม่ง่วงเหรอเรา” เดรโกเอ่ยถามลูกชายคนโตของตัวเอง

 

สกอเปียสมีท่าทางลังเล เขามองไปยังเดรโกเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ผม..ยังสงสัยน่ะครับ”

 

เดรโกและแฮร์รี่มองหน้ากันและกันเล็กน้อย แฮร์รี่ยักไหล่เป็นเชิงว่าเขาก็ไม่รู้ ดวงตาที่ไร้กรอบแว่นบดบังแล้วก้มมองลูกชายในอ้อมแขนของตัวเอง

 

“ผมว่าเรื่องราวนี้เหมือนป๊ากับแด๊ดเลย” สกอเปียสพึมพำกับตัวเองเบาๆ จนแทบฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นหูของผู้ใหญ่ทั้งสองไปได้ แฮร์รี่และเดรโกเงยหน้ามองกันเล็กน้อยก่อนจะมอบรอยยิ้มจางให้แก่กันเงียบๆ

 

“แล้วอัศวินและคนรักของเขามีความสุขกันจริงๆ ใช่ไหมครับ”

 

สกอเปียสมองไปมาระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวคู่สวยมองด้วยความใคร่รู้

 

“พวกเขาเป็นรักสุดท้ายต่อกันจริงใช่ไหมครับ”

 

แฮร์รี่ยกมือลูบเส้นผมสีบลอนด์ของลูกชายคนโตก่อนจะก้มลงจุมพิตเบาๆ ตามต่อ รอยยิ้มอ่อนโยนแต้มบนเรียวปากอิ่มก่อนจะเบนสายตามองตรงไปยังคนรักของเขาที่กำลังส่งยิ้มละมุนและอบอุ่นตอบกลับมา

 

“แน่นอนครับ อัศวินรักคนรักของเขามาก และนั่นจะเป็นคนสุดท้ายที่อัศวินจะรัก”

 

หนุ่มผมดำว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สกอเปียสยิ้มกว้าง ก่อนจะมองไปยังคนที่เขาเกือบจะถอดแบบมาทั้งหมด

 

“แน่นอนว่าคนรักของอัศวินก็รักอัศวินมากเหมือนกันครับ รักสุดท้ายที่เขายอมมอบทั้งหัวใจและร่างกายให้เลยล่ะ”

 

เดรโกก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นกัน สกอเปียสยิ้มร่าออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำตอบที่เขาพอใจ เด็กน้อยชะโงกหน้าไปหอมแก้มแฮร์รี่และเดรโกคนละทีก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับช้อนตัวอัลบัสเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองไปด้วย

 

“ขอบคุณสำหรับนิทานแล้วก็เรื่องราวดีๆ นะครับแด๊ด.. ผมว่าผมกับน้องไปนอนห้องตัวเองดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ครับแด๊ด ป๊า”

 

เด็กผมบลอนด์ว่ารัวเร็วก่อนจะลงจากเตียงไวๆ และวิ่งปร๋อออกจากห้องไปโดยที่แบกน้องชายตัวเล็กไว้บนหลัง แฮร์รี่มองตามลูกชายของตนอย่างอึ้งๆ ก่อนจะสัมผัสได้ว่าที่ๆ เคยว่างข้างตัวกำลังมีบางอย่างคืบคลานมา

 

“อัศวินคนเก่ง..” เดรโกก้มลงคลอเคลียกกหูของแฮร์รี่พลางกักตัวคนข้างๆ เข้ามาอ้อมแขน

 

“อือ.. เดรโก..” แฮร์รี่เบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากซุกซน เขาฟาดมือเบาๆ ลงกับไหล่กว้างพลางมองด้วยสายตาดุๆ

 

เดรโกอมยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูตรงหน้า เขาคว้ามือของแฮร์รี่มากดจูบลงที่หลังมือเบาๆ ก่อนจะจ้องใบหน้าหวานของคนรัก

 

“ขอบคุณที่ตามหากันเจอนะ .. ฉันจะเป็นรักสุดท้ายของนายใช่ไหม”

 

เรียวแขนเพรียวยกขึ้นคล้องคอคนตรงหน้า พลางเกี่ยวเส้นผมสีบลอนด์เล่นไปมา เรียวปากอิ่มยกยิ้มนิดๆ ที่ชวนให้คนมองใจสั่นไม่น้อย พร้อมกับคำตอบ ที่ทำให้เดรโกตกหลุมรักคนตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ตลอดไป”

 


 

ชาเลนจ์วันที่ 5 ! มาพร้อมความหวานหยดที่ชวนให้เบาหวานขึ้นตามากกค่ะ ยอมรับเลยว่าพ่ายแพ้เดรโกเวอร์อบอุ่นนอนลูบหัวลูกมากค่ะ โอยยยใจจจ

ชอบกดไลค์ใช่เมนต์คุยกันได้นะงับบ ❤️ #CLDMHPwhis

[Fic Harry Potter | DMHP] #AskmakeStoryChallenge สมบัติ

 

 

»»»» สมบัติ

 

#AskmakeStoryChallenge

Fandom : Harry Potter

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter | DMHP

MPreg

 

5A9FDFB2-F4F7-472B-87DC-EF76E2B9E7C4


 

 

ท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่นของสวนหย่อมในพื้นที่รั้วคฤหาสน์หลังโตที่โต๊ะน้ำชามีชุดของว่างหน้าตาน่าทานวางเรียงรายอยู่จำนวนหนึ่ง และที่พื้นข้างโต๊ะกันนั้นก็ยังมีเสื่อผืนกว้างปูอยู่ โดยมีผู้ที่นั่งทับมันไว้ถึงสองคน พ่วงด้วยของเล่นอีกมากมาย

 

เด็กชายตัวน้อยหยิบจับของเล่นออกมาจากตะกร้าใบใหญ่อย่างไม่ขาดช่วง เขาดูจะตื่นตาตื่นใจกับของเล่นมากมายที่มาจากคุณป๊าของเขา คุณแด๊ดรวมถึงเพื่อนๆ ของทั้งสองจนมันเต็มตะกร้า

 

สกอเปียสจึงมีของเล่นได้ไม่ขาดมือเลยในระยะนี้

 

เด็กชายเจ้าของแพรไหมสีบลอนด์ดังเช่นคุณป๊าของเขาล้วงหยิบกล่องเหล็กที่บุกำมะหยี่อย่างดีแต่งแต้มด้วยลวดลายวิจิตรออกมา ดวงตากลมสีเขียวเพ่งมองอย่างสนใจปนสงสัยก่อนจะชูมันขึ้นไปด้านหน้าคุณป๊า

 

เดรโกเลิกคิ้วเบิกตามองสิ่งที่เจ้าตัวเล็กของเขายื่นมา กล่องนี้ค่อนข้างสะดุดตาเขาไม่น้อย ก่อนที่เดรโกจะมำท่าเหมือนนึกอะไรออก เขาหยิบของเหล็กที่ว่าออกจากมือน้อยๆ ของลูกชายก่อยจะผุดยิ้มออกมา

 

“ดูไม่เหมือนของเล่นของผมเลย” สกอเปียสเกาหัวเล็กน้อย “คุณป๊าใส่มันติดมาในถังของเล่นผมปะ”

 

เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายที่ทำหน้างงๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูและสายตาอ่อนโยนจากเดรโกได้ไม่น้อย เขาก้มลงจูบกลางกระหม่อมเล็กตรงหน้า ก่อนจะพลิกดูกล่องในมือไปมา

 

“ใช่แล้วครับ ของป๊าเอง” เดรโกว่ายิ้มๆ ของวางหนังสือในมืออีกข้างลง ก่อนจะไล้นิ้วสัมผัสไปตามตัวกล่องอย่างแผ่วเบา

 

“ดูเป็นของสำคัญ คุณป๊าเอามาไว้ในถังของเล่นผมทำไม”

 

สกอเปียสว่าอย่างยืดๆ ก่อนจะหันไปคุ้ยของเล่นที่ค้างต่อ เดรโกยหมือขยี้เส้นผมนุ่มตรงหน้าจนสกอเปียสหัวเราะคิกคักออกมาเสียงดัง ก่อนที่เดรโกจะโอบเอวลูกชายตัวน้อยมานั่งบนตักของตน

 

“อยากรู้ไหมในนี้มีอะไร”

 

เด็กน้อยมีท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาทันที ดวงตาสีสวยแบบเดียวกับแม่..หรือคุณแด๊ดของเขากำลังจ้องมองมาทางเดรโกอย่างมีความหวัง สกอเปียสขยับชิดตัวของเดรโกมากขึ้นและจ้องมองกล่องเหล็กไม่วางตา

 

“หรือจะเป็นสมบัติ? สมบัติของคุณป๊าเหรอครับ”

 

เดรโกยิ้มขำ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ จนสกอเปียสเบะปากทันที เด็กชายกำลังคิดว่าเขาคงจะทายผิดเข้าเสียแล้ว ดวงหน้าเล็กเริ่มงองุ้มอย่างคนที่กำลังจะเสียใจจนเดรโกต้องหยุดหัวเราะและโยกตัวไปมาเพื่อปลอบเข้าตัวเล็กของเขา

 

“โอ๋ๆ สกอเปียสของป๊าไม่ผิดๆ สกอเปียสก็..ทายถูกนิดหน่อยนะ”

 

เด็กชายหายหน้างอแล้ว เขาจ้องป๊าตาแป๋วพลางรบเร้าให้เดรโกเฉลยว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคืออะไร

 

“มันก็..เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ป๊าเคยได้จากแด๊ดน่ะครับ”

 

“โห งั้นก็สำคัญมากสิครับ”

 

“….”

 

เดรโกทำหน้าครุ่นคิด เขาก็ชักจะลืมๆ ไปบ้างแล้วว่ามีอะไรอยู่ในกล่องนี้บ้าง แต่แน่นอนว่าถ้าหากเขาเปิดมันออกมาก็คงจะพบกับความทรงจำดีๆ อยู่เป็นแน่

 

“ก็สำคัญนะ แต่ยังไม่ที่สุดหรอก”

 

ดวงตาสีเทาซีดตวัดมองกล่องในมือด้วยสายตาอ่อนโยน ภาพอดีตมากมายฉายซ้ำเข้ามาในหัว เมื่อครั้งที่เขายังเป็นวัยรุ่นกันอยู่ เดรโกมักจะได้ของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มาฝากอยู่เสมอ และเขาแม้จะเป็นพวกไม่ชอบอะไรจุกจิก แต่สำหรับคนให้ที่เป็นเขาแล้ว เดรโกจึงเลือกหากล่องดีๆ มาเก็บใส่ไว้

 

จะว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าอย่างหนึ่งก็คงไม่แปลกนัก แม้ช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมาเขาดันลืมไปเสียสนิทว่ามีเจ้านี่อยู่ จนกระทั่งวันนี้ที่ลูกชายของเขาขุดพบ

 

“เก่งมากนะครับลูกป๊า ขุดเจอสมบัติที่หายไปนานของป๊าได้”

 

คนเป็นพ่อหันมาฉีกยิ้มจนตาปิดให้ลูกชายก่อนจะวางกล่องลงแล้วจัดการฟัดพุงนิ่มๆ ของเด็กตรงหน้า เสียงหัวเราะของสองพ่อลูกดังลั่นไปทั่วสวนหย่อม ได้ยินแล้วรู้สึกถึงความสุขที่เปี่ยมล้นอย่างไรอย่างนั้น

 

“ค คุงป๊า ฮ่าๆๆ เดี๋ยวครับ.. ผม..ผมสงสัย”

