Bond, Heart, Destiny
Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke
Type : AU fic | Short fic 1 / 2
Theme : ABO verse
________________________________________________________________
ในโลกที่สังคมถูกแบ่งชนชั้นโดยมนุษย์ที่เกิดมาเป็นอัลฟ่า เบต้าและโอเมก้า ทุกอย่างมันดูจะง่ายดาย ถ้าหากไม่ใช่ว่าโอเมก้ามีจำนวนน้อยที่สุด
เพราะเหตุนั้น โอเมก้าจึงได้รับการดูแลที่ดีจากสังคมทั้งภาครัฐและเอกชน คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าโอเมก้าเป็นเพียงเครื่องมือมนุษย์ที่ไว้กำเนิดบุตรหรือสำเร็จความใคร่ของอัลฟ่า และอัลฟ่าเองก็ไม่ใช่ผู้ที่สามารถกดขี่พวกเขาได้เช่นกัน
ทุกชนชั้นเท่าเทียมกัน นอกเสียจากว่าสัญชาตญาณของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกปลุกขึ้นมาให้ข่มอีกฝ่ายลง
เรื่องราวเหล่านี้ถูกแทรกในบทเรียน อยู่ในเนื้อหาการเรียนการสอนของเด็กๆ ตั้งแต่สมัยประถม เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงสภาพของตนและขอบเขตสิทธิที่จะไม่ไปล่วงเกินคนอื่น เด็กๆ อัลฟ่าส่วนใหญ่ล้วนไม่มีใครรังแกโอเมก้าที่อ่อนกำลังกว่า แต่ถ้าหากมีอัลฟ่าเกเรคนไหน พวกเขาก็พร้อมที่จะช่วยเพื่อน
.
.
เสียงร้องไห้โยเยของเด็กวัย 8 ขวบดังขึ้นที่ท้ายโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใบหน้าเล็กน่ารักขาวซีดแต่ที่แก้มขวากลับมีรอยแดงช้ำอยู่บนใบหน้า มุมปากมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย และตามแขนขาเองก็เต็มไปด้วยแผลถลอกอีกมากมาย
“ข..ขอร้อง อย่าทำผม…”
เสียงเล็กๆ เอ่ยอย่างสั่นเทา ดวงตาสีฟ้าจางคลอหน่วยหยดน้ำตาเงยมองเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน 2-3 คนที่กำลังยืนล้อมตัวเองด้วยความกลัว ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลพยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ถูกฝ่ามือแข็งแรงกว่าผลักให้ล้มลงไม่เป็นท่าอีกรอบ
“หึ! เป็นแค่โอเมก้าคิดจะมาสั่งพวกเราเหรอ!?”
“ม..ไม่ใช่นะ”
โอเมก้าตัวน้อยผวามากขึ้นเมื่อถูกตวาดใส่เสียงดัง ดวงหน้าเล็กยู่ลงด้วยความกลัว แขนทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้แน่นเผื่อว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง ภาพสุดท้ายจากสายตาของตัวเองก่อนจะตัดสินใจหลับตาปี๋คือเพื่อนอัลฟ่า 2-3 คนนั้นกำลังจะกรูใส่ตนเอง
“อย่าทำผ–”
“เฮ้ย!! จะทำอะไรน่ะ!!”
เสียงไม่คุ้นหูดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล เด็กน้อยโอเมก้าปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยหมายจะดูใบหน้าของบุคคลที่เข้ามาช่วยตนเองไว้ แล้วก็ต้องหลับตาปี๋ลงไปอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกร้าวของอัลฟ่าที่มาหาเรื่องตนเอง
“นายมายุ่งอะระ— อั่ก!!”
“เฮ้ย!!”
พลั่ก!! ผัวะ!! ตุ้บ!!
“อ่อก…!”
“อ๊ากก….!!”
“จะไปไหนก็ไป แล้วอย่าได้คิดมารังแกโอเมก้าแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าฉันอัดพวกนายเละกว่านี้แน่!!”
