[Fic Detective Conan | Kaishin] Show me what you want to do

 

02f28ee3-f70d-4905-9827-7b8bf9a58739

 

Show me what you want to do

Pairing : Kuroba Kaito x Kudo Shinichi

one shot | R17 | AU

Note : ทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่หน่อยๆ แล้ว 25-26 ปี งานนี้อาจมีแทะโลมนิดๆ หน่อยๆ ตามเรทค่ะฮรุ่มม

 


 

 

เราพบกัน เป็นประจำ ในย่านที่ดูจะอโคจรแบบนี้

 

เราดึงดูดกัน ด้วยแรงอะไรบางอย่าง ที่แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

 

เราทั้งคู่ต่างก็มีสีของดวงตาที่คล้ายคลึงกัน หรือแม้แต่ใบหน้าและส่วนสูง แต่เราก็ยังเป็นเรา

 

เราที่แม้จะไม่เคยพูดคุยกัน แต่เหมือนมีบางอย่างที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้สายตาละออกจากกันได้

 

 

 

ร่างสูงดูดีในชุดสูทสีขาวสะอาดทั้งตัวกับเชิ้ตสีดำสนิทด้านในกำลังตวัดขาไขว่ห้างแผ่นหลังเอนพิงโซฟาบุหนังอย่างดีด้วยท่าทางสบายๆ โดยที่รอบกายมีหญิงสาวขนาบข้างอยู่ฝั่งละคน ใบหน้าติดทะเล้นยกยิ้มหัวเราะอย่างหรรษาเมื่อเพื่อนของเขาเล่าเรื่องอะไรบางอย่างออกมาและมันไปกระตุกต่อมขบขันเข้า

 

วงแขนกว้างจัดการตวัดรอบลำคอของหญิงสาวที่นั่งฝั่งซ้าย ก่อนที่มือหนาจะจัดการเคลื่อนแก้วทรงสูงที่อยู่ในมือซ้ายเช่นกันมาจรดริมฝีปาก เสียงหวีดร้องขวยเขินของหญิงสาวใต้วงแขนดูจะเป็นการเสแสร้งเสียมากกว่า

 

เจ้าของเส้นผมสีดำยกยิ้มมุมปาก ไม่ได้สนใจระยะห่างที่ใกล้ชิดเกินพอดีจากหญิงสาว ของเหลวสีแดงเข้มไหลไปตามลำคออย่างเชื่องช้า ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเย็นจางๆ แตะผะแผ่วลงมาตามช่วงลำคอ

 

เป็นหญิงสาวอีกคนทางฝั่งขวาที่ไม่ได้ถูกดึงให้มาแนบชิด เธอจัดการเบียดร่างสะโอดสะองของตนเองเข้ามาหาเองอย่างจงใจ นิ้วเรียวยาวกรีดกรายไปตามลำคอของชายหนุ่มพลางลดต่ำลงเรื่อยๆ

 

“อะ อย่าดีกว่านะ ตรงนั้นเป็นที่หวงหามสำหรับคุณผู้หญิง”

 

มือหนาจัดการตะครุบเข้าที่มือเล็กกว่าไว้ทันก่อนที่เธอจะปลดกระดุมเชิ้ตเม็ดบนของเขาออก ใบหน้าสวยงอง้ำเข้าหากันอย่างคนขัดใจแต่ก็ยอมหยุดมืออย่างง่ายดายเมื่อถูกชายข้างกายจรดริมฝีปากลงมาที่หลังมือ

 

เสียงโห่แซวจากเพื่อนร่วมโต๊ะดังมาไม่ขาดสาย บ้างร้องเชียร์ให้พวกเขาไปกันต่อ แม้หญิงสาวทั้งสองจะมีท่าทางเขินม้วนบิดอายจนใบหน้าแดงก่ำนิดๆ แต่เหมือนพวกเธอก็ไม่ได้จะปฏิเสธในคำยุยงเหล่านั้นเลย

 

ไคโตะเหยียดยิ้ม แต่ก็เป็นเพียงแค่รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนริมฝีปากเฉยๆ

 

