[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] Help me, please

Help me, please
Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke
Theme : Machanical Lullaby

________________________________________

 

ตุ๊กตาจักรกลชั้นสูงนายหนึ่งกำลังมีสีหน้าหงุดหงิดปนอิดโรย ร่างสูงโปร่งของเจ้าตัวเดินจ้ำอ้าวไปบริเวณหลังคฤหาสน์ของตน ที่ตรงนั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาคารหลังเล็กสำหรับให้พวกตุ๊กตาจักรกลชั้นล่างในอาณัติของตนเองอาศัยอยู่

แต่แล้วยังไง? เขาไปที่นั่นจนแทบนับครั้งไม่ถ้วนแล้วด้วยซ้ำ

กาคุเดินเข้ามาในบริเวณที่ว่าพร้อมแผ่รังสีกดดันออกมา จนตุ๊กตาจักรกลต่ำศักดิ์กว่าที่อยู่ในที่นั้นด้วยพากันก้มหัวให้แทบไม่ทัน แต่กาคุก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เขารีบเดินไปยังอาคารหลังหนึ่งที่ซึ่งพิเศษกว่าหลังไหนๆ ของบรรดาตุ๊กตาจักรกลชั้นล่างตัวอื่น

หลังจากกาคุเดินผ่านไป ตุ๊กตาตัวอื่นก็พากันมองไปที่อาคารหลังนั้นด้วยสายตาอาทร ในใจได้แต่ภาวนาหวังว่าขอคนในอาคารหลังนั้นจะไม่เป็นอะไร ไม่รู้ว่ากาคุไปโกรธอะไรมาหรือเจ้าของอาคารนั้นไปทำอะไรให้เจ้านายโกรธได้ขนาดนี้ แต่บทลงโทษที่มักจะได้รับนั้นก็ดูจะไม่ได้เลวร้ายอะไร(?) นอกเสียจากเสียงครางหวานที่ดังระงมไม่หยุด และไม่เห็นตัวเจ้าของเสียงไปประมาณ 2 วัน

‘โชคดีนะ ริวโนะสุเกะคุง’

ฝ่ามือหนาหมุนเปิดลูกบิดเข้าไปในอาคารแทบจะทันทีที่มาถึง ริมฝีปากอ้าออกเตรียมจะเรียกคนที่คาดว่าน่าจะซ่อมอะไรซักอย่างอยู่ในห้องชะงักลง ในห้องมีเพียงความว่างเปล่าและข้าวของที่ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบตามนิสัยเจ้าของห้อง กาคุพ่นลมหายใจเหนื่อยอ่อนออกมา ท่าทางหงุดหงิดหายวับไปทันที

“นายอยู่ไหน…ริว”

กาคุพึมพำได้เท่านั้น ร่างกายก็เซไปมาเล็กน้อย ไม้เท้าที่ใช้ค้ำยันตัวเองมาซักพักหล่นกระทบพื้นเสียงดัง ร่างสูงโปร่งเดินซวนเซเข้าไปหาเตียงกว้างในสุดของห้องก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง

ตุ๊กตาจักรกล…จริงอยู่ที่ว่าอาจจะไม่ป่วยเหมือนกับมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีส่วนเสียหาย

….

ร่างสูงใหญ่เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลเดินเข้ามาในส่วนของที่พักของตนพร้อมถุงอะไหล่อีกมากมายที่เจ้าตัวออกไปหาซื้อมาตลอดค่อนวัน ริวยิ้มดีใจกับตัวเองที่สามารถหาอุปกรณ์มาได้มากขนาดนี้ เหตุผลนั้นก็เพราะการอนุเคราะห์เล็กๆ น้อยๆ จากคุณลุงร้านซ่อมของในเมืองที่เขาเคยอาศัยอยู่ด้วย แถมวันนี้เขายังได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกินข้าวกับเขาอีก

เดินไปฮัมเพลงไปไม่ได้รีบร้อนอะไร จนกระทั่งริวรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจับจ้องตนเองอยู่

“ริว นายไม่ได้อยู่ในห้องเหรอ?” เสียงทักจากชายร่างเล็กที่นั่งอยู่หน้าห้องถามด้วยความสงสัย

“นั่นสิ พวกเราก็นึกว่านายอยู่” อีกคนเสริมทัพมาด้วย

“เปล่านะครับ วันนี้ผมออกไปซื้อของมา” ริวตอบกลับอย่างงุนงงพลางยกถุงในมือในสองข้างขึ้นโชว์

“เวรละไงสึนาชิ”

“ครับ?” ริวยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ ศีรษะทุยเอียงมองเพื่อนร่วมงานตัวเอง

“ท่านกาคุมาหานายตั้งแต่บ่ายแล้ว ตอนนี้ยังไม่เห็นออกห้องนายมาเลย”

เส้นสติริวแทบจะขาดผึงทันที โดยไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันอีก ริวรีบวิ่งกลับไปที่อาคารของตัวเองแทบจะทันที ไม่แม้แต่จะทันได้เอ่ยขอบคุณอย่างทุกที ส่วนชายหนุ่มสองสามคนที่เป็นคนบอกข่าวก็ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วงเงียบๆ

 

“กาคุ!”