 

“หืม ว่าไง”

 

สกอเปียสพลิกตัวนั่งหลังตรง เขามองไปที่กล่องด้านข้างของเดรโก ก่อนจะแหงนหน้ามองคนเป็นพ่อของตนเ้วยสายตาใคร่รู้อีกรอบ

 

“ถ้านี่ไม่สำคัญที่สุด แล้วอะไรคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของป๊าเหรอครับ”

 

สิ้นคำถามของลูกชาย ภาพในสมองของเดรโกก็ปรากฏใบหน้าของคนๆ หนึ่งขึ้นมาทันที เดรโกจ้องตอบลูกชายตัวเอง รอยยิ้มละมุนแต่งแต้มบนเรียวปากบางอีกครั้ง ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาจะตอบออกไปลูกชายจะเข้าใจไหม แต่เขาเชื่อว่าสักวันสกอเปียสคงจะเข้าใจ

 

“สองพ่อลูกนั่นน่ะ หัวเราะอะไรเสียงดังเชียว”

 

ยังไม่ทันที่เดรโกจะได้ตอบคำถามของลูกชายออกไป เสียงทุ้มหวานพลันดังแทรกมาเสียก่อน เดรโกเงยหน้ามองตามไปยังต้นเสียง เสียงที่เขาคุ้นเคยและเสียงที่เขาหลงรักมันดี

 

“คุณแด๊ด!” เหมือนสกอเปียสจะลืมคำถามของตัวเองไปแล้ว เจ้าตัวเล็กผุดลุกขึ้นจากเสื่อแล้ววิ่งไปหาแม่หรือคุณแด๊ดของตัวเองทันที “เรากำลังทายสมบัติของคุณป๊าอยู่ครับ!”

 

สกอเปียสตอบออกไปอย่างกระตือรือร้น

 

แฮร์รี่ยกยิ้มกว้างพลางลูบเส้นผมสีอ่อนของลูกชายคนโตที่วิ่งมาโผกอดเขา ดวงตาสีมรกตเงยมองไปยังคงที่ยังนั่งอยู่กับเสื่อและยังส่งยิ้มอ่อนโยนมาทางเขาด้วย แฮร์รี่ชะงักไปเล็กน้อยกับสายตานั้นจนเขาต้องก้มหลบมัน

 

ก็นะ แฮร์รี่แพ้สายตาอ่อนโยนของเดรโกทุกที

 

 

ถ้าหากจะถามว่าสมบัติล้ำค่าของเดรโก มัลฟอยคืออะไร

 

ก็คงจะไม่ใช่คฤหาสน์หลังโตหลังนี้ที่เขาอาศัยอยู่

 

ไม่ใช่เงินทองมากมายที่พ่อเหลือไว้ให้

 

หรือกล่องที่เก็บความทรงจำของเขาร่วมกับแฮร์รี่

 

แต่คงเป็น…

 

แฮร์รี่ พอตเตอร์ คนตรงหน้าเขา

 

คู่ชีวิตของเขา

 

รวมถึงเจ้าตัวป่วนสองคนที่แฮร์รี่มอบให้เขาด้วย

 

นั่นล่ะ สมบัติที่ล้ำค่ามากที่สุดของเดรโก มัลฟอย

 

 

 

FIN


 

ชาเลนจ์วันที่ 4 กับความรักกุ๊งกิ๊งสไตล์ครอบครัวอบอุ๊นนนอบอุ่นนนน ร้อนหมดแล้วค่ะหน้าเนี่ยยย อยากเขียนพวกเขามีลูกกันนานแล้ว!! แต่นี่ไม่ใช่ ABO verse นะคะ แต่เป็น MPreg เฉยๆ แถมไม่ได้มีฉากท้องอะไรขนาดนั้น 5555 แต่แค่ใส่อ้างอิงให้พอรู้ว่าท้องได้นะเออ นี่ลูกเขาสองคนนะ!

ขอบคุณเมนต์ขาประจำนะคะ! อ่านแล้วใจฟูมากๆ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ คนอื่นๆ ก็แวะเมนต์ให้กำลังใจกันได้นาา เมนชั่นในทวิตหรือแท็กฟิคได้ค่าา

#CLDMHPwhis

[Fic Harry Potter : Felcliffe] #AskmakeStory โอกาส

 

 

»»»» โอกาส

 

#AskmakeStoryChallenge

Fandom : Harry Potter

Pairing : Tom Felton (Draco Malfoy) x Daniel Radcliffe (Harry Potter) | DMHP / Felcliffe

 


 

 

เสียงสเลทฟิล์มสับเข้าหาพร้อมเสียงของผู้กำกับสั่งคัทดังลั่นพื้นที่ในสตูดิโอ เกิดความเงียบชั่วอึดใจหนึ่งก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นจะเกิดเสียงเฮไชโยโห่ร้องตามออกมาจากผู้คนหลายร้อยชีวิตในสตูดิโอแห่งนี้

 

ไม่นานนักก็เริ่มตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้เบาๆ จากหนึ่งเสียงก็เพิ่มเป็นสองเป็นสี่และเพิ่มตามๆ กันไป

 

ระยะเวลาอันยาวนานของการทำงานร่วมกันนับสิบปีกำลังสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้

 

กองถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

 

ใช้เวลาอยู่นานนับวันในการที่นักแสดงแต่ละคนจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาสุดท้ายในสตูดิโอแห่งนี้ไว้ ทุกคนต่างพาตัวเองเข้าไปพูดคุย ขอบคุณ กอดอำลา ทั้งรอยยิ้มและน้ำตาเข้าหากันโดยที่ไม่มีใครอายใคร วินาทีนี้ถ้าหากใครที่ยังไม่เคยคุยกับใครสักคนแล้วล่ะก็ เวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว

 

เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้กลับมาพบกับอีกเมื่อไหร่

 

ทอมมองดูสามโกลเดนทรีโอที่กำลังกอดกันกลมทั้งน้ำตาท่ามกลางวงล้อมของผู้คนมากมายรอบด้าน ถ้าจะถามว่าในเรื่องนี้ใครที่จะผูกพันกันที่สุด ก็คงไม่แดนเนียล ลูเพิร์ท และเอมม่าจริงๆ

 

“ไงล่ะเรา มายืนยิ้มเป็นพระเอกอะไรตรงนี้”

 

เจสัน ไอแซคส์หรือคนที่รับบทเป็นลูเซียส มัลฟอย พ่อของเดรโก มัลฟอยวางแขนลงบนบ่าของทอมด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาทอดสายตามองไปตามทางที่ทอมมองไปบ้าง

 

“ไม่ไปร่วมวงกับเขาเหรอ”

 

ทอมส่ายหัวน้อยๆ เขายังคงมองไปทางน้ันด้วยรอยยิ้มแบบเดิมพลางตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ติดขำเล็กน้อย

 

“ปล่อยน้องๆ ไปดีกว่าครับ”

 

เจสันเบะปากเล็กน้อยกับการวางมาดเป็นพี่ชายแสนดีของทอม เขายกมือข้างที่วางบนไหล่ของทอมขึ้นขยี้เส้นผมสีบลอนด์ทองของคนที่แสดงเป็นลูกชายของเขาอย่างมันเขี้ยว บางทีเขาก็รู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้จนมองว่าเป็นลูกชายของเขาอีกคนไปเสียแล้วเหมือนกัน

 

และทำไมเจสันจะไม่รู้ล่ะว่าเจ้าลูกชายตัวดีของเขาคนนี้ มองน้องคนหนึ่งด้วยสายตาแบบไหน

 

ในโลกมายาแห่งนี้ที่การแสดงและการวางมาดต่างๆ ที่แสดงออกมาล้วนแต่เป็นหน้ากากที่หลายคนสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดตัวตนหรือเพื่อสร้างตัวตนของตัวเองแล้ว แน่นอนว่าเด็กข้างกายเขาก็ล้วนเคยทำ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะโกหกได้ อย่างเช่น สายตา

 

“ทอม มีอะไรติดค้างในใจก็พูดออกไปซะนะ วันนี้คงจะเหมาะที่สุดแล้ว”

 

ดวงตาสีจางจ้องคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าด้วยความอายเล็กน้อยที่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ความรู้สึกลึกๆ ที่เขาแอบเก็บงำเอาไว้นานเข้าจนได้ เจสันมองตอบความไร้เดียงสานั้นด้วยรอยยิ้มสุขุม เขาตบบ่าลูกชายอีกคนของเขาเพื่อให้กำลังใจ

 

เขาถูกลูเซียส มัลฟอยอ่านออกเสียหมดเลย ให้ตายเถอะเฟลตัน

 

ทอมหันไปมองยังสามเพื่อนซี้กลางวงล้อมอีกครั้ง ทั้งสามยังคงเกาะติดกันอย่างดีโดยที่มีทุกๆ คนรุมล้อมเข้าไปพูดคุย เขาคงรอให้ทุกคนแยกออกจากกันก่อนก็คงจะไม่สายไปหรอกมั้ง

 

 

หลังจากที่ทอมปลีกตัวออกมาพักใหญ่ ตัวเอกอย่างแดเนียลที่เริ่มพูดคุยกับทุกคนจนครบก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้คุยกับคนๆ หนึ่ง เขาหมุนตัวไปมาเพื่อมองหาคนที่เขาตามหาอยู่ซักพักแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็น คนที่มีเส้นผมโดดเด่นที่สุดในกองถ่ายนี้

 

“หาพี่ชายผมบลอนด์รึเปล่าจ๊ะ”

 

แดเนียลหันพรึบไปตามต้นเสียง เขามีท่าทางเลิ่กลั่กและเขินๆ เล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบไป

 

“เห็นเขาแยกไปพักที่มุมนู้นน่ะ ลองไปดูนะ”

 

คนแสดงเป็นแฮร์รี่ร้องอ๋อออกมาเบาๆ พลางมองตามนิ้วมือของหญิงสาวที่ชี้ทางไปหาคนที่เขาต้องการเจอ เขาก้มหัวขอบคุณเธอก่อนจะรีบวิ่งไปทางมุมที่เจ้าหล่อนว่า

 

ก็ภาวนาว่าอีกฝ่ายจะยังนั่งพักอยู่ตรงนั้น

 

และพระเจ้าเหมือนจะเข้าข้างแดเนียลอยู่พอสมควร ทอม เฟลตันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าเจ้าตัวกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพร้อมกับหลับตาเหมือนคนที่กำลังงีบและไม่ต้องการให้ใครเข้าไปกวนนี่น่ะสิ ทำให้แดเนียลลังเลใจเล็กน้อยที่จะเข้าไป

 

แต่..จะให้เขาจากไปทั้งๆ อย่างนี้ เขาก็ไม่อยากทำ

 

ในระหว่างที่กำลังตีกับตัวเองในหัวว่าควรจะข้าไปปลุกคนที่กำลังงีบดีไหม ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทอมขยับตัวและปรือตามองมาด้านหน้าพอดี หัวคิ้วของเขาขยับเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อสายตาจับภาพได้ว่าเป็นใครที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าไม่ไกลออกไป

 

“แดเนียล?”