ดวงตาสีครามเข้มละออกจากหญิงสาวสองคนข้างกาย สายตาสอดส่องไปมารอบข้างอย่างแนบเนียนเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขากำลังมีสมาธิจดจ่อกับอย่างอื่น กระทั่งสุดสายตา ห่างจากโต๊ะ VIP ที่เขานั่งพอสมควรไปทางบาร์ของร้าน แผ่นหลังที่แสนคุ้นเคยตั้งตระหง่านอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ภายใต้สูทสีเข้มที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่

 

เขายกยิ้มอีกครั้ง แต่เป็นยิ้มที่มาจากจิตใต้สำนึกจริงๆ

 

ไคโตะบิดขี้เกียจ แก้วไวน์ทรงสูงถูกวางไว้กับโต๊ะเตี้ยเบื้องหน้า เขาออกคำสั่งให้หญิงสาวที่อยู่ใกล้กันลงมือชงเครื่องดื่มให้ใหม่ ของเหลวสีอำพันถูกเทลงในแก้วเหลี่ยมทรงเตี้ยด้วยสัดส่วนที่เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะชอบมัน ไคโตะยิ้มรับพลางดึงแก้วเข้ามาประคอง ปลายจมูกคมกดลงบนกลุ่มผมอ่อนนุ่มบนศีรษะของหญิงสาว แต่แล้วหางตาก็พลันเหลือบเห็นเป้าหมายของตัวเองที่เหมือนจะหันกลับมาตอนไหนไม่ทราบ กำลังมองมาทางเขาพอดี

 

ร่างสูงในสูทสีขาวสะดุ้งเบาๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ผิดสังเกต เขาค่อยๆ ผละออกจากหญิงสาวอย่างเชื่องช้า ดวงตาทั้งสองไม่ได้หลุดโฟกัสไปจากชายหนุ่มที่อยู่ไกลออกไปแม้แต่น้อย มุมปากกระตุกยิ้มอีกครั้ง คล้ายจะเล่นแง่อะไรบางอย่างกับผู้ที่มองดูตนอยู่ไกลๆ

 

แต่น่าเสียดาย ที่อีกฝ่ายกลับดูไม่ยี่หระเท่าไหร่

 

คนที่นั่งคนเดียวอยู่สักพักตรงบริเวณบาร์เลาจ์ จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งโผเข้ามากอดคอของเขาอย่างสนิทสนม แก้วเหล้าในมือของทั้งสองยกมาสัมผัสกันจนส่งเสียงกังวานใสออกมา รอยยิ้มพิมพ์ใจจากผู้มาใหม่ดูน่าขัดใจไม่น้อยในความคิดของไคโตะ ทั้งสองยังคงกอดคอพูดคุยกันสักพักก่อนที่ใครอีกคนจะผละออกไปก่อน

 

รอยยิ้มหยันและสายตาของคนไกล คล้ายจะส่งมาทางไคโตะอีกครั้ง

 

เขารู้สึกเหมือนเลือดในกายสูบฉีด หัวใจเต้นระทึกแปลกๆ ใบหน้าที่ติดจะคล้ายคลึงกันแต่ดูอ่อนหวานกว่ายามยกยิ้มจาง ช่างดูดีในความคิดของไคโตะเสียจนไม่อยากให้อีกฝ่ายยิ้มให้กับใคร

 

ความอึดอัดพุ่งเข้ามาใส่เขาอีกครั้งจากหญิงสาวที่อยู่ใกล้ตัว ไคโตะเผลอขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ก็เป็นช่วงเวลาอันน้อยนิด แสงสลัวรอบกายไม่ได้ทำให้สีหน้าที่เปลี่ยนไปเพียงเสี้ยววินาทีของเขาถูกสังเกต พวกเธอเอนซบใบหน้าและร่างกายเข้ากับวงแขนกว้างอย่างออดอ้อน โดยที่ไคโตะก็ไม่ได้ว่าอะไร

 

เพียงคลาดสายตาไปเพียงไม่กี่วินาที คนที่เคยอยู่คนเดียวอีกครั้งก็กลับมีสาวสวยในชุดเดรสดูหรูหรานั่งอยู่เคียงข้าง

 

เธอดูดี ดูมีรสนิยมและวางตัวได้ค่อนข้างน่าสนใจกว่าสาวๆ ที่ร่วมโต๊ะกับพวกไคโตะไม่น้อย เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นดูดีโคลงศีรษะไปมาอย่างคนที่เหมือนกำลังตอบคำถามอะไรบางอย่าง รอยยิ้มดูละมุนละไมถูกส่งให้หญิงสาวที่นั่งข้างกาย และเธอก็ยิ้มตอบเขาด้วยท่าทางมีมารยาท