ริวแทบจะทะลุชนเข้ากับประตูแล้วด้วยซ้ำ ยังดีที่มีสติพอจะหมุนลูกบิดเข้ามาภายในห้อง ร่างสูงใหญ่หอบแฮ่ก ก่อนจะรีบกวาดสายตามองไปในห้อง

ถุงอะไหล่สองถุงถูกวางทิ้งไว้กลางห้องอย่างไม่ใยดี ไม้เท้าที่ถูกวางทิ้งไว้ที่พื้นถูกเก็บขึ้นมากำไว้ในมือแน่น ก่อนจะรุดพาร่างของตัวเองไปที่เตียงนอนที่มีใครอีกคนนอนอยู่อย่างรวดเร็ว

“กาคุ…นายเป็นอะไร นี่กาคุ ตื่นสิ”

ริวเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ พลางตบแก้มคนที่นอนอยู่เบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่ากาคุจะรู้สึกตัวเลยสักนิด ริวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเรียกสติของตัวเองก่อนจะเริ่มสำรวจร่างกายอีกคน

เพราะริวเป็นช่างซ่อมที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่ง เขาจึงรู้สึกได้เลยทันทีว่าของชิ้นไหนมีความผิดปกติ ไม่เว้นแม้แต่ตัวตุ๊กตาจักรกลเช่นนี้เอง เสียงฟันเฟืองอะไรก็แล้วแต่ในร่างกายของกาคุมันฟังดูไม่ปกติจากเดิม ทำให้ริวรู้ว่าอีกคนกำลังมีปัญหา

แล้วตั้งแต่ที่ริวเข้ามาอยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่ตัวกาคุมีแผลหรือรู้สึกว่าอะไหล่ตัวไหนที่เริ่มมีปัญหาริวจะเป็นคคนที่คอยซ่อมให้อยู่เสมอ

กาคุไม่ให้ใครแตะตัวอีกเลยนอกจากริว

เสื้อผ้ามากชิ้นของกาคุถูกริวปลดออกจนหมด แผลภายนอกอย่างแรกที่เห็นทันทีคือบริเวณแขนที่มีร้าวแตก รวมถึงบริเวณหน้าท้องของอีกคนที่มีส่วนยุบลงไปบ้าง นอกจากนั้นตามลำตัวก็มีแผลถลอกอีกบ้างประปราย

“ให้ตายสิกาคุ นายไปทำอะไรมา”

ริวว่าด้วยเสียงสั่นๆ เขาไม่เคยเจอกาคุสภาพพังขนาดนี้มาก่อน ถุงอะไหล่ที่นำมาด้วยถูกรื้อค้นอย่างรวดเร็วเพื่อหาวัสดุอุปกรณ์ที่จะมาช่วยชีวิตอีกคน เหตุผลที่กาคุไม่ฟื้นนั่นก็คงเพราะกลไกร่างกายที่ปิดไปชั่วคราวเพื่อให้ซ่อมแซมตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้มากพอที่จะช่วยรักษาให้หายได้จนกลับมาเป็นปกติ

ตุ๊กตาช่างซ่อมนึกคาดโทษคนที่นอนไม่รู้เรื่องในใจ เป็นหนักขนาดนี้แทนที่จะไปหาหมอแทนมาหาเขาแท้ๆ

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ริวก็หวงร่างกายนี้ของกาคุเหมือนกัน ไม่อยาก…ให้ใครแตะต้องนอกจากเขาเอง

…….

นิ้วเรียวขาวขยับเล็กน้อยเมื่อร่างกายรู้สึกฟื้นตัวจนตื่นขึ้นมาได้ เปลือกตาบางกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับแสงก่อนจะเปิดออกเผยให้เห็นดวงตาสีเทาเข้ม

“อา… หืม?”

ในระหว่างที่กำลังจะพลิกตัว กาคุกลับรู้สึกว่ามือของเขากำลังถูกกอบกุมอยู่ เมื่อหันไปตามดูก็พบว่ามีใครอีกคนกำลังนอนฟุบหลับข้างเตียงโดยที่กุมมือของกาคุไว้แน่น

ร่างของตุ๊กตาชั้นสูงคล้ายจะนึกออกว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน เขาก้มมองตัวเองก่อนจะพบว่าบาดแผลที่ช่วงท้องรวมถึงแขนและแผลเล็กๆ ตามตัวมากมายถูกซ่อมแซมไปหมดแล้ว แม้แผลใหญ่อย่างที่แขนจะยังมีเทปปิดอยู่แต่อีกไม่นานมันก็จะถูกแกะออก

“อือ..กาคุ อย่าเป็นอะไร…”

เสียงพึมพำละเมอของริวเรียกรอยยิ้มของกาคุให้ผุดขึ้นบนริมฝีปาก กาคุก็ไม่รู้หรอกว่าแผลของเขาวันนี้มันเรียกว่าหนักไหม แต่สภาพรอบตัวอย่างเศษอะไหล่หลายชิ้นและอุปกรณ์หลายอย่างวางเกลื่อน รวมถึงคนของเขาที่นอนฟุบหมดสภาพแบบนี้ อาจจะหนักก็ได้

“ริว ตื่นได้แล้วมั้ง”

เพียงเสียงเรียกเบาๆ ริวก็แทบจะผงกหัวตื่นขึ้นมาทันทีจนกาคุตกใจผงะไปเล็กน้อย ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าเมื่อกี้ริวฟุบหลับลมหายใจสม่ำเสมออยู่ เขาคงคิดว่าอีกคนแค่แกล้งนอนไปแล้ว

“กาคุ!!”

“อึก! ร..ริว”

ตุ๊กตาจักรกลชั้นล่างกระโจนตัวเข้ากอดใส่ตุ๊กตาตรงหน้าทันที กาคุกระอักเล็กน้อยจนรู้สึกเหมือนน็อตข้างในตัวมันมีอันไหนหลุดสักชิ้น เขายกมือขึ้นตบหลังคนตัวใหญ่กว่าเบาๆ อย่างปลอบประโลม ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาลูบเส้นผมนุ่มมือ

“ฉันนึกว่านายจะพังจนซ่อมไม่ได้แล้ว รู้ไหมว่าฉันตกใจมากที่เจอนายสภาพนั้นน่ะ เจ้าบ้า! นายไปทำอะไรมา!?”

ริวก่นด่าเสียงสั่นทั้งที่ยังกอดตัวกาคุไว้แน่น และยังแน่นมากขึ้นไปอีกราวกับกลัวว่าอีกคนจะพังสลายไปซะก่อน

“อย่ากอดแน่นสิ ยังเจ็บ..” กาคุเบ้หน้าน้อยๆ แต่ที่ใบหน้ายังคงแต้มรอยยิ้มจางๆ

ทั้งสองคนผละออกจากกัน กาคุจ้องเข้าไปในดวงตาสีทองที่สั่นไหวเล็กน้อย หน้าตาริวตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กๆ ที่กลัวว่าจะเสียของเล่นชิ้นสำคัญไปเลยสักนิด กาคุมองอีกคนตอบอย่างเอ็นดู พลางเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลให้ออกจากใบหน้าสีแทน

“ไปเช็คหอนาฬิกามาน่ะ แล้วพลาดนิดหน่อย ตกใส่กองเหล็กที่มันสุมๆ กันอยู่”

“กาคุคนบ้า! บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวัง ตรงนั้นมันอันตรายจะตาย ถ้าเหล็กพวกนั้นมันเสียบนายขึ้นมาจะทำยังไงหา!!!??”