เสียงเล็กแต่ก้าวร้าวไม่น้อยดังขึ้นให้ดังที่สุดเท่าที่จะดังได้ ดวงตาสีทองกลมโตถลึงมองอัลฟ่า 2-3 คนที่มาหาเรื่องโอเมก้าตรงหน้าที่กำลังพยายามกึ่งเดินกึ่งคลานออกจากตรงนี้ไป หลังจากโดนเขาปล่อยหมัดปล่อยเข่ากระแทกหน้ากระแทกตัวไปคนละหมัดสองหมัด
สุดท้าย ก็ไม่มีอัลฟ่ารุ่นราวคราวเดียวกันคนไหนที่จะยอมสู้ได้จริงๆ สักคน ดีแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า พอเจอตัวจริงเข้าสักหน่อยก็หนีหางจุกตูดกันไปหมด
เด็กหนุ่มตาสีทองยกมือปาดมุมปากที่โดนต่อยสวนมาเมื่อกี้เล็กน้อย ก่อนจะก้มมองโอเมก้าตัวเล็กที่ยังนั่งตัวสั่น หลับตาแน่น ยกมือทั้งสองปิดหูด้วยความกลัวไม่ไกล
“นาย พวกมันไปแล้ว ไหนมีแผลตรงไหนบ้าง”
ท่าทางก้าวร้าวเมื่อครู่หายไปพริบตา ร่างที่ดูสูงกว่าโอเมก้าคนนี้นั่งยองลงตรงหน้าพลางเอื้อมมือไปจับแขนอีกคน โอเมก้าน้อยสะดุ้งโหยงเมื่อถูกสัมผัสจนเผลอถอยหลังไป แต่เมื่อลืมตาและพบว่าไม่ใช่พวกที่มาหาเรื่องตนจึงยอมสงบลงแต่โดยดี
“ข..ขอบ..ขอบบคุณ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างทุลักทุเล ร่างกายยังคงสั่นไม่หยุด “นายเป็น…อัลฟ่า?”
“ใช่” เด็กหนุ่มตาสีทองเผยรอยยิ้มอารมณ์ดีออกมา ไม่ได้สนใจเลยว่าอีกคนตรงหน้ากำลังหวั่นวิตกเพราะความเป็นอัลฟ่าของตัวเองรึเปล่า “ไปกันเถอะ นายต้องไปทำแผล”
เจ้าของดวงตาสีฟ้าจางกลมโตกะพริบปริบมองอัลฟ่าตรงหน้าที่ยื่นมือมาให้ตนเองจับ มือขาวซีดนั่นยังคงสั่นอยู่แต่ก็เบาลงมากแล้วเมื่อเทียบกับครั้งแรก เด็กน้อยอัลฟ่าไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิดที่อีกคนมีท่าทางอึกอักใส่แบบนี้ เพราะเขาเข้าใจว่าอีกคนเพิ่งโดนอัลฟ่าเหมือนกันหาเรื่องมา จะให้เชื่อใจอัลฟ่าที่ไหนไม่รู้อีกคนก็คงเป็นเรื่องยาก
แต่แค่อีกคนยอมส่งมือมาจับกับมือเขาแล้วเดินตามต้อยๆ มาด้วยกันแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว
“ฉันชื่อ ฮาคุสึ … ‘สึนาชิ ฮาคุสึ’ ยินดีที่ได้รู้จัก”
……………………………………….
รถเก๋งสีขาวขับแล่นเข้ามาจอดบริเวณที่จอดรถภายในโรงเรียนประถมอย่างคุ้นเคย เจ้าของรถดูไม่ได้รีบร้อนลงจากรถเท่าไหร่นัก เขาค่อยๆ จัดของที่วางระเกะระกะในรถเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกมาจากรถด้วยท่าทางสบายๆ เส้นผมสีน้ำตาลตัดสั้นถูกจัดทรงแบบลวกๆ กับกระจกรถตัวเองก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั้นจะเดินไปทางตึกใหญ่ของโรงเรียน
ใช้เวลาไม่นาน สึนาชิ ริวโนะสุเกะ ก็มาถึงหน้าตึก เขานั่งลงที่เก้าอี้ม้านั่งตรงข้ามตึกโต๊ะเดิมที่เขามักจะมานั่งรอเป็นประจำ สายตาก็พยายามสอดส่องเข้าไปภายในตึกเพื่อรอใครบางคนเดินออกมาแล้ววิ่งมาหาเขาดังเช่นทุกที
แต่ผ่านไปร่วม 20 นาทีก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนที่ริวโนะสุเกะมารอจะเดินออกมา
ทีแรกก็นึกว่าอาจจะยังไม่เลิกเรียน แต่เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับเด็กกลุ่มหนึ่งที่ริวโนะสุเกะจำได้ว่าเป็นเด็กนักเรียนร่วมห้องของ ‘ลูกชาย’ ของเขาพากันวิ่งโร่ออกไปแล้ว แต่ทำไมลูกชายของเขายังไม่ออกมากัน
ความสงสัยปนเป็นห่วงเริ่มทำให้ร่างสูงนั่งไม่ติดเก้าอี้
ในจังหวะที่กำลังตัดสินใจจะก้าวเข้าไปในตึกริวก็ต้องชะงักเสียก่อน เมื่อเห็นครูสาวที่แสนคุ้นเคยซึ่งเป็นครูประจำชั้นของลูกชายกำลังเดินออกมาที่หน้าตึกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย ก่อนที่เธอเองจะสังเกตเห็นริวเข้าพอดีเช่นกันจึงเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหา
“เอ่อ ครูครับ…”
“เชิญคุณริวมาที่ห้องได้เลยค่ะ”
ริวยกยิ้มเฝื่อนหน้าถอดสีขึ้นทันทีแล้วเดินตามครูสาวไปอย่างง่ายดาย จากใบหน้าที่เป็นกังวล ตอนนี้กลายเป็นสีหน้าปลดปลงแทน ริมฝีปากพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้หน้าที่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองสามที่เขาถูกครูประจำชั้นของลูกชายเรียกตัวไปแบบนี้ มันเกือบจะสิบรอบได้แล้วตั้งแต่ขึ้นประถม 2 มาในเวลาเพียงแค่ครึ่งเทอม
ภายในชั้นเรียนแทบจะเงียบสงบ อาจเป็นเพราะว่านักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปจนหมดแล้ว ที่เหลือในห้องแต่ละห้องก็เหลือเพียง 3-4 คนเท่านั้นสำหรับเวรทำความสะอาดประจำวัน ริวไม่ได้ใส่ใจมากนักแล้วเดินตามครูประจำชั้นของลูกชายไปตามเส้นทางที่ไปยังห้องพักครูอย่างคุ้นเคย
บานประตูเลื่อนถูกเปิดออกโดยครูสาว ริวผงกหัวขอบคุณให้เธอก่อนเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีทองกวาดมองภายในห้องหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเข้ามาในห้องนี้อีกรอบทันทีและไม่นาน สายตาก็สะดุดเข้ากับกลุ่มผมสีดำขลับอันแสนคุ้นเคย กำลังนั่งกอดอกหน้ามุ่ยบนเก้าอี้อย่างที่ริวคิด
“แม่…”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ ดวงตาสีทองส่อแววติดเบื่อนิดๆ ก่อนจะยู่ปากแล้วส่ายหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณที่บอกให้ริวรู้ว่ารอบนี้ตัวเขาไม่ได้เป็นคนผิด
ริวหัวเราะเบาๆ กับท่าทางนั้นก่อนจะหันไปทางครูสาวที่เดินมาอยู่ข้างๆ “เรื่องมันเป็นยังไงครับ”
เธอส่งยิ้มให้ริวเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเปิดปากเล่า “รอบนี้ฮาคุคุงก็คงไม่ผิดจริงๆ นั่นแหละค่ะคุณริว”
“หืม?” ริวหูผึ่งขึ้นทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยินมาหยกๆ
“เขาไปช่วยเพื่อนโอเมก้าที่ถูกทำร้ายไว้น่ะค่ะ แต่ถึงจะรุนแรงไปหน่อยก็เถอะ…”
“แล้วครูจะให้ผมทำไงล่ะครับ ให้พูดปรัชญาข้อห้ามอย่าทำร้ายโอเมก้าตามหนังสือเรียนงั้นเหรอครับ พวกนั้นคงฟังผมหรอก”
“ฮาคุ” ริวหันกลับไปปรามคนที่เถียงแย้งขึ้นมากลางปล้องด้วยน้ำเสียงดุๆ ดวงตาสีทองหรี่มองเด็กน้อยที่นั่งห่างออกไป จนเจ้าตัวเล็กหงอยลงไปทันที
ครูประจำชั้นของฮาคุได้แต่ส่งยิ้มเฝื่อนออกมา มันก็เป็นจริงแบบที่ฮาคุพูด สำหรับอัลฟ่าที่ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่แล้วคิดทำร้ายโอเมก้าแบบนั้น ให้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันพูดเตือนกันไปก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ดันโชคร้ายที่ว่าเด็กพวกนั้นมาเจอกับฮาคุ เด็กน้อยชนชั้นอัลฟ่าที่ดูจะชอบใช้กำลังตัดสินไม่น้อย บางทีถ้าเป็นเด็กคนอื่นก็คงไม่ใช้วิธีนี้แน่ๆ
“แล้ว…พ่อแม่ของเด็กที่โดนฮาคุทำร้ายล่ะครับ”
“พวกเขาบอกจะไม่เอาผิดฮาคุค่ะ เพราะเขารู้ว่าลูกของพวกเขาผิดเองจริงๆ แล้วก็ไม่อยากให้เรื่องดังด้วยก็เลยรับกลับไปแล้ว”
ริวขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็อยากจะขอโทษพ่อแม่ของเด็กพวกนั้นที่ลูกของเขาไปก่อเรื่องไว้
“แล้วโอเมก้า…”
“ถ้าสึกิคุงเขาไปห้องน้ำกับคุณอาเขาอยู่ครับ!”