 

“อา ฉันเอง”

 

ทอมขยับตัวยืดขึ้นเพื่อนั่งให้ดีๆ เขาขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะตบลงที่เบาะว่างข้างตัวเพื่อให้คนที่ยังยืนเคว้งอยู่มานั่ง แดเนียลอมยิ้มจางๆ และรีบขยับขาก้าวเข้าไปนั่งแทบจะทันที

 

คนเป็นพี่ยังมีท่าทางง่วงงุนอยู่ แดเนียลลอบสังเกตใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะต้องเม้มปาก เรื่องที่เขาคิดว่าจะมาชวนอีกคนพูดมันหายไปจากหัวสมองเสียเฉยๆ ไหนจะยังอาการประหม่าที่เกิดขึ้นตอนนี้อีก ไม่รู้สึกว่ามันจะง่ายดายเหมือนคนอื่นๆ ที่เขาได้ไปพูดคุยเลย

 

“ถามอะไรหน่อยสิ”

 

แดเนียลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ คนข้างกายก็เอ่ยขึ้นมาแทน เขาหันกลับไปมอง ก็พบว่าทอมกำลังเท้าแขนกับที่วางแขนและกำลังจ้องมาทางเขาด้วยสายตา… สำรวจ และที่น่ารู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากกว่านั้นก็เพราะเหมือนเขากำลังถูกเดรโกมองอย่างประเมินอยู่เลย

 

ร่างเล็กเลิกคิ้วขึ้น พยายามทำใจให้นิ่ง นั่งรอฟังว่าทอมจะถามอะไรตัวเอง

 

ไม่ใช่แค่แดเนียลที่ประหม่า ทอมเองก้รู้สึกประหม่าไม่น้อย ด้วยท่าทางของเขาที่แสดงออกมาตอนนี้แม้จะดูชิวมากขนาดไหน แต่แท้จริงแล้วใจของทอมกลับเต้นอย่างแรงจนกลัวว่ามันจะเด้งออกมาจากอก เขาเองก้ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเค้นหาเสียงของตัวเองเจอ

 

“คือ.. หลังจากนี้เราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม”

 

เมื่อได้ถามออกไปแล้ว ในอกของทอมก็รู้สึกโล่งราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก เขาลอบถอนหายใจออกช้าๆ และจ้องดูปฏิกิริยาของแดเนียล อีกฝ่ายก็ดูจะงุนงงเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามนี้ ใบหน้าที่ยังคงอยู่ใต้กรอบแว่นมีแววครุ่นคิดเล็กน้อย ชักจะแยกไม่ออกแล้วว่าคนไหนแดเนียลคนไหนแฮร์รี่

 

แดเนียลฉีกยิ้มเล็กน้อยกับคำถาม น่าตกใจอยู่ไม่น้อยที่คำถามของทอมดันรู้สึกตรงใจของเขาเสียเหลือเกิน ดวงตาสีฟ้าสดใสจ้องตอบเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าจางที่ยังคงนั่งเท้าแขนรอคำตอบจากเขาอยู่

 

“นายรู้เบอร์โทรศัพท์ของฉันใช่ไหม”

 

“อื้ม ใช่”

 

“รู้ไอดีว็อทแอป?”

 

“.. ถูก”

 

“แล้ว…” แดเนียลเว้นวรรคเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน “รู้ที่อยู่บ้านฉัน?”

 

“นั่นก็ใช่… ฮะ? แดน…”

 

“ที่เหลือก็… ไปคิดต่อเอาเองนะครับ”

 

เจ้าของบทแฮร์รี่พอตเตอร์ส่งยิ้มยียวนให้กับคนเป็นพี่ทิ้งท้ายก่อนจะรีบผุดลุกขึ้นจากเบาะนุ่ม เขาหันมาขยิบตาให้คนที่ยังนั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยอีกรอบก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปด้านในอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ทอมได้แต่นั่งยิ้มแก้มปริแทบไม่หุบอยู่ที่เดิม

 

ทอมส่ายหัวไปมาเล็กน้อยให้กับความทะเล้นที่วิ่งหนีเขาไปแล้ว หากคิดจะแกล้งคืนตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ที่สำคัญคือคงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เอาไว้…มีเวลาส่วนตัวด้วยกันมากกว่านี้ค่อยคิดบัญชีทบต้นรวมดอกทีเดียวก็คงไม่สาย

 

เพราะโอกาสของเขา ยังคงมีอีกเยอะ

 

 

 

FIN


 

หัวข้อชาเลนจ์ที่ 3 ค่ะ ! แอบมาช้า(ไม่)นิดหน่อย แต่ก็ยังมานะคะ เราจะเก็บให้หมดแม้จะช้าไปนานก็ตามค่ะ ฮึ่มมมม!

ตอนนี้ขอมาแบบโลกนอกจอแก้วนะคะ อดให้เขาอยากมีโมเมนต์กุ๊งกิ๊งกันไม่ได้จริงๆ ชอบเขียนคู่นี้จังค่ะ มันน่ารัก มันเขียนลื่นดี ชอบบง่ะ ฟามรักแบบผู้ใหญ่(ที่เราก็ยังเข้าไม่ถึง) ถ้าชอบถ้าใช่ฝากคอมเมนต์ด้วยยนะคะ อยากอ่านฟีดแบคจากทุกๆ คนน แท็กในทวิตเราก็มีนะจ้าา #CLDMHPwhis รักกส์

[Fic Harry Potter : Draco x Harry | DMHP] After Story 1

 

☪︎ After Story ϟ

Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

Short Fic | Romantic | Drama

[ 1 ]

 

GIF-harry-and-draco-25206374-500-234

 

⊗ เนื้อหาภายในฟิคเรื่องนี้มีทั้งที่อิงตามเนื้อหาภาพยนตร์จริงและเรื่องที่เสริมเติมแต่งขึ้นเอง โปรดใช้วิจาณญาณในการอ่านคับจ้าาา

 


 

 

การเรียนวิชาปรุงยาไม่ได้น่าปลื้มใจอีกซักเท่าไหร่สำหรับเด็กบ้านสลิธีริน เมื่อศาสตราจารย์คนเดิมได้จากพวกเขาไปแล้วในสงครามเวทมนตร์ที่ผ่านมา แม้ศาสตราจารย์ประจำวิชาคนปัจจุบันจะเป็นศาสตราจารย์ประจำบ้านของตนอยู่ดีก็ตาม

 

นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเด็กๆ บ้านนี้เลยก็ว่าได้

 

ซลักฮอร์นผายมือต้อนรับเด็กๆ จากบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งทยอยเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี เหล่าเด็กบ้านสลิธีรินบางคนที่ร่วมชั้นเรียนด้วยถึงกับพากันเบะปากออกมา แม้สงครามจะจบไป แต่เหมือนรอยขัดแย้งระหว่างสองบ้านนี้ก็ยังไม่สมานกันเสียที

 

โชคร้ายขึ้นอีกนิดหน่อยเมื่อคนที่คิดว่าไม่สมควรจะมาจับคู่กันได้ กลับกำลังต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกันในการเรียนครั้งนี้

 

แฮร์รี่กำลังหั่นสมุนไพรในส่วนของตัวเองอย่างเงียบๆ ข้างคนที่เป็นคู่ของตนซึ่งกำลังหยิบจับส่วนผสมที่ถูกเตรียมไว้ให้เรียบร้อยลงหม้อ อีกฝ่ายเองก็ดูจะไม่ได้พอใจเท่าใดนักกับการจับคู่ในครั้งนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ทั้งเพราะไม่อยากขัดใจอาจารย์และนอกจากแพนซี่กับเบลสแล้ว เจ้าตัวก็อดยอมรับไมได้เลยว่าแฮร์รี่คือคนที่เขามีปฏิสัมพันธ์ด้วยมากกว่าเด็กร่วมบ้านตนคนอื่นๆ

 

แม้จะเป็นปฏิสัมพันธ์ในด้านลบก็ตาม

 

เดรโกค่อยๆ ใช้แท่งแก้วคนน้ำยาในหม้อตามวิธีในหนังสือ หางตาเหลือบมองคนข้างกายที่เหมือนว่าจะจัดการกับรากเดซี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

ทำได้ดูดีกว่าปีก่อนๆ ขึ้นเยอะ

 

ดีแล้วที่มีชีวิตรอดกลับมาได้

 

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเผลอนึกอะไรไร้สาระขึ้นมาจนต้องสะบัดหน้ากลับไปมองของเหลวซึ่งกำลังเดือดปุดในหม้อ ดวงตาสีซีดเบิกโพลงก่อนจะสบถออกมาเมื่อพบว่าเขาเผลอหยุดมือที่กำลังคนแบบทวนเข็มนาฬิกาไปตอนไหนไม่ทราบ และตอนนี้สีน้ำยาในหม้อก็เหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีเสียแล้ว

 

แฮร์รี่เงยหน้ามองคนข้างๆ ด้วยความงุนงง เดรโกกำลังพยายามหยิบจับอะไรก็ตามแต่ที่มีอยู่บนโต๊ะใส่ลงไปในหม้อแบบที่แทบไม่ได้ดู เขาเริ่มจะเข้าใจได้ในทันทีว่าคุณชายผู้เพียบพร้อมทำพลาดเขาเสียแล้ว

 

“มัลฟอย หยุด”

 

มือที่กำลังจะหยิบผงรากเดซี่ใส่ลงไปชะงักกึกเมื่อถูกอีกมือเอื้อมมาจับไว้ สติที่กระเจิงไปก่อนหน้าเหมือนจะถูกดึงกลับมาด้วยฝ่ามืออุ่นๆ เดรโกยังคงจ้องเข้าไปในหม้อยาของตัวเองที่เริ่มส่งกลิ่นตุๆ ออกมาจนเขาต้องผงะถอย

 

ผิดกับแฮร์รี่ที่เหมือนจะไม่ได้มีท่าทางอะไรไปมากกว่าชะโงกหน้ามองเข้าไปในหม้อนิ่งๆ เหมือนจะชินเสียมากกว่าที่เห็นว่าน้ำยาในหม้อไม่ได้เป็นไปตามที่คาด เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซลักฮอร์นเดินมาถึงโต๊ะของพวกเขาทั้งคู่พอดี

 

“ว่าไงคุณพอตเตอร์ คุณมัลฟอย มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

 

แฮร์รี่ยิ้มเผล่ให้ศาสตราจารย์ตรงหน้า ก่อนจะเหลือบมองไปยังคนที่ยืนเยื้องด้านหลังตนเล็กน้อย

 

“เหมือนผมจะใส่ส่วนผสมผิด มัน..พังไปซะแล้วครับ”

 

ซลักฮอร์นหรี่ตามองแฮร์รี่เล็กน้อย แล้วตวัดมองไปยังเด็กหนุ่มบ้านในการควบคุมของตัวเองที่ยืนตาหลุบต่ำด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์อยู่เนืองๆ แต่เด็กหนุ่มสวมแว่นยังคงยิ้มเผล่อยู่ต่อหน้าเขาดังเดิม

 

“งั้นถือว่าคู่ของคุณทำน้ำยาไม่สำเร็จ คะแนนก็จะต้องถูกหักลงไปในส่วนนี้ อย่าลืมทำรายงานมาส่งให้ดีๆ ทบคะแนนส่วนที่หายไปล่ะ”

 

เป็นแฮร์รี่ที่พยักหน้ารับศาสตราจารย์ต่างบ้านแต่โดยดี ซลักฮอร์นส่งยิ้มตามแบบฉบับของตน วางมือเหี่ยวย่นลงที่บ่าของแฮร์รี่และออกแรงตบเบาๆ สองสามทีก่อนจะผละออกไปเพื่อไปดูยังคู่อื่นๆ

 

เมื่อซลักฮอร์นลับสายตาไปพอควร เดรโกก็เริ่มขยับตัวทันที ดวงตาสีซีดเงยมองคนที่กำลังร่ายมนตร์ในการจัดการกับวัสดุอุปกรณ์ปรุงยาตรงหน้าอย่างคล่องแคล่วก่อนจะพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาหลังสงบสติอารมณ์ได้

 

“ฉันจัดการเอง”

 

หม้อยาที่กำลังจะถูกแฮร์รี่ยกลงถูกเดรโกใช้ศอกกระทุ้งสีข้างคนที่มีท่าทางเก้ๆ กังๆ ให้ออกไป ก่อนที่หม้อยาจะถูกเดรโกนำไปจัดการต่อแทน

 

แฮร์รี่มองตามหลังคนที่เดินผละไปเล็กน้อยก่อนจะเก็บของที่โต๊ะต่อ แต่แรงสะกิดเบาๆ ที่ไหล่ทำให้เขาจำใจต้องหันไปมองต้นทางแทน

 

เส้นผมสีน้ำตาลฟูๆ สะดุดสายตาของแฮร์รี่ก่อน เขาฉีกยิ้มออกมาเมื่อพบว่าเป็นใคร “ไม่น่าเชื่อนะว่าเขาจะปรุงยาพลาดได้น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงเบาเผื่อว่าคู่ของแฮร์รี่จะเดินมาเสียก่อน

 

“ไม่รู้สิ คนเราก็ต้องมีพลาดบ้างล่ะมั้ง ตอนปี 6 ฉันยังทำได้ดีกว่าเขาเลย”

 

“นั่นมันเพราะบันทึกของศาสตราจารย์สเนปไงล่ะ”

 

เฮอร์ไมโอนี่จัดการกระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องของแฮร์รี่จนคนโดนคู้ตัวเข้าหากันด้วยความจุก ทั้งสองหัวเราะไปมาอยู่ซักพักก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อมีบุคคลที่สามกลับเข้ามา

 

“เกะกะน่ะเกรนเจอร์”

 

เด็กบ้านสิงห์สองคนเงียบเสียงลงทันที เดรโกยังคงตีหน้าถมึงทึงไม่ชวนเสวนาด้วยดังเดิม แฮร์รี่จึงพยักพเยิดหน้าให้เฮอร์ไมโอนี่กลับไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อที่เขาจะได้จัดการกับข้าวของบนโต๊ะต่อ

 

“มีเรื่องอะไรอย่างอื่นให้คิดตอนที่นายกำลังปรุงยาด้วยเหรอ”

 

เป็นฝ่ายแฮร์รี่เริ่มประโยคสนทนา เดรโกตกใจระคนเกร็งขึ้นมานิดๆ เมื่อถูกถามเช่นนี้ ดวงตาหลุกหลิกหลบไปมาแม้จะกำลังหยิบหนังสือลงกระเป๋าอยู่ก็ตาม

 

ท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้นแฮร์รี่สังเกตได้ ในเมื่อเดรโกยังคงนิ่งเงียบไม่คิดจะตอบ เขาจึงไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรต่อ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะระเบิดโมโหใส่เขาไปเสียก่อน

 

“เรื่องรายงานไว้นายนัดฉันมาแล้วกัน”

 

แฮร์รี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบพลางปิดกระเป๋าของตนเอง เขาเหลือบมองเดรโกที่ดูจะนิ่งไปเล็กน้อยอย่างกังวล แอบจะอดคิดไม่ได้เลยว่าเดรโกที่ไม่ได้เอ่ยคำพูดเหน็บแนมและจิกกัดเขาดังทุกทีมันช่างไม่ชินเอาเสียเลย

 

นี่เขาโรคจิตหรือเปล่านะ?

 

กระเป๋าถูกพาดขึ้นกับไหล่ แฮร์รี่หันไปมองคุณชายบ้านงูอีกครั้ง เจ้าตัวยังคงยืนนิ่งแม้ว่าจะเก็บของลงกระเป๋าหมดแล้ว ท่าทางที่ราวกับจมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียลึกเกินหยั่งยิ่งทำให้แฮร์รี่สงสัยว่าเดรโกกำลังนึกถึงอะไรอยู่

 

 

“แฮร์รี่ พอตเตอร์… ตายแล้ว!!”

 

 

เดรโกเงยหน้าขึ้นอย่างว่องไว เรียวแขนรีบเอื้อมไปด้านหลังพุ่งเข้าจับข้อมือของแฮร์รี่ทันทีเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นในหัว คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถลาเข้าชนกับคนที่ดึงข้อมือของตัวเองอย่างจังจนใบหน้าฝังอยู่แถวบริเวณหัวไหล่ของเดรโก

 

“นาย..ยังไม่ตาย..ใช่ไหม”

 

แฮร์รี่ขมวดคิ้วเข้าหากัน แม้ความเจ็บที่ปลายจมูกจะยังไม่หาย แต่ประโยคคำถามแสนแผ่วเบาที่ดังขึ้นข้างหูทำให้เขาต้องเพิกเฉยต่อความเจ็บลง แฮร์รี่เงยหน้ามองคนที่ยังจับข้อมือของเขาแน่นด้วยแววตาสงสัย

 

มันทั้งสั่นและเย็นชืด – มือของเดรโก

 

พ่วงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

มือหนาจับแน่นมากชนิดที่ว่าหากผ่อนแรงลงกว่านี้แล้วร่างตรงหน้าตรงหน้าจะหายไป

 

เดรโกเหมือนคนสติหลุดไปนิดๆ เจ้าตัวดูจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังใกล้ชิดกับเด็กชายผู้รอดชีวิตมากขนาดไหน รวมถึงเหตุการณ์อันรวดเร็วที่เดรโกดึงแฮร์รี่เข้าหาตัวนั้นก็เรียกความสนใจจากเด็กคนอื่นๆ ในห้องได้เป็นอย่างดี ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างตกเป็นเป้าสายตาจากคนอื่นๆ รวมถึงศาสตราจารย์ประจำบ้านสลิธีรินด้วย

 

เด็กชายผู้รอดชีวิตค่อยๆ วางมืออีกข้างที่ยังว่างลงที่ท่อนแขนของเดรโกอย่างลังเล แฮร์รี่ลอบสังเกตปฏิกิริยาของเดรโก เมื่อเจ้าตัวดูจะยังไม่คิดจะสะบัดเขาทิ้ง แฮร์รี่จึงออกแรงลูบเบาๆ ลงที่ท่อนแขน

 

“ฉันยังมีชีวิต มัลฟอย”

 

………………

 

มื้ออาหารเที่ยงในโถงใหญ่ยังคงบรรยากาศเดิมๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เหล่าเด็กปีหนึ่งดูจะตื่นเต้นกับอาหารพวกนี้กันอยู่ พวกปีสูงบางคนก็ดูจะตื่นตาตื่นใจอยู่พอสมควร อาจจะเพราะช่วงเหตุการณ์นั้น เมื่อปีที่ผ่านมา ที่ทำให้พวกเขาคงจะไม่ค่อยได้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารมากนัก แฮร์รี่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าฮอกวอตส์ในตอนที่เขาและเพื่อนอีกสองคนต้องหนีพวกผู้เสพความตาย โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ลำพังแค่ได้มาเห็นเด็กนักเรียนส่วนหนึ่งต้องรวมอยู่ในห้องเดียวกันก็นับว่าเป็นเรื่องที่บีบใจเขาไม่น้อยแล้ว

 

บางทีคำกล่าวที่ว่าอาหารจะเยียวยาทุกสิ่งอย่างที่มักเกิ้ลเคยว่าไว้ก็อาจจะจริง เพราะในเวลานี้ทุกคนดูจะมีความสุขกับอาหารเลิศรสตรงหน้าไม่น้อย อย่างน้อยก็เพื่อนสนิทผมแดงของเขา

 

แฮร์รี่หยิบน่องไก่งวงมาหนึ่ง ซุบข้าวโพดอีกถ้วย ทาร์ตน้ำตาลข้นของโปรด รวมถึงพายฟักทองอีกสองชิ้นวางลงในจานของตนเอง และไม่ลืมน้ำฟักทองเย็นๆ อีกสักแก้ว เมื่อลิ้นได้สัมผัสรสชาติของไก่งวงย่างยามเข้าปาก แฮร์รี่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับมาที่บ้านจริงๆ ช่วงก่อนหน้านั้นเรียกว่ากินเพื่ออยู่ อาหารดีๆ แบบที่กำลังละลานตาเต็มโต๊ะขนาดนี้เป็นเพียงภาพจำในอดีตไปเลย แต่ตอนนี้ที่แฮร์รี่กำลังละเลงอาหารดีๆ อยู่เป็นเรื่องจริง

 

“หมอนั่นมันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”

 

เสียงรอนดังขึ้นมาจากฝั่งตรงข้าม ทั้งที่ในปากเจ้าตัวยังมีเนื้อไก่ทอดที่เพิ่งกัดเข้าไปคำโตค้างอยู่ แฮร์รี่ช้อนตามองลอดแว่นด้วยไม่แน่ใจว่าได้ยินสิ่งที่รอนพูดถูกหรือไม่ แล้วเด็กผมแดงที่พูดทั้งที่อาหารเต็มปากจึงถูกแฟนสาวของตัวเองจัดการบิดเนื้อที่ต้นแขนเป็นการลงโทษไปที

 

“นายว่าอะไรนะรอน” แฮร์รี่ถามพลางยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม

 

รอนรีบกลืนอาหารลงคอ “อื้ม.. ฉัน..บอกว่า ไอ้หมอนั่นมันต้องเพี้ยนแน่ๆ”

 

“หมอนั่น? หมอไหน”

 

“โถ่แฮร์รี่! แกล้งโง่รึไงเนี่ย มัลฟอยไง มัลฟอย”

 

ท้ายประโยคที่มีการพาดพิงถึงคนอื่นรอนก็เบาเสียงลง เฮอร์ไมโอนี่กลอกตาเล็กน้อยกับแฟนของเธอแต่ก็เลือกที่จะกลับไปสนใจขนมปังตรงหน้าเธอต่อ แต่คนรอฟังอย่างแฮร์รี่กลับมีท่าทีที่ตรงกันข้ามออกไป เขารู้สึกขยับตัวลำบากขึ้นมาทันที เพราะเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ใกล้กันอย่างเนวิลล์ ดีน และเชมัสต่างเริ่มหันมาให้ความสนใจเขามากขึ้นด้วย

 

“ทำไมเขาถึงทำกับนายแบบนั้นล่ะแฮร์รี่”

 

คนถูกถามเข้าใจได้ทันทีว่าทำแบบนั้นที่ว่า มันคือแบบไหน

 

เจ้าของดวงตาสีเขียวส่ายหน้า “ไม่รู้สิเนวิลล์”

 

แฮร์รี่ก็ตอบไปตามที่เขารู้สึกจริงๆ ใช่ เขาไม่รู้เลยว่าทำไมเดรโกถึงทำแบบนั้น เพื่อนๆ ที่รอคำตอบต่างทำหน้าผิดหวังกันออกมา แฮร์รี่ได้แต่ยิ้มเจื่อนส่งไปให้อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แค่เขาก็ไม่อาจหาคำตอบให้พวกเขารวมถึงตัวเองได้

 

นัยน์ตาสีเทาซีดที่สั่นระริก ฝ่ามือเย็นชืด ใบหน้าซีดเผือด และริมฝีปากที่เอื้อนเอ่ยถามออกมานั้นทุกอย่างล้วนดูสมจริง ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด แฮร์รี่สัมผัสได้ ว่าเดรโกดูหวั่นวิตกและหวาดกลัวจากใจจริง