รอบนี้ริวตวาดแหวมากยิ่งขึ้น ดวงตาทั้งสองรื้นน้ำตาเล็กน้อยจนคนมองสะอึกไป ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของกาคุก็ถูกริวกดทับให้จมลงกับเตียง ก่อนที่ใบหน้าจะสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะที่สัมผัสลงมาทั่วใบหน้า

“หน้านายมันไม่ควรมีแผลเลยรู้ไหม”

แผลถลอกตามใบหน้ากาคุ ถูกริวพรมจูบไปจนทั่ว กาคุครางรับในลำคออย่างพึงพอใจก่อนจะประสานสายตาเข้ากับอีกคนที่ผละริมฝีปากออกจากใบหน้าเขา

“ฉันไม่ได้มีแผลแค่ที่หน้านะ” กาคุยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ริวที่เห็นดังนั้นเริ่มรู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรลงไป ใบหน้าแดงก่ำขึ้นเตรียมผละตัวออก

แต่เหมือนคนที่กำลังจะได้ใจเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว ท่อนแขนเพียงข้างเดียวโอบรอบเอวหนาของคนด้านบนไว้แน่น ก่อนจะยกอีกข้างมาชูไว้ข้างหัวตัวเองเพื่อให้ริวได้เห็นชัดๆ

“นี่ แขนฉันก็มี ท้องฉันก็ด้วย อืม..ตรงไหนอีกนะ จริงๆ นายน่าจะจำได้ดีนี่ริว” กาคุว่าทีเล่นทีจริง ก่อนจะทำหน้าเหมือนคนเพิ่งนึกอะไรออก “เนี่ย รู้สึกหน้าฉันตรงที่นายจูบมา มันดีขึ้นนะ เพราะฉะนั้น…”

“อย่ามาได้ใจนะ อื้อ…!”

เสียงทักท้วงที่ไม่มีแววจริงจังเลยสักนิดของริวกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากร้อนชื้นของกาคุ ริวที่คิดจะถอนริมฝีปากออกกลับทำไม่ได้อย่างใจนึกเมื่อฝ่ามือของกาคุล็อคลำคอเขาเอาไว้จากด้านหลัง กดท้ายทอยเข้ามาให้รับจูบจากเจ้าตัวแนบแน่นขึ้นจนไร้ทางหนี

สุดท้ายริวจึงได้แต่ปิดตาลงรับจูบจากอีกคน สัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนที่แทรกผ่านเข้ามาตามรอยเผยอของริมฝีปาก ลิ้นอุ่นร้อนกวาดวนลูบไล้ตามลิ้นเย็นชื้นของริวราวกับจะส่งผ่านความร้อนไปให้กัน ฝ่ามือสีแทนขยุ้มเข้ากับปกเสื้อของกาคุแน่นยามที่ใบหน้าคมคายเอียงเปลี่ยนองศาให้สามารถจูบได้สะดวกยิ่งขึ้น

เสียงอะไหล่ในตัวกาคุปกติแล้ว แต่ตอนนี้อาจจะเป็นเสียงหัวใจของพวกเขาทั้งสองเองก็ได้ที่มันเปลี่ยนไป

จากที่ทีแรกว่าจะเพียงจูบทำโทษ แต่พอได้สัมผัสกับความหวานไม่รู้เบื่อจากโพรงปากของช่างซ่อมประจำกาย กาคุก็ยิ่งรุกเร้าหนักมากขึ้น ขยับเบี่ยงใบหน้าไปเรื่อยๆ ทั้งยังกวาดต้อนฉกชิงความหวานในโพรงปากนั้นจนร่างสูงใหญ่อ่อนระทวยส่งครางเสียงหวานในลำคอออกมารอบแล้วรอบเล่า

 

บางที..อาจจะต้องเลื่อนขั้น จากจูบลงโทษธรรมดา เป็นอะไรที่มากกว่านั้น

 

___________________________

 

กาคุมันร้ายยมากกกค่ะแม่!! ร้ายยกาจจจจจจจจจจ

 

 

 

 

[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] แผล

แผล
Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke
Type : One Shot ; Darama

____________________________________________

 

คนเรามักจะรู้คุณค่าของสิ่งๆ หนึ่งก็ต่อเมื่อตอนที่จะเสียมันไป

….เสมอ

 

……………………..

 

“นายไม่ได้รักฉันหรอกกาคุ นายแค่รักตัวเอง”

ประโยคสั้นๆ แต่สะเทือนใจกาคุที่สุดเท่าที่เคยฟังมา มันกำลังทำให้หัวใจของกาคุปวดร้าวไปทั้งดวง ราวกับคำพูดเมื่อครู่เป็นมีดที่ทิ่มแทงเข้ามาที่กลางอกเขาด้วยจำนวนครั้งที่นับไม่ถ้วน

กาคุไม่ได้อยากได้ยินประโยคนี้เลยสักนิด

แต่หลังคำพูดประโยคนี้ของริว ทุกอย่างรอบตัวกาคุมันทั้งหมุนคว้าง ทั้งหยุดนิ่งจนกาคุรู้สึกสับสนไปหมด กาคุไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรหรืออย่างไรต่อ หรือควรจะพูดอะไรออกไปในเวลานั้น ทุกอย่างมันจุกตันที่ลำคอไปหมดจนยากที่เอ่ยคำพูดไหนออกมา