“ฮาคุ.. แม่คุยกับครูอยู่นะครับ”
ริวหันหน้าไปอย่างเชื่องช้าปรามต่ำเด็กที่พูดแทรกเขามาเป็นรอบที่สอง ลูกชายตัวเล็กยิ้มแหยๆ ยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ทำเมินแม่และครูของตนเองที่มองมา ครูประจำชั้นสาวส่ายหน้านิดๆ แม้จะหลุดขำออกมาเล็กน้อยก็ตาม
ในห้องเรียน ฮาคุแทบไม่เคยจะสนใจฟังครูคนไหน เรียกได้ว่าเป็นเด็กดื้อคนหนึ่ง แต่พอกับแม่ของตัวเองกลับยอมแต่โดยดีแบบนี้ นับว่าเป็นภาพน่ารักๆ ที่ครูสาวรู้สึกชอบใจเล็กๆ เสียดายก็แค่อย่างเดียว…
ครืด…
เสียงบานประตูเลื่อนห้องพักครูดังขึ้น ดึงความสนใจของคนสามคนในห้องได้เป็นอย่างดี ระหว่างบานประตูที่เปิดออกปรากฏร่างของชายร่างสูงโปร่งดูดีในชุดกึ่งทางการ ข้างกายเขามีเด็กตัวเล็กๆ อีกคนที่มีผิวขาวซีดพอกันกำลังยืนมองตาแป๋วเข้ามาข้างใน
ริวจ้องมองคนที่ยืนหน้านิ่งบอกบุญไม่รับอยู่สักพักใหญ่ ภาพเส้นผมสีเทาอ่อนรับกับดวงตาสีเทาเข้มและผิวขาวซีดที่แทบจะกลืนกันไปหมดนั้นสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา พาให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งอีกคนอยู่ในชุดสีเข้มที่มันตัดกับสีผิวของเจ้าตัวแล้วยิ่งดูดีไม่น้อย
“ฮาคุคุง ผมกลับมาแล้ว”
เสียงเล็กน่ารักดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กๆ นั้นที่วิ่งเข้ามาในห้องพักครูอย่างรวดเร็ว ริวละสายตาออกจากชายคนนั้น มองตามเด็กตัวเล็กที่พุ่งไปหาลูกชายของตัวเองที่นั่งบนเก้าอี้ซึ่งกำลังส่งรอยยิ้มกว้างตอบกลับคนที่เรียกตัวเองอย่างอารมณ์ดี ร่างสูงโปร่งของผู้ปกครองที่มาด้วยกันนั้นเหมือนพยายามจะเอ่ยห้ามแต่สุดท้ายก็ไม่ทัน
“สึกิคุง นี่แม่ของฮาคุคุงจ้ะ สวัสดีรึยัง”
“อ๊ะ! ขอโทษครับ” เด็กที่ถูกเรียกว่า สึกิ รีบละความสนใจจากเพื่อนของตนแล้วหันหลังกลับมาหาริวทันที “สวัสดีครับ ‘ยาโอโตเมะ สึกิเนะ’ ครับ เป็น..เป็น…เป็นหลานคุณอากาคุครับ!”