 

คนที่โต๊ะ VIP มีสีหน้าเรียบตึงขึ้น ตาคมทั้งสองจดจ้องมองไปยังบาร์ที่อยู่ไกลออกไปไม่วางตา เขาค่อนข้างจะสนใจนิดหน่อยทั้งผู้หญิงดูดีคนนั้นและชายที่เขาชอบจ้องมองมาเป็นเวลานาน

 

แต่ก็มองกันในคนละความหมายทั้งเพ

 

เขาคนนั้นในชุดสูทสีเข้มช่างตัดกับโทนผิวขาวละเอียดของเจ้าตัวได้อย่างดี ขับให้ร่างโปร่งยิ่งดูน่ามองและน่าค้นหาอย่างลึกลับ แม้ลึกๆ แล้วไคโตะจะไม่ใช่ประเภทพุ่งเข้าไปตีเนียนล้วงความลับใดๆ ของใครก็ตาม

 

 

หากแต่เขาเป็นประเภท ถ้าต้องตาต้องใจเข้าแล้ว แม้จะเพียงผิวเผิน เขาก็จะต้องได้มันมาในครอบครองทันที

 

 

ในที่สุดดวงตาสองคู่ที่ห่างไกลกันก็บังเอิญมาบรรจบเข้าหากันจนได้ ชายหนุ่มทั้งสองพากันเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาปกติอีกครั้ง ริมฝีปากสองคู่ขยับเหยียดยิ้มอย่างพร้อมเพรียง ทั้งคู่ไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครยอมละสายตาออกไปก่อน แม้มือของพวกเขาจะยังคงประคองแก้วเหล้า เสียงดนตรีจังหวะหนักที่ยังคงบรรเลงต่อไป พร้อมกับมีสาวสวยข้างกายที่กำลังคลอเคลียอยู่ไม่ต่างกัน

 

แต่ความสนใจทั้งหมดกลับไม่ได้อยู่ที่สิ่งเร้าพวกนั้นแม้นิด นัยน์สีน้ำเงินสวยคล้ายจะดึงดูดกันเองจนเหมือนจมดิ่งไปในห้วงลึกอย่างไม่อาจถอนตัวขึ้น เป็นมิติพิศวงที่เหมือนจะมีป้ายเตือนห้ามอยู่ก่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมัน กลับยิ่งพาตัวเองเดินเข้าหาพื้นที่หวงห้ามนั่นอย่างเอาแต่ใจ ไม่สนใจว่ารอบข้างจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

 

 

เพราะถ้าหากคนหนึ่งคือการถูกใจแล้วต้องได้มาครอบครอง

 

อีกคนก็อาจจะคล้ายกัน แต่ก็แค่ในรูปแบบที่หากเขาสงสัยใคร่รู้ ก็ต้องเข้าไปค้นหาคำตอบของมันให้ลึกที่สุด

 

 

กลิ่นโคโลญเคล้าไปกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆ เฉพาะตัว ช่วยให้ไคโตะรู้สึกตื่นตัวขึ้นกว่าเดิม ฤทธิ์น้ำเมาที่ดื่มไปจำนวนไม่น้อยเหมือนจะสร่างหายไปครู่เมื่อเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเป้าหมายในค่ำคืนนี้

 

ชินอิจิ คือชื่อของเจ้าตัว

 

การแนะนำตัวแสนเรียบง่ายผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางบรรยากาศของร้านที่คนเริ่มออกมาเต้นกันกลางฟลอร์ทำให้พื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่ด้วยกันมันออกจะดูคับแคบไปนิด

 

ชินอิจิยกยิ้มขำเมื่อถูกใครสักคนชนไหล่เข้าจนตัวเซไปเล็กน้อย แต่ก็ถูกฝ่ามือใหญ่จากคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคว้าประคองเอาไว้

 