กาคุทำได้เพียงยืนนิ่งและมองริวเดินจากเขาไปเงียบๆ

จนถึงตอนนี้ก็ 5 ปีมาแล้วที่กาคุไม่สามารถติดต่อริวได้เลย ไม่ว่ากาคุจะพยายามใช้เส้นสายที่พอมี เงินมากขนาดไหนในการจ้างนักสืบเก่งๆ มาตามหา แต่ทุกอย่างล้วนเหลวเป็นน้ำ ไม่สามารถใช้วิธีใดในการที่จะได้ตัวริวคืนมาเลย

มีเพียงสิ่งเดียวที่หลอกหลอนกาคุมาจนถึงตอนนี้ก็คือประโยคที่เสียดแทงหัวใจเขาตอนนั้นและสายตาที่ของริวที่ใช้มองเขาในตอนที่เอ่ยออกมา

ไม่ใช่สายตาที่แสดงว่ารังเกียจ ชิงชัง หรือโกรธขึง แต่มันคือสายตาตัดพ้อและมองมาที่เขาอย่างผิดหวังที่สุด ดวงหน้าที่ราวกับว่าตัดสินใจตัดขาดได้แล้วทุกสิ่งของริว ทำให้กาคุเจ็บชาไปทั้งตัว

แต่ที่ทุกอย่างต้องกลายเป็นแบบนี้ ล้วนเกิดจากกาคุเป็นสาเหตุ…

…….
…..

.

เสียงหมัดหนักๆ ดังลั่นทั่วกองถ่ายรายการที่เงียบสงัด เรียกสายตาและเสียงร้องตกอกตกใจจากสิ่งมีชีวิตนับสิบยี่สิบคนภายในห้องได้เป็นอย่างดี

วินาทีนั้นกาคุราวกับคนเสียสติ ร่างทั้งร่างหอบถี่จากการที่เพิ่งออกแรงปล่อยหมัดหนักๆ ใส่เข้าที่ใบหน้าของคนตัวสูงกว่า

ความผิดนี้จะติดตัวกาคุไปจนวันตายและเขาจะไม่มีทางลืมความผิดนี้ไปชั่วชีวิต

 

คนรับหมัดหันหน้าไปตามแรงต่อยอย่างไม่คิดจะหลีกหนี เขาไม่ร้องโอดครวญให้ใครสงสาร ไม่ได้ขอให้ใครมาช่วย ไม่ได้ขอร้องคนที่ต่อยเขาให้เห็นใจ ริวเพียงสื่อสายตาว่างเปล่าออกมาพลางยกมือมาลูบข้างแก้มและริมฝีปากที่มีเลือดติดอยู่เล็กน้อย

สำหรับไอดอลแล้วการสีมีบาดแผลบนใบหน้าไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด

เส้นผมสีน้ำตาลตัดสั้นถูกเสยขึ้นอย่างลวกๆ โดยเจ้าของมือหนาอย่างริว ดวงหน้าที่นิ่งเฉยนั้นกำลังจดจ้องมองคนที่ต่อยตนเองไม่ขยับจนกาคุรู้สึกเสียววูบขึ้นมา สัญชาตญาณกำลังร้องเตือนกาคุจากที่ไหนสักแห่ง ว่าริวโนะสุเกะในครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ อีกต่อไป

“ฉันว่ามันคงถึงเวลาแล้ว”

ริวเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบครอบงำมานาน ผู้คนอีกหลายชีวิตรอบด้านพากันเงียบกริบรอฟังกันยกใหญ่ แต่คนที่ดูท่าว่าจะลุ้นมากที่สุดคงหนีไม่พ้นหัวหน้าวง TRIGGER ยาโอโตเมะ กาคุ

“ที่ผ่านมา..นายจะกดดันฉันยังไง นายจะด่าฉันยังไง นายจะอารมณ์เสียใส่ฉันยังไง นายจะหงุดหงิดอะไรมาแล้วมาพ่นให้ฉันฟัง หรือนายจะมองว่าฉันเป็นแค่ของตายชิ้นหนึ่งของนายยังไง… ฉันก็ไม่เคยจะปริปากบ่นหรือคิดอยากจะทิ้งนายไปเลยสักครั้ง ฉันยอมเป็นที่ระบายของนายมาตลอดแม้ว่าหลายครั้งที่ฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย ทั้งที่เป็นอย่างนั้น..นายก็ยังเอาแต่โทษฉันเรื่อยๆ แต่ว่าตอนนี้…” ริวเม้มปากตัวเองแน่น ดวงตาสีทองจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเทาที่มีแวววูบไหว

รอบนี้ริวตัดสินใจแล้ว เด็ดขาด..

“นายที่ลงมือกับฉันแบบนี้ ฉันจะไม่ทน”

แทบจะทุกสายตาภายในห้องนั้นหันขวับไปมองที่ลูกของประธานบริษัทยาโอโตเมะโปรฯ กันตาเดียวอย่างคาดโทษ กาคุเลือกที่จะเมินสายตาตำหนิพวกนั้นแล้วพยายามเดินเข้าไปประชิดตัวริว ฝ่ามือสั่นเทาเอื้อมไปด้านหน้าหมายจะสัมผัสเข้าที่ท่อนแขนแข็งแรง หากแต่ริวเบี่ยงหลบ

ร่างสูงโปร่งชะงักเล็กน้อย เอ่ยเสียงสั่นๆ ออกมา “ขอโทษ” กาคุว่าโดยที่สายตายังคงจ้องที่มุมปากและข้างแก้มที่เป็นแผลจองริวไม่วางตา “..ขอโทษ ยกโทษให้ฉัน”

“ฉันอดทนกับนายมามากพอแล้ว..กาคุ” ริวเบี่ยงหน้าหลบสายตาเว้าวอนของกาคุ ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาเจอกับสายตาแบบนี้ของอีกฝ่าย

ริวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ฝ่ามือทั้งสองกำเข้าหากันราวกับจะเค้นพลังที่มีทั้งหมดออกมา ดวงตาสีทองตวัดกลับมามองคนตรงหน้านิ่งอีกครั้ง “ฉันจะออกจากวง งานถ่ายโฆษณาตัวนี้ชิ้นนี้จะเป็นงานสุดท้ายของฉัน..กับนายและทุกๆ คน ฉันจะไม่พิจารณาอะไรอีกทั้งนั้น เรื่องสัญญา ฉันจะชดเงินคืนให้ทีหลัง..”