เสียงเล็กแหลมนั้นตอบอย่างกระตือรือร้น หลังจากโค้งหัวให้ก็ชี้ไปด้านหลังของริว นั่นทำให้ริวรู้ว่าที่แท้ฝ่ายนั้นก็คือคุณอาของเด็กที่ฮาคุเข้าไปช่วยไว้
“สวัสดีครับ” ริวยิ้มตอบกลับด้วยทาทางใจดี
“ฮาคุไม่ได้โดนคุณแม่ดุใช่ไหมครับ”
“ไม่ดุ แม่ใจดี เนอะๆ” ฮาคุว่าพลางเงยหน้ามองแม่แล้วส่งยิ้มแป้นให้ ริวเพียงส่ายหน้านิดๆ แล้วครางรับในคออย่างจนใจ
“เอ่อ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแล้ว ที่เรียกคุณริวมาก็แค่อยากให้รับทราบไว้ ครั้งนี้ฮาคุก็ไม่ได้เกเรอะไร แต่ก็ช่วยปรามๆ เรื่องใช้กำลังหน่อยนะคะ”
“ทราบแล้วครับ”
เด็กน้อยที่ถูกพาดพิงถึงมุ่ยหน้าเบ้ปากอยู่บนเก้าอี้ โดยที่เพื่อนคนใหม่ของตนที่ยืนอยู่ตรงหน้าส่งเสียงหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีกับท่าทางไม่สบอารมณ์ของฮาคุ เด็กหนุ่มอัลฟ่าจึงได้แต่มองเด็กอีกคนแบบเคืองนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ไปกันฮาคุ ต้องซื้อของเข้าบ้านอีก”
“ครับผม”
“ไปก่อนนะครับครู ขอบคุณมากนะครับ สวัสดีครับ” ริวโค้งศีรษะให้ครูสาวเล็กน้อย มือใหญ่กอบกุมมือเล็กของลูกชายไว้เตรียมเดินออกจากห้อง ถ้าไม่ติดว่าที่ตรงประตูยังมีร่างของใครบางคนยืนขวางไว้อยู่
กาคุสินะ…?
“ขอทาง…”
“ผมคุยด้วยหน่อย”
ท่าทางเรียบตึงของอีกฝ่ายทำให้ริวชะงักไม่น้อย มือที่กุมมือลูกชายของตนไว้เผลอบีบเข้าหากันแน่นจนเด็กน้อยข้างกายต้องเงยหน้ามองแม่ของตน
มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่โอเมก้าจะรู้สึกหวั่นเกรงกับอัลฟ่า แม้ว่าในสังคมนี้จะมีการคุ้มครองปกป้องและรักษาสิทธิ์ของโอเมก้าอย่างดี แต่ในเรื่องของสัญชาตญาณ ยังไงโอเมก้าก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อัลฟ่าทุกทาง
ริวก้มหน้าเล็กน้อย ยืนรออีกครอบครัวบอกลาครูประจำชั้น สองแม่ลูกยืนหลบทางเล็กน้อยปล่อยให้กาคุและสึกิเนะเดินนำไปก่อนแล้วริวถึงค่อยเดินตาม แม้ฮาคุจะรู้สึกไม่ชอบเล็กน้อยที่ต้องมาเดิมตามหลังแบบนี้แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ในใจจะอยากเดินไปคุยกับเพื่อนใหม่ที่อยู่ด้านหน้า แต่อาการแม่เขาตอนนี้น่าเป็นห่วงมากกว่า
พอเหมือนตัวเองจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่า ก็หน้าซีดตัวลีบเล็กลงไปถนัดตา
ริวเป็นโอเมก้าที่ห่างหายการใกล้ชิดกับอัลฟ่ามานานมาก ถ้าไม่นับลูกชายของตัวเอง แม้แต่กับพ่อของเด็กคนนี้ก็ตาม เพราะฉะนั้นการที่จู่ๆ ก็ต้องมาใกล้ชิดกับอัลฟ่าที่ดูน่าเกรงขามและมีเสน่ห์มากถึงเพียงนี้มันทำให้ร่างกายของริวกระสับกระส่ายอยู่ไม่น้อย ร่างกายที่คิดว่าชาตินี้ไม่ต้องสุงสิงกับอัลฟ่าที่ไหนอีกจนเหมือนเหมือนกับมีประจุไฟฟ้าขึ้นมาปลุกอะไรบางอย่างในตัวที่น่าจะมอดดับไปนานแล้ว
“…ริว คุณริว!”
“อะ! ครับ!?”