 

นั่นอาจเป็นสิ่งที่กวนใจคุณชายบ้านสลิธีรินจนทำให้คาบวิชาปรุงยาวันนี้ของเจ้าตัวผิดพลาดทั้งที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้

 

ฝ่ามือขาวยกขึ้นคลึงอกตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าหัวใจของตนกำลังเต้นไปในจังหวะที่ต่างออกไปเพียงเพราะนึกว่าพ่อมดผมบลอนด์คนนั้นกำลังคิดถึงเรื่องของตัวเอง

 

คาบบ่ายแฮร์รี่ไม่มีเรียนแล้ว พ่อมดหนุ่มปลีกตัวลาจากเพื่อนสนิททั้งสองเมื่อทั้งคู่กำลังจะไปเรียนวิชาอะไรสักอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่เลือกลงโดยที่รอนก็เลือกเรียนตามไปด้วย

 

ใจหนึ่งเขาก็อยากจะเข้าห้องสมุดไปหาข้อมูลเตรียมเขียนรายงานวิชาปรุงยาให้เรียบร้อย แต่ก็ติดที่ว่าเขาไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้ดีมากนัก ครั้นจะตามหาคู่ทำงานของตัวเองในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ก็ดูจะยากเย็นเสียเหลือเกิน สถานที่เดียวที่แฮร์รี่พอจะนึกออกอีกที่ก็คือทะเลสาบที่ประจำ แต่เขาก็ไม่ได้อยากไปตอนนี้

 

หอดูดาว

 

ดวงตาสีเขียวหลุบลงเมื่อชื่อสถานที่ที่สองที่เขานึกได้ดันเป็นที่แห่งนั้น

 

มันไม่ค่อยน่าจดจำเท่าใดนักสำหรับแฮร์รี่ แม้มันจะเป็นสถานที่ที่สามารถมองออกไปยังนอกระเบียงแล้วมองไปได้ไกลสุดสายตา ได้เห็นแม่น้ำที่ตัดผ่าน ความร่มรื่นของแมกไม้มากมายเบื้องล่าง และท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง

 

เขาเคยชอบที่นั่น และไปกับเพื่อนสนิทอย่างรอนและเฮอร์ไมโอนี่บ่อยๆ

 

แต่ในปีที่หกนั้น…

 

แม้ใจจะยังรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ในวันนั้นและเหมือนหัวสมองจะสั่งว่าไม่ต้องการให้มาที่นี่ แต่เหมือนร่างกายจะไม่ฟัง แฮร์รี่หยุดอยู่ที่ตีนบันไดบริเวณหอดูดาวเสียแล้ว นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปรอบๆ ความเงียบสนิทของที่นี่ด้วยจิตใจที่วูบโหวง ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงย้อนมาในหัวเขาเวลานอนอยู่บ่อยครั้ง

 

แสงสีเขียวบ้าๆ นั่น

 

หลอกหลอนเขามาแต่ไหนแต่ไร

 

ที่แห่งนี้ซึ่งควรจะเป็นที่ที่มีแต่ความสงบ กลับเต็มไปด้วยความอลหม่านในวันนั้น พวกผู้เสพความตายมากมายต่างพากันวิ่งโร่มาที่นี่ รวมถึง…

 

แฮร์รี่ชะงักไปเมื่อเขาเดินตามบันไดขึ้นมาครึ่งทาง และพบว่าที่ยอดหอคอย ตรงตำแหน่งนั้น มีใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่

 

พ่อมดผมบลอนด์ที่แฮร์รี่คุ้นเคยดีกำลังยืนมองพื้นในตำแหน่งที่ที่อดีตอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์เคยยืนอยู่ในวันที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตของเขาและเหล่านักเรียนในฮอกวอตส์

 

ราวกับภาพวันนั้นถูกฉายซ้ำในหัวของแฮร์รี่จนเขารู้สึกแย่ขึ้นมาเล็กน้อย เขายอมรับเลยว่าวินาทีนั้นเขาโกรธเดรโก มัลฟอยมาก มากเสียจนอยากจะพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนไปเสกคาถาแรงๆ สักหนึ่งบทใส่เจ้าตัว – แต่เขาก็ทำไม่ได้ ดัมเบิลดอร์จ้องมองลงมายังเขา พร้อมคำสั่งทางสายตาที่ทำให้แฮร์รี่จำต้องยืนสงบอยู่ที่เดิม

 

รอคอยดูภาพเหตุการณ์ที่แม้แต่เขาเองก็รู้ดีว่าจะเกิดขึ้น หลังจากที่ศาสตราจารย์อีกคนได้ก้าวขึ้นมา

 

แต่จะมีประโยชน์อะไรอีกในตอนนี้ ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงก็ถูกแฮร์รี่จัดการไปแล้ว คงจะงี่เง่าไม่น้อยถ้าหากเขาจะนึกโทษโกรธเดรโกต่อไปแล้วคิดจะหาทางแก้แค้นแบบเด็กๆ ที่ถ้าหากทำเราเจ็บ อีกฝ่ายต้องเจ็บกว่า แม้ลึกๆ ในใจจะยังมีเศษเสี้ยวหนึ่งที่แฮร์รี่ก็ยังยอมรับว่าเขาไม่พอใจเดรโกอยู่มากก็ตาม

 

ทุกคนล้วนเติบโตขึ้นจากความเจ็บปวดในอดีต และเขาเชื่อว่าเดรโกคงจะได้เรียนรู้จากมัน

 

เสียงบันไดขั้นสุดท้ายไม่เป็นใจให้กับแฮร์รี่นักเมื่อเท้าของเขาสัมผัสกับมัน เดรโกสะดุ้งและหันมาชี้ไม้กายสิทธิ์ใส่คนที่มาใหม่ทันที แฮร์รี่ยกมือทั้งสองขึ้นข้างลำตัว เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน ทั้งที่คิดว่าจะขึ้นมาแบบเงียบๆ แล้วแท้ๆ

 

“พอตเตอร์”

 

เดรโกดูตระหนกไม่น้อยเมื่อพบว่าใครมาเยือน แม้ไม้กายสิทธิ์ในมือจะถูกลดลงแล้ว แต่สายตาของเดรโกยังคงเต็มไปด้วยความหวาดระแวงจนเจ้าตัวถอยห่างออกไปพอสมควรจากระยะเดิมที่ยืนอยู่ ท่าทางของเดรโกไม่ได้ต่างอะไรกับครั้งเมื่อแฮร์รี่เจอเจ้าตัวในห้องน้ำนั่นสักนิด

 

ปีหกอีกแล้ว..

 

“นายจะอยู่ที่นี่สินะ งั้นฉันขอตัว”

 

“เดี๋ยวสิมัลฟอย”

 

ร่างกายแฮร์รี่ขยับตามการเคลื่อนไหวของเดรโกทันทีเมื่ออีกฝ่ายคิดจะพุ่งลงจากบันได ฝ่ามือบางรีบพุ่งจับที่ข้อมือของเดรโกเอาไว้หลวมๆ จนอีกคนหันมามองอย่างตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้สะบัดทิ้งแต่อย่างใด แฮร์รี่ผุดยิ้มออกมาจางๆ เมื่อเห็นว่าเดรโกไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงอย่างไวเมื่อเจอสายตามองเขม่นหนักตอบมา

 

“โทษที”

 

แฮร์รี่ว่าพลางรีบปล่อยมือออกจากข้อมือของเดรโก ทั้งคู่เหลือบตามองกันเล็กน้อยแล้วพากันขยับห่างออกไปยังคนละมุมของหอคอย

 

คนที่รั้งเขาไว้ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะพูดอะไร จุดประสงค์ที่เขาต้องการตามหาอีกฝ่ายในทีแรกคืออยากจะชวนไปทำงาน เชื่อเถอะ ว่าตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้มีสมาธิที่จะตั้งใจทำงานนักหรอกรวมถึงอีกฝ่ายเองก็ด้วย แต่ถ้าจะให้ถามเหตุการณ์ในคาบวิชาปรุงยา…

 

ร่างเล็กเม้มปากเบาๆ เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นมา จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนที่แก้มขึ้นมาจนไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่ยืนกอดอกหน้านิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

 

แย่เสียหน่อยที่เดรโกกำลังทำให้แฮร์รี่ตายใจด้วยการไม่เร่งเร้าถามว่าที่รั้งเจ้าตัวไว้เพื่ออะไร เหมือนว่าเจ้าตัวจะพอใจกับการที่ยังได้ยืนอยู่บนนี้เงียบๆ โดยที่ไม่ถูกรบกวน จะมีก็เพียงสายตาที่คอยจดๆ จ้องๆ จากแฮร์รี่เท่านั้นที่อาจจะกำลังสร้างความรำคาญให้ได้

 

ในที่สุดความอดทนของเดรโกก็เหมือนจะหมดลง เขาหันใบหน้ากลับไปมองเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เป็นจังหวะเดียวกับที่แฮร์รี่เองก็แหงนหน้ามองอยู่ก่อน ทอดมองมายังเขาด้วยสายตาที่แฝงความเห็นใจ ปนเปไปกับความอ่อนโยนแปลกๆ

 

เดรโกเบิกตาค้างกว้าง ภาพทับซ้อนบางอย่างกำลังแล่นเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง แฮร์รี่ในตำแหน่งนั้น ตำแหน่งเดิมกับที่ดัมเบิลดอร์เคยยืนอยู่ ด้านหลังที่เป็นฉากกว้างของท้องฟ้าและผืนป่าเคว้งคว้าง ต่างเสียหน่อยที่เวลานี้เป็นเวลากลางวัน ไม่ได้ดำมืดสนิทเฉกเช่นใจเขาในวันนั้น

 

มือข้างที่กำไม้กายสิทธิ์ของเดรโกถูกกำไว้แน่นขึ้น แฮร์รี่ลดสายตาลงมองตามเล็กน้อยไปยังมือสั่นเทานั่น สีหน้าของเดรโกดูไม่ดีเท่าไหร่ แฮร์รี่จึงตั้งใจก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่เดรโกกลับยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจ่อที่หน้าของแฮร์รี่อีกครั้งจนร่างเล็กต้องผงะถอยไป

 

ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ยังคงอยู่ในกระเป๋าเสื้อ

 

ไม้.. ที่ไม่ใช่ของเขาแต่แรก

 

“คนพวกนั้น..เอาแต่พูด ฉัน..ไม่ได้..อยากทำซักหน่อย!”

 

คล้ายเป็นการพึมพำกับตัวเองมากกว่า แฮร์รี่เลิกคิ้วมองอีกคนที่ดูเหมือนจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้งอย่างเป็นห่วง วันนี้ตอนพักเที่ยง หัวข้อสนทนาของเด็กส่วนใหญ่ยังคงไม่พ้นเรื่องเดรโกเป็นเรื่องหลักในการพูดคุย แววตาที่ฉายชัดถึงการกีดกันและไม่ต้อนรับคอยส่งไปให้เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินไม่ขาดจนเจ้าตัวหนีหลบออกมาอย่างรวดเร็ว

 

“นายกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม” เดรโกแค่นยิ้มออกมา มือยังคงยกไม้กายสิทธิ์ค้างไว้ตำแหน่งเดิม จนแฮร์รี่ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเพิ่งมีใครขึ้นมาที่นี้ในเวลานี้เลย

 

“เปล่า..”

 

“โกหก!! ก็รู้อยู่ว่าทั้งโลกตอนนี้ใครๆ ก็เกลียดฉัน! แล้วคนที่น่าจะดีใจที่สุดที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ก็ต้องเป็นนายแน่!”