“ไม่ ริว ไม่…”

กาคุไม่ได้ต้องการเงินของริวสักนิด ปฏิกิริยาของกาคุคือการรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาอีกคน ดวงตาสีเทาเริ่มมีแววโกรธขึงปนอยู่หากแต่เจ้าตัวยังคงข่มเอาไว้

ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงระเบิดลงและด่ากราดริวไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้

กลัว…กลัวว่าถ้าพลาดพูดอะไรแย่ๆ ออกไป ริวจะจากเขาไปจริงๆ

ริวกระตุกยิ้มมุมปากพลางก้าวถอยหลังหนีฝ่ามือของกาคุ เสียงฮือฮาภายในห้องหลังจากที่ริวประกาศออกจากวงไม่ได้ทำให้เขาหวั่นเกรงอะไร แต่ที่น่าสนใจกว่าคือปฏิกิริยาของกาคุ นานมาแล้วที่ริวไม่ได้เห็นอีกคนพยายามอดทนขนาดนี้ แต่…มันไม่มีผลสำหรับริวอีกแล้ว

นี่คือการตัดสินใจที่ริวคิดมาเสมอถ้าหากมันถึงเส้นความอดทนของเขา เขาเองก็อ่อนไหว กาคุที่กล้าลงมือต่อยหน้าเขาต่อหน้าคนนับยี่สิบชีวิต ไม่มีอะไรมายืนยันความสงบสุขของตัวริวได้อีกต่อไปว่ากาคุจะไม่ทำมันอีก

เขาเกลียดการลงไม้ลงมือ ทั้งที่คิดว่ากาคุไม่ใช่คนใช้กำลังแบบนั้น แต่ก็ยัง…

อาจดูเห็นแก่ตัวที่เขาคิดตัดสินใจโดยอำเภอใจแบบนี้ การทิ้งวง การทิ้งภาระหน้าที่ที่ยังยาวเป็นหางว่าวอยู่ไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่เขาเองก็ไม่อยากที่จะต้องอดทนอีกต่อไปแล้ว

“ริว..ที่ฉันทำแบบนั้นไปเพราะฉันรั–”

“นายไม่ได้รักฉันหรอกกาคุ นายแค่รักตัวเอง”

ริวจ้องมองกาคุด้วยวายตาตัดพ้อและผิดหวัง ร่างสูงใหญ่เดินถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวออกจากสตูดิโอถ่ายโฆษณาไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากใครก็ตามที่พยายามเรียกรั้งเขาไว้ ทิ้งไว้เพียงพายุอารมณ์ลูกใหญ่ที่ยังคงก่อตัวอยู่ในห้อง

ตอนนี้คนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ภายในห้อง ทุกคนจับจ้องไปยังตัวต้นเหตุอย่างกาคุที่ยืนนิ่งค้างกลางอากาศไปแล้ว จะหวังให้การุตามไปคุยกับริวนั้นทุกคนแทบจะสลัดความคิดนี้ทิ้ง ที่พึ่งเดียวที่ยังพอหวังได้จึงมีเพัยงเด็กหนุ่มอายุน้อยสุดของวง คุโจ เท็น

เท็นที่เริ่มเป็นจุดรวมสายตาถอนหายใจเฮือกออกมา ทำไมเท็นจะไม่รู้สภาพความร่อแร่ภายในวงดี กาคุหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ริวก็ดูจะหมดความอดทนมาซักพัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเท็นที่พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดโดยการไม่เข้าข้างฝ่ายไหนก็เริ่มที่จะหมดหนทางช่วย กาคุก็ไม่รู้ตัว ไม่เคยคิดที่จะรู้ตัวแม้เท็นจะเคยเอ่ยปากเตือน ส่วนริวที่ดูเหมือนจะเริ่มจมกับตัวเองบ่อยๆ ก็ปิดกั้นตัวเองไปเช่นกัน

“ผมจะลองไปคุยดู”

เหมือนเป็นน้ำล่อเลี้ยงทุกคนในห้อง แม้จะฟังดูเรียบๆ แต่ก็ช่วยให้มีกำลังใจขึ้นได้ เท็นหมุนตัวออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงหัวหน้าวงตัวดีที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนสติและวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว

ใบหน้าขาวซีดก้มต่ำลง จนยากที่ใครจะมองเห็น ทีมงานนับยี่สิบก็พากันแยกย้ายออกไปไม่พูดอะไรหรือจดจ้องอะไรกาคุอีก ปล่อยให้เจ้าตัวจมกับความคิดของตัวเอง..อย่างนั้นไปเงียบๆ

“ไม่กลับมาหรอก..ริวน่ะ”

เพราะอยู่ด้วยกันมานาน กาคุรู้ดีว่าครั้งนี้ริวพูดจริงและทำจริง ไม่ว่ายังไงริวก็คงไม่กลับมา

…ไม่กลับมา

……..
…..

.

ร่างสูงเพรียวของอดีตหัวหน้าวงไอดอลชื่อดังกำลังเดินทอดน่องไปอย่างไร้จุดหมายตามริมถนนที่คนไม่พลุกพล่าน เพราะตอนนี้เป็นฤดูหนาว หิมะที่ตกมาตลอด 2-3 วันมานี้ทับถมทางเดินจนยากแก่การเดินเหินทำให้น้อยคนนักที่จะเดินสัญจรไปมา นับเป็นอีกเรื่องดีๆ ที่กาคุจัดอันดับไว้ตอนนี้

เพราะจะได้ไม่ต้องมีใครจำเขาได้ และไม่ต้องเห็นว่าเขาอ่อนแอลงมากแค่ไหน

กาคุรักริว..