เจ้าของชื่อผวาเฮือกกับเสียงเรียกที่ตัวเขารู้สึกว่าดังมากจนก้องไปมาในหูอย่างหนัก ร่างกายเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อระวังตัว ดวงหน้าสีแทนซีดลง ข้างขมับมีเม็ดเหงื่อผุดมาเล็กน้อย เบิกตามองคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองมาที่ตนเขม็ง
อัลฟ่าคนนั้นมองท่าทางที่ดูหวาดผวาของริวแล้วเริ่มผ่อนคลายลง “ขอโทษที เห็นคุณเหม่อ” กาคุพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าเมื่อครู่ ท่าทางที่ดูสบายๆ มากขึ้นและสายตาที่โอนอ่อนลงช่วยให้ริวสงบลงได้บ้าง ร่างสูงกว่าจึงพยักหน้าตอบเบาๆ
“มีอะไรรึเปล่าครับ เห็นว่ามีเรื่องจะคุย” ริวถามโดยที่สายตาไม่ได้จดจ้องคนที่ตัวเองถาม เขามองไปรอบๆ พยายามไม่มองอีกฝ่ายตรงๆ
“ทีแรกผมนึกว่าลูกชายคุณทำร้ายหลานผม” กาคุว่าเสียงเรียบ แม้ไม่ได้ฟังดูน่ากลัว แต่ก็แฝงแววกดดันไว้เล็กน้อย “แต่พอรู้ความจริงจากสึกิ… ขอบคุณมากนะครับ”
ริวลนลานทันทีเมื่อสิ้นประโยคนั้นของกาคุแล้วร่างสูงโปร่งโค้งศีรษะลงให้กับเขา ยังรวมถึงเจ้าเด็กตัวเล็กที่กาคุจับมือเอาไว้อยู่ด้วยก็ยังโค้งหัวลงตาม ริวส่ายหน้าไปมา โบกมือพัลวัน ปากคอติดขัดไปหมดจะพูดห้ามปฏิเสธก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น พอนึกคำพูดไม่ออก จึงส่งมือไปประคองไหล่กาคุให้เงยหน้าขึ้นแทนอย่างรวดเร็ว
มีที่ไหนที่อัลฟ่ามาโค้งหัวให้โอมเก้าล่ะ!
“ไม่..ไม่ต้องขนาดนี้หรอกครับ แค่คำขอบคุณก็พอแล้ว มะ…ไม่…”
“ขอบคุณครับ”
โอเมก้าหนุ่มใจกระตุกวูบอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจนสายตาประสานเข้ากันพอดี ไม่เพียงเท่านั้นคือถ้อยคำขอโทษที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวนั้น มันทั้งจริงใจ และซื่อตรงอย่างสุดๆ พอๆ กับดวงตาที่ฉายความแน่วแน่ออกมา ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือเสน่ห์ดึงดูดจากอีกฝ่ายที่แผ่รังสีออกมาจนริวรู้สึกเจ็บจุกในอกไปหมด
ใบหน้าของริวรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาจนกลัวว่าจะแดงออกมาจนอีกคนสังเกตได้ ท้องน้อยของเขารู้สึกวูบโหวงแปลกๆ เหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในนั้น ร่างกายเขาเริ่มสั่นน้อยๆ
“ผม…ผมขอตัว”
ริวเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองเป็นอะไร และเขาไม่ควรอยู่ตรงนี้นานๆ อีกต่อไป!
ร่างสูงร่วมร้อยเก้าสิบเซ็นรีบจูงมือลูกชายเดินเลี่ยงไปยังที่จอดรถทันที เขาไม่อยากจะพูดกับกาคุอีกแม้เพียงคำเดียว คนๆ นี้มีผลกับร่างกายเขาเกินไป และมันอันตรายมากเกินไปสำหรับโอเมก้าอย่างเขา…
แต่แล้วความตั้งใจแรกของริวก็ต้องพังไม่เป็นท่าเมื่ออีกฝ่ายตะโกนถามออกมาทั้งที่ริวเดินหนีมาไกลแล้ว
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม”
เด็กน้อยอัลฟ่าเงยหน้ามองแม่ของตัวเองที่หยุดฝีเท้ากึกหลังได้ยินประโยคนั้น ริมฝีปากที่สั่นพร่า มือข้างที่จับเด็กน้อยทั้งสั่นทั้งชื้นเหงื่อ เหมือนเจ้าตัวพยายามจะเปิดปากตอบแต่กลับไม่มีเสียงออกมา ฮาคุหันหลังกลับไปมองคนที่ยืนรอคำตอบ แต่เหมือนว่ากาคุกำลังจะจูงหลานตัวเองเดินมาหาริว แต่ฮาคุรู้ดีว่าตอนนี้ริวไม่พร้อมที่จะคุยกับชายคนนั้นต่อแน่ๆ
“ถ้าคุณอามารับสึกิอีกอาจได้เจอครับ!!”