 

“อย่ามารู้ดีกว่าตัวฉันจะได้ไหม”

 

“หึ งั้นจะบอกว่านายเห็นใจฉันงั้นเหรอ!!”

 

แฮร์รี่ไม่ได้ตอบไปในทันที เขาหลุบตาต่ำหลบดวงตาคู่คมที่ฉายแววแข็งกร้าวออกมา เดรโกขยับเข้ามาชิดเขามากขึ้นทั้งที่ไม้กายสิทธิ์ยังคงจ่อมาที่หน้าเขาดังเดิม แฮร์รี่จำต้องร่นถอยหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่รู้ ว่าตอนนี้ในจิตใจของเดรโกจะดำมืดหรือขาวสว่างขนาดไหน เจ้าตัวจะกล้าพอที่จะร่ายเวทใส่คนที่ไม่ได้ถือไม้กายสิทธิ์อย่างในวันวานอีกหรือไม่ ไม่มั่นใจเลย

 

ดวงตาทั้งสองสบมองกัน นัยน์ตาสีซีดยังคงสั่นระริกไปมาอย่างคนที่ลังเล

 

“เดรโก..” แฮร์รี่เปรยขึ้นเบาๆ “นายไม่ใช่ฆาตกร”

 

คล้ายคำพูดของแฮร์รี่ไปกดโดนสวิตซ์บางอย่างในตัวเดรโกเข้า ร่างสูงสะดุ้งวาบ มองแฮร์รี่ตกตะลึง เดรโกลดไม้ลงแต่พุ่งเข้าประชิดร่างแฮร์รี่ทันทีจนพ่อมดบ้านสิงห์ไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือหนาคว้าหมับจับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของแฮร์รี่ไว้แน่น บีบอย่างแรงจนแฮร์รี่เริ่มมีสีหน้าเหยเก

 

“นาย! ทำไมนาย..พูดเหมือนเขา!?”

 

“วันนั้น..ฉันก็อยู่ที่นี่ ข้างล่างนั่น” แฮร์รี่ค่อยๆ ละล่ำละลักตอบเสียงสั่นพลางเหลือบดวงตามองไปยังที่ๆ ตัวเองเคยยืนอยู่

 

เดรโกดูสับสนขึ้นมาทันที ใบหน้าขาวซีดแดงจัดขึ้นมาด้วยความโกรธ สองมือยังคงบีบไหล่แฮร์รี่แน่นขึ้นจนเล็บแทบจะจิกลงในเนื้อ แต่แฮร์รี่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา ร่างสูงหอบแผ่ว ริมฝีปากสั่นเทา เขาสั่นศีรษะมองไปรอบๆ แบบคนเริ่มทำอะไรไม่ถูก – ไม่ต่างอะไรกับตอนนั้นเลยซักนิด

 

“ฉันไม่ได้อยากทำ.. ถ้าไม่ทำ พวกมันจะฆ่าฉัน”

 

“รู้ ฉันรู้ ตั้งสติหน่อยสิ นี่ มัลฟอย”

 

แฮร์รี่ยกทั้งสองข้างกุมข้างแก้มตอบของเดรโกพลางออกแรงตบเบาๆ เพื่อเรียกสติ ดวงตาเรียวยังคงคอยเสหลบไปมาไม่จ้องคนที่อยู่ตรงหน้าจนแฮร์รี่ต้องล็อคใบหน้าขาวซีดตรงหน้าให้แน่นขึ้นและบังคับให้จ้องตอบตัวเอง

 

“มัลฟอย! ที่นี่ ตรงนี้ มีแค่นายกับฉัน ตั้งสติ จะไม่มีใครมาคอยควบคุมนาย ไม่มีใครจะมาฆ่านายอีก ได้ยินไหม” แฮร์รี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ตอนนี้มีแค่เรา”

 

หากการต้องตื่นมาแล้วพบเจอว่าต้องคอยพะวงว่าจะมีใครตามฆ่าตัวเองอยู่ตลอดเวลา มันคงไม่ใช่เรื่องที่น่าพิสมัยในการใช้ชีวิตแม้แต่น้อย และแฮร์รี่เข้าใจความรู้สึกนั้นอย่างดีมาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา และเขาตระหนักมันได้อย่างดีตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาเรียน

 

แฮร์รี่ลดมือลงจากใบหน้าของเดรโกและลูบเบาๆ ที่แขนทั้งสองข้างของคนตรงหน้าแทนพลางบีบเป็นพักๆ อย่างคนที่ต้องการให้กำลังใจ แม้จะไม่รู้ว่าจะส่งไปถึงคนที่เขาต้องการให้รับหรือไม่ แต่เขาก็ยังหวัง ว่าสักเล็กน้อยก็ยังดี

 

เดรโกค่อยๆ สงบลงบ้างแล้ว แรงลูบที่แขนรู้สึกทำให้เขาผ่อนคลายอย่างประหลาด แม้ใบหน้าจะยังคงเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และใจที่ยังรู้สึกหนักหน่วง ร่างสูงหายใจหอบเบาๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง เปลือกตาบางหลับลงเพียงครู่ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีดวงตาสีมรกตที่มองมาอยู่ก่อน

 

ทั้งดูสงบ ดูอบอุ่น และใจดี

 

ร่างสูงเพิ่งตระหนักได้ว่าเขาเพิ่งจะเคยจ้องและมองเข้าไปในดวงตาคู่นี้ได้ชัดมากกว่าตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ และมันดูดีมากกว่าที่คาดไว้เสียอีก

 

ต่างคนต่างจ้องตากันอยู่เช่นนั้นซักพัก จนแฮร์รี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคันยิบๆ ในใจ เขาจึงเริ่มขยับตัวผละออกจากคนตรงหน้า มือทั้งสองข้างของแฮร์รี่ยกค้างปัดป่ายในอากาศไปมาเพราะไม่รู้ว่าควรจะวางไว้ตรงไหนขึ้นมาเสียดื้อๆ มันคงเป็นท่าทางที่ตลกพอควร เพราะไม่อย่างนั้นพ่อมดบ้านสลิธีรินตรงหน้าคงจะไม่เริ่มเผยรอยยิ้มเยาะออกมา

 

“ทำบ้าอะไรของนายน่ะพอตเตอร์” เดรโกว่าเย็นเยียบพร้อมกับเก็บไม้กายสิทธิ์ของตัวเองเข้าที่กระเป๋าเสื้อ

 

แฮร์รี่มองตามมือข้างนั้นอย่างลืมตัว มือของเขาเองก็เผลอล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อคลำหาไม้กายสิทธิ์ที่วางอย่างสงบอยู่ในนั้น

 

เดรโกจะยังอยากได้มันคืนไหม?

 

“ทำให้นายหายเครียดมั้ง”

 

“…..”

 

เงียบกันไปสักครู่ ดวงตาสีซีดปรายมองคนตรงหน้าอีกครั้ง เขายกมือปาดเหงื่อบนหน้าเล็กน้อยก่อนจะรีบปลีกตัวเดินไปทางบันไดและก้าวลงไปทันที แฮร์รี่มองตามคนที่เดินลิ่วลงไปแล้วนิ่งๆ ดีแล้วที่ปากเขาไม่เอ่ยรั้งอีกฝ่ายไว้อีกเพราะแฮร์รี่ก็คงไม่รู้แล้วว่าตัวเองจะรั้งอีกฝ่ายไว้ทำไม

 

แต่ตอนนี้อย่างน้อยแฮร์รี่ก็ได้รู้ชัดแล้วว่า เดรโก มัลฟอยยังคงรู้สึกผิดและเสียใจกับเรื่องราวเมื่อครั้งนั้นมากขนาดไหน ไม่อย่างนั้น สีหน้าและอาการแบบที่เขาได้เห็นไปเมื่อครู่คงจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน

 

 

เดรโกไม่ได้เลือกทางผิด

 

แต่ไม่มีทางให้เลือกแต่แรกต่างหาก

 

………………

 

อากาศตอนเช้าที่ยังเย็นๆ อยู่บ้างทำให้แฮร์รี่ต้องสีมือเข้าหากันเบาๆ วันนี้เขาได้รับของเล่นชิ้นใหม่ที่สั่งมาจากจอร์จพอดี เขาจึงจะส่งมันให้กับลูกทูนหัวของเขาอย่างเท็ดดี้ต่อ แฮร์รี่จึงปลีกตัวมาที่โรงนกฮูกในเช้าวันนี้เพื่อมาหาเจ้านกฮูกของเขา

 

แฮร์รี่ผิวปากเบาๆ ก็มีนกฮูกตัวสีขาวลวดลายสีน้ำตาลบินโผมาเกาะบนแขนของเขา ดวงตาหลังกรอบแว่นทอดมองสัตว์เลี้ยงของตัวเองด้วยสายตาเอ็นดูปนคิดถึง – เขาคิดถึงเฮดวิก เจ้าตัวนี้แม้จะคล้ายกับเฮดวิกอยู่บ้างแต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ตัวเดียวกัน

 

เขาส่ายหัวให้กับตัวเองเมื่อเผลอนึกไปถึงอดีตอีกครั้ง ถ้าเจ้านกฮูกตัวนี้มันเกิดเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่มันคงจะน้อยใจไม่น้อยที่แฮร์รี่เอามันไปเปรียบกับเจ้านกฮูกตัวเดิม แฮร์รี่ยกมือขึ้นลูบเส้นสีขาวนุ่มของมัน ยังไงเสีย ตอนนี้มันก็คือเพื่อนตัวใหม่ของแฮร์รี่แล้ว และเขาสัญญาว่าเขาก็จะปกป้องดูแลมันอย่างดี เหมือนที่เฮดวิกเคยปกป้องเขา

 

นิ้วเรียวยกขึ้นสอดเข้าใต้แว่นตาของตัวเองพลางปาดหยดน้ำที่ซึมออกมาจางๆ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมเพื่อหยิบเอากล่องของขวัญกล่องเล็กออกมา

 

เจ้านกฮูกคล้ายรู้หน้าที่ดี มันบินออกจากแขนไปเกาะอยู่ที่เสาต้นหนึ่งเพื่อรอให้แฮร์รี่เอาของขวัญมาผูกไว้กับขาของมัน หลังจากแฮร์รี่จัดการมัดกล่องของขวัญไว้เรียบร้อยดีแล้วแต่ยังไม่ทันที่เจ้านายของมันจะได้ให้รางวัลด้วยขนมอย่างทุกที แฮร์รี่พลันได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากมุมหนึ่งภายในห้องนี้แทน

 

แฮร์รี่หันหลังกลับ กวาดสายตามองไปรอบๆ เสียงกุกกักที่ว่ายังคงดังอยู่เรื่อยๆ เขาแหงนหน้ามองไปรอบๆ ว่ามีนกฮูกตัวไหนที่กำลังขูดหรือเคาะกำแพงหรือไม่ แต่ทุกอย่างก็ดูปกติ แต่เสียงที่ว่าก็ยังไม่หายไป

 

“รอนี่ก่อนนะ” แฮร์รี่หันไปบอกกับนกฮูกของเขาแล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบโรงนกฮูก

 

ที่มุมหนึ่งด้านในโรงนกฮูกมีกองถังไม้ แผ่นไม้กองหนึ่งทับถมอยู่ และมันกำลังขยับเขยื้อนไปมาเหมือนมีอะไรอยู่ด้านใต้นั้น แฮร์รี่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าควรเข้าไปเลยดีไหม สัญชาตญาณร้องบอกให้เขาล้วงมือเข้าไปกระเป๋าเสื้อและดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแทน รักษาระยะห่างเล็กน้อยก่อนจะเสกให้กองไม้ทั้งหลายให้กระจายออกไป