นั่นคือสิ่งที่กาคุรู้ได้ในภายหลังหลังจากที่ริวไม่อยู่ข้างเขาอีกแล้ว

เท็นบอกกับการคุว่าเจ้าตัวก็แค่ไม่รู้ว่าต้องแสดงความรู้สึกนั้นออกมายังไง เพราะอยู่ด้วยกันตลอด ริวที่ยอมกาคุมาตลอด ทำให้กาคุคิดว่ายังไงซะริวก็คงไม่มีทางทิ้งตัวเองไปแน่ๆ และยังไงซะริวก็คงจะยอมอยู่ใต้การควบคุมของกาคุตลอดไป โดยก็ลืมไปว่าคนทุกคนย่อมมีจุดสิ้นสุดความอดทนของตัวเอง

ไม่รู้ตัวว่าเป็นความรักจนกระทั่งเสียเขาไป

ทุกวันนี้เท็นก็ยังแวะเวียนมาหาเขาที่บ้านบ้างเพื่อพูดคุยสัพเพเหระพลางจิกกัดตามสไตล์ของเจ้าตัว แต่ก็เพื่อให้กาคุไม่ฟุ้งซ่าน เรื่องนี้กาคุรู้ตัวดี

TRIGGER ที่ยุบไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นข่าวสะพัดไม่น้อย ทุกคนเพ่งเล็งและกล่าวโทษกาคุกันส่วนใหญ่ รวมถึงพ่อของเขาเอง ในวันแถลงข่าวที่มีเพียงกาคุและเท็น กาคุยอมรับผิดและเอ่ยคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

หวังว่ามันจะส่งถึงใครอีกคน ที่อาจจะกำลังดูอยู่ผ่านหน้าจอทีวี

จริงๆ แล้วเท็นรับเป็นเทรนเนอร์ให้กับบริษัทยาโอโตเมะโปรฯ ต่อ เพื่อผลิตไอดอลรุ่นต่อไป แม้จะได้รับการทาบทามให้รับงานถ่ายแบบ โฆษณาหรือซิงเกิลเดี่ยว แต่เม็นก็ปฏิเสธทุกงานพร้อมกับบอกประโยคเดิมซ้ำๆ ว่า

“ถ้าไม่ใช่ TRIGGER ทั้งสามคนผมก็ไม่ทำ”

ดวงตาสีเทาหม่นแสงก้มมองหิมะสีขาวที่ปลายเท้าแน่นิ่ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่กาคุออกมาเดินเรื่อยเปื่อยแบบนี้ ก็แค่ไม่อยากอยู่บ้านที่รู้สึกอุดอู้ชอบกลก็เท่านั้น

ปรอยหิมะสีขาวเริ่มหนาตามากขึ้น กาคุเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่มองไม่เห็นอะไรมากนักนอกจากเมฆก้อนโตที่กำลังโปรยเกล็ดน้ำแข็งสีขาวใส่ใบหน้าของเขา ฝ่ามือขาวซีดที่แทบจะใกล้เคียงกับสีของหิมะกางออกมาด้านหน้าเพื่อรองรับเกล็ดน้ำแข็งใสที่ว่าลงสู่ฝ่ามือ

“ถ้าบังเอิญได้เจอกันอีกสักครั้ง จะทำหน้ายังไงดีนะ”

ประโยคคำถามที่ไร้คำตอบมาตลอด 5 ปีนี้ทำให้กาคุเพียงแค่นยิ้มออกมาโชคชะตาคงไม่อยากพาเอาคนดีๆ แบบริวมาเจอเขาอีกแล้ว แผลในใจของริวก็คงจะสาหัสไม่น้อยเมื่อได้ลองนึกทบทวนในสิ่งที่กาคุทำลงไป ใช่..ตัวเขาคือคนใจร้ายและนิสัยไม่ดี

การที่ปล่อยริวไป..หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือริวที่หนีเขาไป อาจจะเป็นเรื่องดีๆ ที่ริวจะมีโอกาสได้ไปเจอใครที่ดีกว่านี้

ดีกว่าตัวกาคุเอง

เสียงเด็กๆ ดังมาจากอีกฟากของถนน ดึงสติของกาคุที่จมกับความคิดของตัวเองให้ตื่นขึ้นมา กาคุส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเพื่อไล่เอาเกล็ดหิมะที่เกาะตามใบหน้าออก สองขาเตรียมก้าวเดินไปอย่างเรื่อยเปื่อยตามเดิมถ้าหากว่า…

“พี่ริวๆๆ หนูจะเอาอันนี้”

“พี่ริว ผมเอาอันนี้ครับ!”

ชื่ออันคุ้นเคยดังข้ามฟากมากระทบโสตประสาท กาคุหันไปตามทิศทางเสียงนั้นแทบจะทันที

“ถ้าบังเอิญได้เจอกันอีกสักครั้ง จะทำหน้ายังไงดีนะ”

ตอนนี้กาคุก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหนเหมือนกัน ดีใจ เสียใจ หรือโหยหา

แต่มีสิ่งเดียวที่กาคุรู้ชัดๆ คือใบหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้มของริวในตอนนี้ และจะเพราะอะไรก็ตามที่ทำให้ริวละสายตาจากกลุ่มเด็กตรงหน้าหันมามองอีกฟากถนนที่กาคุยืนอยู่และกำลังระบายยิ้มให้กับเขา มันยังคงสวยงามเหมือนกับรอยยิ้มแรกของริวที่ส่งให้กับเขาในวันที่เรารู้จักกันครั้งแรก…

 

 

_____________________________________

 

นกการ์ดอิพี่เทามาตลอด 3 เดือนเต็มๆ นับตั้งแต่อิจิบังสปาร์คเคิล ฮื่อออออ โกดค่ะะะ โกดดดดดดดดดด นกไปซะะะ นกกกก

 

 

 

 

 

 

 

 

[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] Seven Years

Seven Years
Fandom : IDOLiSH7
Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke
Keyword : Seven f. Novelber


 

 