สัมผัสอุ่นที่ทาบทับลงมาบนท่อนแขนพาลให้ความรู้สึกประหลาดบางอย่างแล่นวาบไปทั่วร่าง ไม่ได้ชอบพอขนาดนั้น หากแต่ก็ไม่ได้รังเกียจ แม้มันจะเริ่มรุกรานหนักขึ้นจากปลายศอกแล้วเคลื่อนมาที่ช่วงเอวของเขาอย่างแนบเนียนเมื่อผู้คนรอบข้างจู่ๆ ก็หนาแน่นขึ้น

 

คิ้วเรียวเหนือดวงตาคู่งามเลิกขึ้น ชินอิจิรู้ว่าไคโตะเข้าใจในความหมายของแววตาที่เขาส่งไป อีกฝ่ายทำเพียงยักไหล่คล้ายไม่ใส่ใจ ซ้ำยังกระชับมือที่กอดเอวของเขาแน่นขึ้นอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับเจ้าตัวที่กระดกเหล้าในแก้วที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งจนหมดในคราเดียว

 

“ผมว่าเรา..ไปหาที่คุยกันเงียบๆ ดีกว่า”

 

 

 

นิยามความเงียบของคุณเป็นแบบไหนกันแน่?

 

ไกลออกมาจากโต๊ะ VIP ไกลออกมาบาร์ ไกลออกมาจากมุมที่มีแสงสีเสียงต่างๆ คอยรบเร้า คือมุมอับแสงที่อยู่ห่างออกมา ไร้ผู้คนพลุกพล่าน ไร้ใครที่จะเข้ามาเบียดเสียดสัมผัสตัวให้มากเกินความจำเป็น ไร้คนจับตามอง

 

ร่างโปร่งบางกว่าแหงนขึ้นเล็กน้อยพร้อมวงแขนที่ตวัดกอดรอบลำคอแกร่งของตรงหน้าที่โน้มตัวลงมาเล่นสนุกกับริมฝีปากของเขาไม่หยุดหย่อน ริมฝีปากสองคู่คลอเคลียกันมาได้สักพักใหญ่ตั้งแต่ที่หลุดออกมาจากวงผู้คนนับสิบ ทั้งที่ตั้งใจว่ามันจะเป็นแค่การประทับริมฝีปากกันขำๆ แต่ตอนไหนไม่รู้ที่ชินอิจิเผลอปล่อยตัวให้อีกฝ่ายเข้ามาสำรวจถึงภายในได้

 

เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังก้องเบาๆ ไปทั่วบริเวณมุมลับตรงนี้ ลิ้นร้อนบดเบียดเข้าหาโพรงปากหอมหวานตรงหน้ามากขึ้นจนอีกฝ่ายเริ่มจะตามจังหวะรุกเร้าไม่ทัน กวาดชิมรสสุราที่ยังคงคละคลุ้งอย่างตะกละตะกลาม ไม่รู้แล้วว่าสติที่เริ่มมัวเมาในตอนนี้มาจากฤทธิ์ของสุราที่ดื่มเข้าไป ผสมกับรสสัมผัสตรงหน้า หรือเพราะรสจูบแสนยั่วยวนที่กำลังตอบสนองตัวเขาอยู่

 

การจูบที่แสนเนิ่นนานค่อยๆ ถึงจุดสิ้นสุดเมื่อฝ่ายรุกจูบรู้ตัวว่าคนด้านใต้กำลังหายใจไม่ทัน ใบหน้าขาวก้มต่ำ หอบหนักออกมาพลางหน้าแดงก่ำ นานมาแล้วที่เขาไม่ได้จูบกับใครแบบนี้

 

สัมผัสแผ่วแตะลงที่ปลายคางทำให้ชินอิจิมุ่นคิ้วเล็กน้อย แรงที่ไม่ได้มากและไม่ได้ถือว่าเป็นการบังคับจนเกินไปเกยคางมนขึ้นอย่างเชื่องช้าจนใบหน้าเงยสูงขึ้นมา ดวงตาสองคู่สบมองกันได้อย่างพอดิบพอดี

 

“เวลาเหนื่อยก็เงยหน้าสูงๆ หายใจสิ”

 

คนถูกแซวยู่หน้าขัดใจ ตาคู่สวยเสหลบดวงตาสีคล้ายกันแต่ดูขี้เล่นและคมปลาบกว่าอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งได้มองในระยะใกล้แบบนี้ชินอิจิก็ยิ่งรู้สึกตัวเองเหมือนจะถูกดึงดูดได้ง่ายกว่าเดิม ไหนจะยัง ฝ่ามือร้ายๆ