 

ดวงตาคู่สีมรกตเบิกค้างเมื่อพบสิ่งที่อยู่ใต้กองไม้พวกนั้น เป็นนกฮูกสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่กำลังถูกมัดเอาไว้ ถ้าแฮร์รี่จำไม่ผิดมันคือนกฮูกเหยี่ยว พันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าตัวใหญ่และค่อนข้างดุร้าย เป็นพันธุ์ที่หาไม่ได้ในอังกฤษเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าเจ้าของจะต้องเป็นคนที่มีอันจะกินพอสมควรเท่านั้น

 

นกฮูกตัวใกล้เคียงพากันกระพือปีกบินหนีไปเมื่อเจ้านกฮูกตัวใหญ่ที่อยู่กับพื้นเริ่มดิ้นและส่งเสียงไปมา แฮร์รี่กวาดตามองผ่านๆ รอบหนึ่งก็พบว่ามันบาดเจ็บอยู่ด้วย ไหนจะยังเชือกเส้นหนาที่ใช้มัดตัวมันไว้กำลังเสียดสีสร้างรอยแผลไปตามร่างกายของมัน

 

แฮร์รี่นั่งลงข้างมันอย่างใจเย็น ฝ่ามือบางค่อยๆ วางลงบนหัวของนกฮูกตรงหน้าและลูบเบาๆ  เพื่อให้มันเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้าย

 

มนตร์บทง่ายถูกร่ายขึ้นเพื่อปลดเชือกที่มัดนกฮูกเอาไว้ มันร้องออกมาเบาๆ เมื่อเป็นอิสระ ปีกขนาดใหญ่ทั้งสองข้างพยายามกางออกเพื่อโผบิน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำได้ด้วยบาดแผลที่โคนปีกของมัน แฮร์รี่ขยับเข้าไปใกล้นกฮูกเหยี่ยวตรงหน้าอีกครั้งและช้อนอุ้มมันเข้ามาอ้อมแขน

 

คนที่จะช่วยได้ ก็คงเป็นแฮกริดคนเดียว

 

แฮร์รี่ยิ้มดีใจนิดๆ เมื่อเจ้านกที่ขึ้นชื่อว่าจะดุตรงหน้าไม่คิดจะทำร้ายเขา ทั้งยังให้ยอมอุ้มแต่โดยดี จะเพราะเจ็บหรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่เขารู้สึกว่านกตัวนี้ไม่ได้ดุร้ายน่ากลัวอย่างที่ใครกลัวกัน แม้แต่นกฮูกของแฮร์รี่ที่ทีแรกเกาะอยู่อีกเสา ตอนนี้กลับโฉบบินมาเกาะที่ไหล่ของแฮร์รี่ด้วยเพื่อดูเพื่อนร่วมโรงนอนของมันที่อยู่ในแขนของแฮร์รี่

 

“เพื่อนนายต้องได้คนรักษา ตอนนี้ไปส่งของให้เท็ดดี้ก่อนเถอะ กลับมาแล้วจะเอารางวัลให้”

 

นกสีขาวอ้วนใช้หัวของมันดุนที่ข้างขมับของแฮร์รี่หนึ่งทีก่อนจะบินออกไปจากไหล่ของเขา แฮร์รี่ยิ้มจางๆ ออกมาก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูทางออกเพื่อส่งตัวนกฮูกในอ้อมแขนไปให้แฮกริด

 

“อัล… พอตเตอร์! นายทำอะไรกับนกฮูกของฉัน!”

 

เจ้าของชื่อนิ่งค้างชะงักฝีเท้าลงเมื่อมีเสียงตวาดออกมาเสียงดังจากด้านหน้าและเมื่อเขาเงยหน้ามองก็พบว่าคนๆ นั้นคือเดรโก มัลฟอย

 

“นกนาย?” แฮร์รี่เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่านกฮูกพันธุ์ดีแบบนี้ใครคือเจ้าของ

 

“ใช่ นายทำอะไรกับมัน!!”

 

“นี่ ใจเย็นก่อนได้ไหม”

 

“จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง …ดูสภาพมันสิ! นายทำกับฉันไม่ได้ก็เลยคิดจะลงกับนกของฉันใช่ไหม!!”

 

แฮร์รี่รู้สึกเลือดลมขึ้นมากองที่หน้าทันที ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะประเคนหมัดสักยกให้คนตรงหน้าได้มีสตินึกคิดอีกซักนิดแต่ก็ติดที่ว่าเขายังอุ้มเจ้าตัวขนสีน้ำตาลไว้อยู่ นกฮูกตัวอื่นในโรงเลี้ยงก็เริ่มพากันแตกตื่นเพราะเสียงตวาดกร้าวของเดรโก รวมถึงเจ้าตัวในแขนของแฮร์รี่ด้วย

 

“นายอย่าเพิ่งไร้สาระได้ไหม”

 

“เอามานี่!”

 

เหมือนเดรโกจะไม่ได้ฟังในสิ่งที่แฮร์รี่เอ่ยสักนิด เจ้าตัวรีบพุ่งเข้ามาเพื่อจะคว้าเอานกฮูกของตนไปอุ้มไว้เอง แต่คนใจร้อนก็แทบจะไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่านกของตัวเองกำลังบาดเจ็บอย่างไรอยู่ ทันทีที่ฝ่ามือหนาเอื้อมไปสัมผัสเข้า เจ้านกฮูกก็ร้องและพยายามซุกแฮร์รี่หนีมือของเดรโกทันที

 

“มันบาดเจ็บอยู่นะ! อย่าทำรุนแรงจะได้ไหม มีสติหน่อยมัลฟอย!”

 

“งั้นก็ปล่อยนกของฉันมาได้แล้วพอตเตอร์!”

 

แฮร์รี่ก็ชักจะเหลืออดกับคนตรงหน้า เขาก้มมองเจ้านกสีน้ำตาลในอ้อมแขนที่ยังซุกเขาแน่นสลับกับเงยหน้ามองเดรโกที่กำลังฉายแววโกรธจัดอยู่อย่างลังเล เขาคิดว่ามันคงไม่จบง่ายๆ แน่ถ้าหากเขาไม่คิดจะส่งนกให้กับเดรโกไป แต่ก็ติดที่ว่าเหมือนเจ้าฮูกตัวนี้จะไม่อยากออกไปจากอ้อมแขนเขา

 

“อย่างนายจะไปเข้าใจอะไรล่ะ”

 

เดรโกว่าเสียงเนิบๆ ออกมาพลางขยับเข้าใกล้คนตัวเล็กกว่าตรงหน้าด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว

 

“นายไม่มีเพื่อนคนสุดท้ายในชีวิตที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องดูแลเหมือนที่ฉันเหลือแต่เจ้านี่.. ส่งมันมาได้แล้ว!”

 

เส้นอารมณ์ของแฮร์รี่คล้ายขาดผึงขึ้นมา ดวงตาสีเขียววาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ เขาขยับเข้าใกล้เดรโกขึ้นอีกก้าวก่อนจะรีบยื่นวางนกฮูกเหยี่ยวตัวโตไว้ในอ้อมแขนของเดรโก มันส่งเสียงขัดใจเมื่อออกมาพ้นวงแขนของแฮร์รี่ แต่หนุ่มแว่นก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เขาจ้องกลับเดรโกเขม็งแล้วเริ่มปริปาก

 

“ใช่ ฉันไม่เหลือเพื่อนคนสุดท้าย แต่ฉันเหลือทุกคน! ทุกชีวิตที่ฉันต้องดูแล ต้องรับผิดชอบ มาตลอด 7 ปี! นายเข้าใจฉันบ้างไหมล่ะว่าตลอด 7 ปีนับตั้งแต่ที่ฉันก้าวเข้ามาในโลกเวทมนตร์ฉันต้องแบกความหวังและหน้าที่บ้าๆ ในการจัดการเจ้านายของนายทั้งที่ฉันก็แทบไม่รู้จักเขาเท่าที่ฉันก็แทบไม่รู้จักตัวเองเลย!”

 

แฮร์รี่ร่ายยาวออกมาอย่างเหลืออด เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจตนเองเท่าไหร่ว่าทำไมจะต้องพูดเรื่องนี้ออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาและยังอารมณ์เสียกับคนไม่ฟังอะไรเลยตรงหน้าจนอดจะระเบิดคำพูดออกมาไม่ได้

 

เด็กหนุ่มสูดหายใจเฮือกใหญ่และมองค้อนคนที่เหมือนจะนิ่งค้างไปกับประโยคยืดยาวของเขา เดรโกเองก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่น้อยเพราะเขาก็ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ คนตรงหน้าก็จะระเบิดอารมณ์ออกมาขนาดนี้ แต่ที่ไม่คาดฝันกว่านั้นก็คือดวงตาของคนตรงหน้าที่แดงก่ำคล้ายคนจะร้องไห้

 

เดรโกไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับการเจอแฮร์รี่ พอตเตอร์ร้องไห้เลยสักนิด

 

“อย่าคิดว่ามีแต่ตัวเองที่น่าสงสารและโลกมองข้ามเลย ที่ฉันถูกจับตามองก็เพราะฉันที่ฆ่าโวลเดอมอร์ได้ตั้งแต่ยังไม่ขวบ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้มีใครรู้จักและเห็นใจฉันจริงๆ อย่างที่นายเองก็กำลังเจอนี่เหมือนกัน”

 

พ่อมดผมดำเอ่ยเสียงสั่นพลางสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เขาเช็ดน้ำตาที่หยดลงหนึ่งหยดลวกๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวให้พ้นจากคนที่ยังยืนขวางบริเวณประตูเพื่อจะออกจากโรงนกฮูก แต่เดินไปยังไม่ทันพ้นจากกรอบประตูดี แว่วเสียงจากคนที่เดินออกไปก็ดังขึ้นมาอีกรอบ

 

“พานกของนายไปหาแฮกริด อย่าคิดที่จะรักษามันด้วยตัวเองถ้านายไม่รู้วิธี แฮกริดจะช่วยนายได้”

 

เสียงฝีเท้าของแฮร์รี่ห่างไกลออกไปแล้ว เดรโกก้มมองนกฮูกเหยี่ยวของตัวเองซึ่งกำลังดิ้นขลุกขลักเล็กน้อยในอ้อมแขนของเขา ดวงตาสีซีดหม่นแสงลงอย่างรู้สึกผิด เขารู้สึกเช่นนั้นจากใจจริง

 

นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้รับรู้ความอัดอั้นของพ่อมดผู้พิชิตจอมมาร และคงจะมีอีกหลายเรื่อง หลายความรู้สึกที่เขายังไม่ได้รับรู้ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดเลยว่าแฮร์รี่จะรู้สึกและเป็นอย่างไร เขากลับรู้สึกอิจฉาด้วยซ้ำที่สายเลือดผสมอย่างแฮร์รี่กลับเป็นที่โด่งดัง

 

จนมันน่ารำคาญ

 

จำความได้ พ่อของเขาก็เอาแต่พูดถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์คนดังผู้พิชิตจอมมาร

 

เขาที่ได้ยินเรื่องราวของแฮร์รี่มาตั้งแต่ยังเด็ก ได้รู้จักเจ้าตัวก่อนที่เจ้าตัวจะรู้จักตัวเองเสียอีก

 

แต่ในตอนนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่า เขาไม่ได้รู้จักแฮร์รี่เลยสักนิด

 

ไม่เลย

 

 

 

TBC..