ฝนตกมันทำให้รู้สึกเหงา อ้างว้าง และพร่าเลือน ทุกอย่างรอบตัวดูขุ่นมัวไปหมด

น่ารำคาญเสียจริง

ร่างสูงร่วม180เซนติเมตรกำลังวิ่งหน้าตั้งฝ่าลมฝนโดยไม่สนว่าตัวเองจะเปียกปอนขนาดไหน ใบหน้าที่ไม่ได้ทำการอำพรางแม้แต่นิดกำลังสะท้อนสู่สายตาคนรอบข้าง แม้ว่าตอนนี้เส้นผมจะลู่ลงปิดข้างแก้มแต่คนที่เดินสวนกันกับเขาต่างพากันจำได้ดี

แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักสักคน ปล่อยให้เจ้าของร่างนั้นวิ่งผ่านไปเฉยๆ

แม้จะเป็นไอดอล เป็นคนของประชาชน แต่ทุกคนล้วนมีเรื่องส่วนตัวและเวลาของตัวเองทั้งนั้น

กาคุยังคงเร่งฝีเท้าวิ่งต่อไปอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าร่างกายจะกำลังหอบหายใจอย่างหนักให้กับการออกแรงวิ่งท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำมาร่วม 10 นาทีก็ตาม

ถามว่าทำไมเขาถึงวิ่งเองแบบนี้

ตอนแรกเขาก็นั่งแท็กซี่ออกมาจากสตูดิโอ แต่เจ้ากรรมนั่งมาได้ 5 นาที ฝนห่าใหญ่ก็เริ่มเทลงมา รถราบนถนนที่น่าจะเลิกติดขัดเพราะเป็นเวลากลางคืนก็เริ่มติดขึ้นมาเสียได้ เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตรงสี่แยกไม่ไกลจากจุดที่แท็กซี่ของกาคุจอดอยู่ เลยกลายเป็นว่ากาคุต้องทนนั่งกระสับกระส่ายอยู่ในรถนาน 15 นาที

ไม่ทัน…ถ้าช้ากว่านี้คงจะไม่ทัน

ลำพังแค่นี้กาคุก็เบี้ยวนัดมาได้เกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

วินาทีนั้นกาคุจึงตัดสินใจส่งเงินในคนขับแท็กซี่แบบไม่ต้องทอนอะไรทั้งนั้น ก่อนจะเปิดประตูรถออกและวิ่งไปตามทางเท้าทันที

สายฝนจากฟากฟ้ายังคงเทลงมาไม่หยุดราวกับอยากจะกลั้นแกล้งกาคุเสียเต็มที ฝ่ามือขาวซีดยิ่งซีดลงไปอีกเพราะความเย็นจากสายฝนยกขึ้นเสยเส้นผมสีเทาอ่อนที่ตกลงมาแนบใบหน้าของตนรอบแล้วรอบเล่าเพื่อเปิดทัศนียภาพรอบตัว

หัวใจของกาคุเต้นถี่ระรัว ทั้งเพราะความเหนื่อย และกังวลใจ

สถานที่ที่เขาจะไป..เขาเองก็เริ่มไม่หวังแล้วว่าจะมีใครคนนั้นรอเขาอยู่หรือไม่

แต่เขาก็จะไป…

แม้ความหวังจะริบหรี่มากก็ตาม

 

สวนสาธารณะนอกเมืองแห่งหนึ่งคือที่ๆ เรียวขายาวของกาคุพาเจ้าของร่างมา เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่กาคุวิ่งมาไม่ได้หยุดเลยนั้นทำเอาเจ้าตัวหอบแหก แทบจะเป็นลมล้มพับกองไปกับพื้นทันทีที่มาถึงหน้าสวนสาธารณะอันเป็นเส้นชัย

แต่เขายังทำไม่ได้ นี่ยังไม่ใช่เส้นชัยที่แท้จริง

ร่างสูงโปร่งพาร่างที่เริ่มจะซวนเซของตัวเองกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปด้านในสวนสาธารณะ จุดนัดพบที่เขาบอกคนๆ นั้นเอาไว้กำลังอยู่ไม่ไกลจากฝีเท้ากาคุมากนัก

ริมฝีปากอมชมพูฉ่ำๆ เริ่มขาวซีดจนจะม่วงและรู้สึกชาหน่อยๆ แต่กาคุก็ไม่ได้สนใจมัน ดวงตาที่เริ่มพร่ามัวทั้งเพราะสายฝนที่บังตาและอาการปวดหนึบที่ศีรษะเล็กน้อยก็ไม่ได้ทำให้กาคุเลิกที่จะสอดส่ายสายตาหาคนของเขามากนัก

และภาพที่สะท้อนเข้าสู่สายตาของกาคุไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขาเท่าไหร่

เก้าอี้ยาวสำหรับนั่งพักผ่อนในสวนอันเป็นสถานที่นัดพบของเขานั้นว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตอื่นใดอีก มีเพียงสายฝนที่กระทบเข้ากับเก้าอี้เท่านั้นที่ทำให้รู้ว่ายังพอมีอะไรเคลื่อนไหวบนนั้น

กาคุแค่นยิ้มให้ตนเอง ยืนนิ่งมองเก้าอี้ว่างเปล่า แล้วเดินไปนั่งตรงนั้นเงียบๆ

เขาไม่โทษหรอกถ้าหากคนๆ นั้นจะไม่อยู่รอเขาจริงๆ กาคุเบี้ยวนัดมาเกือบ 2 ชั่วโมง ฝนก็ตกหนักแบบนี้ใครมันจะไปรอ

แม้ใจอยากจะหาที่หลบฝนให้กับตัวเอง แต่สังขารเขาไม่ไหวแล้ว วันนี้ทำงานมาทั้งวันแถมยังล่วงเวลาอีก แล้วยังต้องมาวิ่งฝ่าห่าฝนอีกครึ่งชั่วโมง กาคุไม่มีแรงเหลือแล้ว

ในขณะที่กำลังคิดว่าจะทิ้งตัวนอนลงบนเก้าอี้ตัวนี้ให้เป็นปอดบวมตายไปหรือจะยอมฮึดขึ้นมาวิ่งหาที่หลบฝนอีกสักรอบดี ความอบอุ่นที่ไม่น่ามีมาในเวลานี้กลับวางลงบนไหล่ทั้งสอง พร้อมกับสายฝนที่ไม่หล่นมาใส่ตัวเขาอีก