 

“นี่ จะทำอะไร”

 

“เราก็โตๆ กันแล้วนะชินอิจิ”

 

เจ้าของชื่อกระตุกเล็กน้อยเมื่อลำคอกำลังถูกลมหายใจร้อนเป่ารดลงมาด้วยจังหวะเชื่องช้าคล้ายจะจงใจจะปั่นอารมณ์กัน ยิ่งรวมกันนิ้วมือเรียวยาวที่กำลังไล่สอดเข้ามาสำรวจใต้เสื้อเชิ้ตของเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ชินอิจิก็ยิ่งผวาวาบ

 

มือไว มือเบาอย่างกับขโมยแน่ะ

 

ชินอิจิเอียงคอไปอีกด้านเพื่อให้ไคโตะสามารถซุกไซ้ลำคอของเขาได้สะดวกขึ้น ภายใต้คำพูดที่ว่า ‘พวกเขาโตๆ กันแล้ว’ นั้น ชินอิจิเข้าใจได้ดี

 

ก็นะ ถ้าไม่คิดเหมือนกัน พวกเขาคงไม่พากันออกมาถึงตรงนี้ แถมยังจูบกันทันทีที่ลับตาผู้คน ทั้งยังเป็นจูบที่เร่าร้อนรุนแรงจนมากเสียด้วย

 

เสียงครางต่ำจากฝ่ายโดนกลั่นแกล้งเล็ดรอดออกมาแผ่วเบาเมื่อรู้สึกได้ว่าผิวเนื้อข้างลำคอถูกไล่ขบเม้มลงมาด้วยแรงที่ไม่น้อยนัก นิ้วเรียวทั้งสิบจิกเกร็งลงที่บ่ากว้างเป็นการระบายอารมณ์

 

“ขี้โกงนี่”

 

ชินอิจิพึมพำแผ่วในขณะที่ลำคอยังไม่เป็นอิสระ ไคโตะจำใจละออกจากซอกคอหอมกรุ่น แต่ไม่วายทิ้งท้ายด้วยการกดปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมของคนตรงหน้าก่อนจะผละออกมาส่งสายตาสงสัยให้

 

เสียงถอนหายใจ พลางสีหน้าปลงไม่ตกเป็นสิ่งที่ไคโตะได้รับกลับในเวลาต่อมา

 

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มดั่งนภายามมืดมิดหรี่มองตอบ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอียงคอเผยให้เห็นร่องรอยที่ไคโตะเพิ่งจะฝากฝังลงมาเมื่อครู่

 

ไคโตะผุดยิ้มซุกซน คิ้วเรียวเลิกขึ้นพลางขยับเข้าใกล้คนตรงหน้ามากขึ้นจนแทบจะหลอมรวมร่างกายเข้าด้วยกัน ชินอิจิกดสายตามองเพียงครู่แต่ก็ยังเชิดหน้าราวนางพญากลับอย่างไม่มีความเกรงกลัว

 

ปกเสื้อสูทของไคโตะถูกคว้าด้วยมือเรียว ร่างสูงกว่าโน้มใบหน้าลงตามแรงดึง แล้วริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองเข้าอีกครั้ง

 

ไม่ได้ปฏิเสธ ผลักออก ในขณะเดียวกันก็ยอมยืนเฉยๆ วางท่อนแขนพิงกับผนังด้านหลังเหนือศีรษะคนตรงหน้าและปล่อยให้ชินอิจิดำเนินรสจูบนุ่มนวลไปตามใจชอบ

 

ไม่มีการรุกร้ำใดๆ มีเพียงริมฝีปากที่ถูกบดคลึงและดูดดึงไปมาเบาๆ รสจูบรอบนี้เหมือนจะหวานล้ำขึ้นกว่าครั้งแรก ไคโตะหลับตาพริ้มพยายามรับรสจากแอลกอฮอล์ที่น่าจะหลงเหลืออยู่บ้างอย่างใจเย็น และเขาคิดว่าชินอิจิน่าจะดื่มพวกลิเคียวที่ให้รสสัมผัสนุ่มนวลจากผลไม้ ในขณะที่เขาเลือกที่จะดื่มพวกวิสกี้หรือวอดก้าที่ฤทธิ์แรงมากกว่า

 

เจ้าของรสชาติหวานหอมผละออกไป แม้จูบเมื่อครู่จะเป็นฝ่ายชินอิจิที่ดำเนิน แต่เขาก็อดจะติดใจในรสจูบของคนตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ พลางจ้องริมฝีปากหนาไม่วางตา

 

“ชอบแล้วล่ะสิ?”