 


 

TALK !

หวีดได้ที่เดิมเจ้าค่ะ #WizDMHP

มาเจิมตอนแรกแล้วค่าาาาาาาาาา แอบเขียนยากนิดหน่อย ซีนอารมณ์มันค่อนข้างหนักหน่วงจริง เรื่องนี้จะเน้นไปที่ความรู้สึกค่อนข้างเยอะค่ะ โดยเฉพาะของชายเดรก แต่ของน้องก็จะมีระเบิดให้ตาพี่ได้เข้าใจด้วยค่ะ เป็น After Story หลักที่เราอยากให้ทั้งคู่เข้าใจกันและกันมากขึ้นค่ะ ฮุกก

ตอนนี้ยังไม่มีไรกุ๊กกิ๊กกัน อย่าตกใจไปค่ะ พวกเขาจะค่อยๆ เข้าใจกันค่ะ จบดีแน่นอนค่ะ งุ่มๆ

ชอบไม่ชอบอย่างไร คิดเห็นยังไง เมนต์และร่วมหวีดให้เราได้รู้ฟีดแบคทีนะคะ จะได้นำไปปรับปรุงด้วยเน้ออ

ปล. นกฮูกของน้องมีใครจะช่วยคิดชื่อไหมคะ 5555 ส่วนนกฮูกของตาพี่มีเปรยๆ มาแล้วว่า “อัล…” แต่อะไรต่อท้ายดี 5555555 มาร่วมส่งชื่อประกวดได้นะคะ เอิ้กกก

[Fic Harry Potter : DMHP] #AskmakeStoryChallenge หนังสือ

 

 

»»»» หนังสือ

 

#AskmakeStoryChallenge

Fandom : Harry Potter

Pairing : Draco Malfoy x Harry Potter | DMHP

 


 

 

สำหรับช่วงปิดเทอมที่เด็กๆ เกือบจะแปดสิบเปอร์เซ็นต์พากันกลับบ้านกันนั้น แน่นอนว่าคนก็บางตามากอยู่แล้วสำหรับอาณาเขตในโรงเรียน และยิ่งสถานที่ที่หนึ่ง หากไม่ใช่ช่วงใกล้สอบก็คงไม่ค่อยมีใครใคร่จะย่างกรายมานัก

 

ห้องสมุด

 

แม้ที่นี่จะมีหนังสือมากมายหลายพันเล่มที่น่าสนใจให้หยิบอ่านไม่น้อย แต่ถ้าหากไม่ใช่หนอนหนังสือหรือคนที่ต้องการสมาธิในการทำงานแล้วล่ะก็ ที่นี่ก็แทบจะกริบไร้ผู้คน

 

นับประสาอะไรกับช่วงปิดเทอม

 

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเลย สักคน

 

หากการได้พาร่างของตัวเองควบไปบนด้ามไม้กวาดและออกโบยบินไปบนท้องฟ้าได้อย่างอิสระ เป็นดั่งยาหวานที่ลื่นคอสำหรับพ่อมดคนดังอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์แล้ว การที่ต้องนั่งทำรายงานวิชาปรุงยาจำนวนหลายสิบฟุตก็คงจะเป็นดังเช่นยาขมที่ไม่จรรโลงใจนักของเขา

 

เสียงถอนหายใจแผ่วดังออกมารอบแล้วรอบเล่าจากเด็กหนุ่มผมดำ ปากกาขนนกถูกจุ่มวางไว้กับขวดหมึกตามเดิมรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้เมื่อเขาไม่สามารถเขียนรายงานออกมาได้ตามใจหวัง

 

“หงอยหมดแล้ว คนเก่งของโลกเวทมนตร์”

 

เสียงทุ้มแหบดังขึ้นจากด้านหลังของแฮร์รี่ ไม่ทันที่เขาจะได้หันหลังไปปะทะกับคนที่มาใหม่ ฝ่ามือจากคนด้านหลังพลันเอื้อมมาลูบใต้คางของเขาเสียก่อน ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่ทาบลงบนเส้นผมกลางกระหม่อม

 

“ทำไมไม่เรียกฉันให้มาช่วยล่ะหืม?” เสียงทุ้มนั้นว่าด้วยโทนต่ำก่อนจะทิ้งร่างนั่งลงข้างๆ กัน

 

“ก็นึกว่านายอยากจะใช้เวลาส่วนตัวในช่วงปิดเทอม” แฮร์รี่บุ้ยใบ้ริมฝีปากเท้าคางมองคนข้างๆ

 

“เวลาส่วนตัวของฉันจะมีนายด้วยไม่ได้เหรอ?”

 

ดวงตาหลังกรอบแว่นเบิกกว้างก่อนจะกะพริบปริบ เดรโก มัลฟอยมองใบหน้าเหลอหลาที่กำลังทำจมูกบานและริมฝีปากที่เม้มเข้าออกไปมาด้วยความขบขัน ฝ่ามือใหญ่วางลงบนเส้นผมนุ่มก่อนจะออกแรงขยี้เบาๆ

 

จากนั้นการติววิชาที่แฮร์รี่แสนเกลียดก็เริ่มขึ้น

 

ด้วยศาสตราจารย์มือดีที่ช่วยให้แฮร์รี่เข้าใจได้ง่ายขึ้นอีกโข

 

หลังจากที่เขียนรายงานไปได้แปดสิบเก้าเปอร์เซ็นในความคิดของแฮร์รี่แล้ว เขาก็ขอพักยกด้วยการของีบหลับไปสักครู่ เดรโกเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเพียงหยิบหนังสือที่หยิบติดมือมาด้วยและเริ่มเปิดอ่านมันเงียบๆ

 

จนกระทั่งตอนนี้ที่แฮร์รี่ค่อยๆ ปรือตาตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ยังเห็นว่าเดรโกยังคงอ่านหนังสือเล่มเดิมอยู่

 

ดวงตาที่ไม่ได้มีสิ่งช่วยในการมองเห็นอย่างทุกที ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังอ่านอะไรอยู่ เห็นลางๆ ก็คับคล้ายคับแค่ว่าเหมือนจะเป็นหนังสือดวงดาวอะไรสักอย่าง

 

“มัลฟอย..”

 

“สายันต์สวัสดิ์”

 

แฮร์รี่ยกมือขยี้ดวงตาหวังคลายความง่วงงุนที่ยังเกาะกุมจนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็โดนคนข้างกายคว้ามือของเขาไปจับเสียก่อนจนแฮร์รี่ตีหน้ายุ่ง

 

“เดี๋ยวก็เจ็บตาหรอก ขยี้แรงขนาดนั้นน่ะ”

 

“ก็ยังง่วง”

 

“งั้นมานี่”

 

“อะระ–!”

 

ว่ายังไม่ทับจบดี แก้มนิ่มของแฮร์รี่ก็ถูกคนฉวยโอกาสฉกชิงไปหนึ่งฟอดใหญ่จนร่างเล็กสะดุ้งโหยง มืออีกข้างที่ยังว่างจึงคว้าเอาหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะฟาดลงกลางหน้าผากคนฉกฉวยเข้าให้ทันที

 

“โอ๊ยพอตเตอร์! เจ็บ”

 

“ใครใช้ให้นายมารุ่มร่ามกับฉันเล่า! สมน้ำหน้า”

 

มือข้างเดิมที่ยังถือหนังสือยกขึ้นเตรียมจะฟาดลงอีกครั้ง แต่เดรโกก็ไวกว่ารีบดึงหนังสือออกจากมือของแฮร์รี่แล้ววางไว้ที่ข้างๆ ตัวเองทันที มุมปากข้างหนึ่งกระตุกยิ้มพร้อมขยิบตาส่งให้อีกคนอย่างมีชัย แฮร์รี่ที่เห็นดังนั้นจึงเอามือยันหน้าเดรโกแรงๆ ไปอีกทีให้หายหมั่นไส้

 

โอเค ตอนนี้เขาตื่นเต็มตาแล้ว

 

คนเพิ่งตื่นไม่ได้คิดจะทำงานต่อในทันที เขาเปิดปากหาวหวอดใหญ่อีกรอบแล้วฟุบหน้าลงกับท่อนแขนบนโต๊ะอีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องไปยังคนข้างๆ ที่เหมือนจะหยิบหนังสือออกมาอ่านอีกรอบ

 

“นายอ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ เห็นอ่านมาตั้งนานแล้ว”

 

คนถูกถามชะงักนิ้วที่กำลังจะปัดผ่านไปหน้าต่อไปทันที คิ้วเรียวเลิกขึ้นก่อนจะพลิกปิดหนังสือเพื่อมองดูหน้าปก

 

“ดาราศาสตร์และการพยากรณ์”

 

“เห..”

 

แฮร์รี่ลากเสียงยาวแล้วขยับใบหน้าไปใกล้ๆ คนข้างๆ มากขึ้น ดวงตาทั้งสองหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อจ้องมองปกสีเข้มที่มีลวดลายคล้ายเส้นทางดวงดาวและรูปไพ่จางๆ อยู่

 

“นายอ่านอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?”

 

“ก็ลองดู เห็นนายชอบไปหอดูดาวบ่อยๆ ศึกษาไว้บ้าง เผื่อฉันจะได้ไปดูดาวกับนายแล้วจะได้คุยด้วยกันรู้เรื่อง”

 

สิ้นเสียงของเดรโก รอยยิ้มพลันแต้มบนเรียวปากได้รูป และเป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่รู้สึกขัดเขินจนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะต้องค่อยๆ มุดหน้าลงกับท่อนแขนของตัวเองเพื่อซ่อนสีหน้าน่าอายของตนเอง

 

คนหยอกเย้าก็ดูจะชอบใจไม่น้อยที่ตัวเองสามารถทำให้อีกฝ่ายเขินได้ แก้มกลมที่แดงปลั่งพร้อมด้วยตาเลิ่กลั่กนั่นมองกี่ทีเขาก็ไม่เคยเบื่อเลยสักนิด

 

หนังสือเล่มเดิมถูกเปิดออกอีกครั้ง แผนที่ดวงดาวต่างๆ รูปร่างหมู่ดาวมากมาย กาแล็กซี่ที่อยู่ไกลโพ้นออกไป รวมๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องไม่น่าสนใจอะไร มันออกจะสวยงามและน่าค้นหาเสียด้วยซ้ำไป และเหตุผลที่เดรโกสนใจมันขึ้นมาก็เพราะแฮร์รี่จริงๆ

 

แต่ที่อ่าน ก็เพื่อเก็บข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นพอให้มีอะไรที่จะชวนอีกฝ่ายคุยได้ เพราะหากถึงเวลานั้นจริงๆ เดรโกคงเลือกที่จะนั่งฟังแฮร์รี่เล่าเรื่องราวต่างๆ ออกมาผ่านน้ำเสียงและดวงตาที่ดูหลงใหลและเข้าใจในเรื่องนั้นเองเสียมากกว่า

 

เพราะว่าแฮร์รี่น่าสนใจกว่าหนังสือเล่มใดๆ ในโลกนี้เสียอีก

 

 

FIN


 

 

หัวข้อชาเลนจ์วันที่สองสำหรับ หนังสือ ค่ะ ส่วนตัวแอบชอบ เพราะได้ทำ aesthetic ประกอบสวยๆ 555555

ชอบไม่ชอบยังไงคอมเมนต์กันมาได้นะคะ >< ขอบคุณงับ เผื่อหาที่หวีด เราจะแปะไว้ที่ #CLDMHPwhis นะคะ