กาคุกำลังคิดว่าเขาคงจะใกล้ป่วย สมองก็เลยเพี้ยนๆ ทำให้เขารับรู้ถึงสัมผัสพวกนี้

“มานั่งตรงนี้เดี๋ยวก็ได้ป่วยตายหรอก”

น้ำเสียงนุ่มทุ้มแสนคุ้นหูนี่ก็อีก กาคุคิดว่าตัวเองคงต้องสติหลุดไปแล้วแน่ๆ ดวงตาทั้งสองข้างเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยพยายามปลอบใจตัวเองว่าเสียงที่ได้ยินคงแค่ละเมอไป

“กาคุ นายจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้”

“อะ..?” แรงเขย่าเบาๆที่ไหล่ และเสียงที่ดังขึ้น เรียกสติของกาคุให้ตื่นจากภวังค์ เขาหันไปตามแรงกดที่ยังอยู่ตรงไหล่ ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้น เรียกชื่ออันคุ้นเคยออกมาแผ่วเบา

“ริว…”

เจ้าของชื่อที่ยังยืนอยู่ระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา เจ้าตัวเดินอ้อมเก้าอี้นั่งลงข้างกายอีกคนโดยไม่สนว่าจะทำให้กางเกงของเขาเปียกไปด้วย โดยที่มือข้างหนึ่งยังคงถือร่มที่กางเอาไว้ ดีที่ว่าเป็นร่มขนาดใหญ่ มันเลยสามารถกันฝนให้คนสองคนได้อย่างพอดี

“ทำไม…” กาคุว่าอย่างเหม่อลอย ดวงตาสีเทาสว่างจ้องมองใบหน้าข้างกาย

เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลยังคงยิ้มเช่นเดิม มือข้างที่ว่างเอื้อมไปดึงเสื้อโค้ทตัวหนาที่ตนคลุมไว้บนไหล่ของกาคุให้เข้าที่มากขึ้นเพื่อเป็นเกราะป้องกันความหนาวเย็น ก่อนที่ริวจะเงยหน้าสบมองดวงตาที่เริ่มแดงก่ำของกาคุ

“ฉันรู้ว่านายต้องมา”

ริวว่าเรียบๆ แล้วขยับชิดอีกคนมากขึ้น ฝ่ามือยกขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ลู่ติดใบหน้าของกาคุออกเบามือ

“ที่ผ่านมานายไม่เคยผิดนัดเลยซักครั้ง” ยิ้มอีกครั้ง “ถึงจะสาย แต่ฉันก็รู้ว่านายจะมา เราคบกันมา…จนวันนี้ก็ครบ 7 ปีแล้ว ทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายเป็นคนยังไง”

กาคุระบายยิ้มแบบที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดสำหรับตอนนี้ออกมา แทบอยากจะคว้าอีกคนเข้ามากอดแนบอก ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ตัวเขาเปียกซกเกินกว่าจะกล้าโถมตัวเข้าใส่ริว เพราะถ้าเกิดริวเปียกแล้วป่วยขึ้นมาจะต้องแย่แน่ๆ

แต่…ถ้าได้สักหนึ่งจูบในวันครบรอบ และยังเป็นสถานที่นัดหมายดีๆ แบบนี้ก็คงไม่เลว

ชายหนุ่มสองคนในสวนสาธารณะที่ไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงสายฝนที่เทลงมากระทบรอบข้างกลายเป็นสักขีพยานความรัก เม็ดฝนหยดแล้วหยดเล่ากำลังโอบล้อมคนสองคนที่เคลื่อนหน้าเข้าหากันและแลกรสชาติจูบอันหอมหวานลึกซึ้งอย่างเงียบงัน แม้จะเย็นกายจนรู้สึกหนาวสั่น แต่ความอบอุ่นที่ก่อขึ้นในอกกลับกลบความรู้สึกเย็นชื้นรอบกายไปหมดสิ้น

ริมฝีปากเย็นชื้นขยับรุนแรงมากขึ้น สบฟันขบเข้าที่ริมฝีปากอิ่มให้เผยอออกแล้วสอดลิ้นเย็นชื้นของตนเข้าปากสำรวจโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างชำนาญ ริวกำด้ามร่มแน่นขึ้นและกุมไหล่อีกคนไว้แน่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวของตน

จูบนี้เสร็จริวคงจะต้องลากตัวกาคุกลับทันที ขืนยังให้นั่งอยู่ตรงนี้นานๆ กาคุคงจะได้ป่วยเป็นปอดบวมตายเข้าจริงๆ แน่ๆ ถึงแม้ว่าแผนการเดทในวันครบรอบ 7 ปีจะต้องพังไม่เป็นท่า แต่ค่อยย้อนหลังวันอื่นก็ได้คงไม่สาย

อีกอย่าง…พรุ่งนี้และมะรืนนี้ทั้งริวและกาคุก็ต่างก็ว่างกันแล้ว

ไหนๆ วันนี้ก็คงไปต่อที่ไหนไม่ได้อีก ริวก็คงจะยอมให้กาคุทำอะไรตามใจได้สักอย่าง เห็นแก่ความพยายามที่วิ่งฝ่าลุยฝนมาหาขนาดนี้

หรือบางที..ต่อให้กาคุไม่วิ่งมา ริวก็ยอมกาคุอยู่เสมอๆ อยู่แล้ว

 

—————— FIN ——————-

 

มาแบบเมาๆ และรวบรัดตัดจบไว เป็นพล็อตชั่ววูบคิดได้ก่อนนอนค่ะ 555555555

เล่นชาเลนจ์นี้ก็ตั้งแต่ปีแล้ว ปีนี้ก็ลังเลอยู่ว่าจะเขียนดีไหม แบบว่าไม่มีพล็อตเลย จนกระทั่งพล็อตนี้ก็งอกมา ส่งเป็นเรื่องแรกเลยย ฮาา

ใครแฟนด้อมนี้และชิปกาคุริวนี้ ก็สามารถเข้ามามักทาย ทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้นะคะ ~ zzZZ