 

ชินอิจิยักไหล่นิดๆ “วันหลังชงเหล้าของนายให้ดื่มทีจะได้รึเปล่า?”

 

อา คนคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นั่นแหละ

 

ร่างสูงยืดตัวขึ้น ศีรษะเอียงข้างเล็กน้อย จ้องมองคนที่เพิ่งรู้จักกันด้วยสายตาประเมิน “ไม่กลัวฉันพาไปทำอะไรไม่ดี?” ไคโตะว่าติดขำ

 

คนถูกถามยิ้มมุมปาก หรี่ตามองราวไม่ทุกข์ร้อน วงแขนเพรียวยกขึ้นตวัดกอดรอบลำคออีกฝ่ายอีกครั้ง

 

“เพราะงั้นมันถึงต้องเสี่ยงดูไง นิสัยฉันมันก็ชอบสอดรู้สอดเห็นซะด้วยสิ” ไคโตะผุดยิ้มร้ายเมื่อได้ยิน

 

“แต่ฉันเกลียดคนสอดรู้สอดเห็นนะ” ชินอิจิหัวเราะขำตามมา

 

“แต่เขาว่าเกลียดอะไรได้อย่างนั้นนี่ และฉัน..เกลียดนายจัง ไคโตะ”

 

ไคโตะไม่อาจฝืนกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป เขาชักรู้สึกว่าริมฝีปากที่ยังเจื้อยแจ้วตรงหน้ามันน่าโดนลงโทษเสียจริง และอีกฝ่ายก็เหมือนจะคิดตรงกันอีกครั้ง แรงโอบรัดที่ลำคอเพิ่มมากขึ้นราวเชื้อเชิญนักล่าอย่างเขาให้เข้าหา

 

เมื่อเหยื่อตัดสินใจที่จะยอมมอบตัวเองให้อยู่ภายใต้อุ้งมือนักล่าเสียเอง แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่นักล่าต้องปฏิเสธกัน?

 

“ไคโตะคะ อยู่ที่… อ๊ะ!!”

 

เจ้าของชื่อตวัดตามองไปทางต้นเสียงน่ารำคาญในความคิดด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรนัก ชินอิจิพ่นลมหายใจเบาๆ เบือนใบหน้าไปทางต้นเสียงตามๆ กัน หญิงสาวหน้าตาคุ้นๆ จากโต๊ะเดียวกันของไคโตะ ที่เคยคลอเคลียกันก่อนหน้า

 

เธอตกใจจนหน้าซีดเผือดลงเมื่อเห็นว่าชายที่เธอหมายตากำลังกอดกกกับชายอีกคนอย่างแนบชิด ไหนจะยังท่าทางล่อแหลมที่เหมือนกำลังจะจูบกันอยู่แล้วเธอก็ยิ่งสั่นไปทั้งตัว

 

ไม่ทันที่ริมฝีปากแต่งแต้มลิปสีสดจะได้เอ่ยคำพูดใดออกมา เธอก็เป็นอันสะดุ้งตกใจกับสายตาของไคโตะที่ไม่ได้ลดความดุดันลงเลยเสียก่อน นัยน์ตาเรียวเล็ก หรี่มองมายังเธอด้วยความเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำ แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นเยียบกดดันที่แผ่ออกมาจนชวนให้รู้สึกขนลุก

 

หญิงสาวที่น่าสงสารตัวสั่นด้วยความหวั่นเกรง เธอถอยหลังไปเรื่อยๆ โดยอัตโนมัติ เธอเลือกที่จะกลืนคำพูดทุกอย่างลงท้องไปอย่างเดิมโดยไม่คิดจะปริปากสิ่งใดด้วย

 

ปลายสายตาก่อนที่ร่างเพรียวบางจะวิ่งหนีไป เธอสังเกตได้อีกว่ามีสายตาที่มองมาอย่างเย้ยหยันจากดวงตาคู่ใกล้กันอีกด้วย

 

เมื่อเธอคนนั้นลับสายตา ไคโตะก็คลายท่าทีขึงขังลง ลมหายใจหนักถูกพ่นออกมา ชินอิจิขำคิกเบาๆ กับท่าทางที่เหมือนคนละคนของอีกฝ่าย จนไคโตะเผลอตวัดตามองอย่างไม่สบอารมณ์ แต่พอได้รับสัมผัสจากฝ่ามือทั้งสองแนบลงมาที่ข้างแก้มไคโตะก็งุนงงไปแทน

 

“ดุจังนะครับ”

 

ไคโตะแค่นยิ้ม “ใครที่มาขัดการแสดงโชว์ของผม ผมไม่ค่อยจะพอใจหรอกนะ”

 

“เห..”

 

ชินอิจิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเอง การ์ดสีดำขนาดพอๆ กับบัตรเครดิตถูกคีบออกมาด้วยนิ้วชี้และกลาง เขาหมุนไปมาต่อหน้าไคโตะอย่างเชื่องช้าเพื่อล่อหลอกอีกคน

 

ตาคมพยายามมองตามการ์ดสีดำเหลือบทองเรียบหรูอย่างใจเย็น เมื่อสมองประมวลผลได้ว่ามันคือการ์ดอะไร ตาคมพลันเบิกโพลงทันที

 

มันคือบัตรห้องพัก VIP ที่อยู่ด้านบนขึ้นไปจากชั้นที่พวกเขาทั้งคู่กำลังยืนอยู่

 

“บางทีเราน่าจะลองหาที่เงียบๆ คุยกันเพิ่มเติม” ชินอิจิว่าด้วยโทนเสียงสบายๆ แต่ประกายในดวงตากลับระยิบระยับ “ในห้องนั้นมีโต๊ะบิลเลียดอยู่ ช่วยแสดงการแสดงของคุณจะได้ไหมครับ?”

 

ไคโตะผิวปากออกมาเบาๆ สายตาดูทะเล้นขี้เล่นหนักมากกว่าเก่าจนชินอิจินึกหมั่นไส้กับตัวเอง ใบหน้าคมโน้มต่ำลง ริมฝีปากงับเข้าที่มุมการ์ดที่หยุดอยู่ตรงบริเวณล่างริมฝีปากของเขา

 

ชินอิจิส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยกับการกระทำตรงหน้า ไคโตะผละออก คีบการ์ดไว้ในมือ จดจ้องมองความหรูหราของการ์ด VIP ในมือ พลางกระชับเอวคอดกว่าตรงหน้าข้ามาแนบชิดตัวเอง

 

“เข้าไปแล้ว ระวังจะออกมาไม่ได้นะครับ”

 

“ก็ไม่ได้อยากจะออกมา”

 

ใบหน้าหวานกว่ากระตุกยิ้ม รอยยิ้มที่ไคโตะปักธงไปแล้วว่าเขาจะไม่ยอมอนุญาตให้ใครได้เห็นนอกจากตัวเขาอย่างแน่นอน

 

บางทีคนที่หลงเข้ามาติดกับอาจจะไม่ใช่คนตรงหน้าที่เหมือนจะเป็นเหยื่อ แต่น่าจะเป็นตัวเขาเองที่เผลอหลวมตัว หลงเข้าไปติดกับดักแสนหวานด้วยตัวเอง ด้วยน้ำมือของนายพรานใจร้ายที่หลอกเขาให้ติดกับ

 

 

“It’s show time”

 

🍸🥃

 


 

เยะ!! อยากเขียนค่ะอยากเขียนน อยากเขียนเขสเป็นผู้ใหญ่ มองกันยั่วๆ ในร้านเหล้า คุคิๆๆๆ บอกแล้วว่าไม่มีอะไรมากค่ะ กรุบกริบหอมมัน จริงๆ ก็ไม่ถึงเรท 17 ที่วางไว้ด้วยซ้ำ 5555555555

ชอบไม่ชอบ ตรงไหนแปลกๆ เมนต์กันไว้ได้นะคะ มาหวีดพูดคุยกันในทวิตได้ค่ะ ต้องการกำลังใจมั่กๆ เลยแงงงงง ;–; มาพูดคุยกันได้ค่ะ เหงาาา หาเพื่อนหวีดด

#vwhisfic

 

ใส่ความเห็น