เด็กน้อยฮาคุตะโกนตอบกลับไป ไม่รู้ว่าจะเป็นคำตอบที่ดีไหมแต่อย่างน้อยก็ช่วยหยุดฝีเท้าของกาคุได้ นั่นนับว่าดีแล้วในตอนนี้ เด็กน้อยกระตุกมือแม่ของตัวเองให้เดินต่อไป ซึ่งริวก็ยอมแต่โดยดี มือข้างที่จับกันอยู่ฮาคุรู้สึกได้ว่ามันทั้งเย็นชื้นจากเหงื่อแต่ขณะเดียวกันมันก็ร้อนรุ่มในเวลาเดียวกัน
ชายหนุ่มชนชั้นอัลฟ่ามองตามหลังสองแม่ลูกด้วยจิตใจที่ไม่ปกติพอกัน อะไรบางอย่างในตัวเขาคล้ายถูกจุดขึ้นมา แม้ว่าตัวเองจะเข้าสู่วัยอัลฟ่าที่พร้อมจะสืบพันธุ์มานานแล้วแต่ก็ไม่เคยเจอโอเมก้าคนไหนที่สามารถทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้ได้
ตอนที่เงยหน้ามาสบตากับริวเมื่อครู่เหมือนมีประกายไฟบางอย่างที่แล่นผ่านเขาไป ดวงตาสีทองสุกใสคู่นั้นตรึงเขาไว้จนอยู่หมัด ร่างกายที่ส่งกลิ่นหอมหวานออกมาจางๆ นั่นทำให้กาคุรู้สึกมัวเมาไปเล็กน้อยจนแทบไม่ได้สังเกตอะไรรอบตัวอีก รวมถึงอาการผิดปกติของริว
ส่วนคำถามของเขา นั่นคือเขาต้องการจะเจอริวต่อจริงๆ
แต่คนๆ นั้น…เขามีลูกแล้ว แสดงว่าก็ต้องมีอัลฟ่าที่ได้ทำการสร้างพันธะต่อกันไปเรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน
กาคุสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ยกมือลูบหน้า นิ้วเรียวคลึงสันจมูกตัวเองอย่างสิ้นหวังแปลกๆ ตัวเขาที่ถือว่าเป็นอัลฟ่ามากความสามารถ ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครแม้แต่อัลฟ่าด้วยกันเอง ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ตกต่ำลงเสียอย่างนั้น แถมความรู้สึกพ่ายแพ้นี้ยังมองไม่เห็นตัวผู้ชนะเลยด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกแพ้แบบย่อยยับ
ในโลกที่เหมือนจะเรียบง่ายนี้ แค่มีชนชั้นอัลฟ่า เบต้า โอเมก้ามาจัดระดับการใช้ชีวิตอะไรๆ ก็ดูจะลงตัว แต่เรื่องหนึ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยในโลกนี้ก็คือ
‘การแย่งคู่ชีวิตของคนอื่น’
“แม่ครับ.. ไหวไหม” ฮาคุสึเอ่ยถามเสียงแผ่ว จ้องมองแม่ตัวเองที่ซบหน้ากับพวงมาลัยรถด้วยความเป็นห่วง ตามใบหน้าของริวยังคงชื้นเหงื่อ และร่างกายยังคงสั่นอยู่ไม่หยุด ริมฝีปากพึมพำอะไรบางอย่างเหมือนอยากจะตอบลูกชายแต่ก็ทำไม่ได้
เด็กชายขมวดคิ้วเป็นห่วงเข้าไปใหญ่ ครั้นจะเอื้อมมือไปสัมผัสแขนของแม่เพื่อให้กำลังใจ จมูกของเขาเริ่มได้กลิ่นหอมหวานแปลกๆ ที่ลอยมาแตะจมูก
สมองอันชาญฉลาดตั้งแต่เกิดของอัลฟ่าเริ่มประมวลผลทันที บวกกับที่เคยเล่าเรียนมาบ้าง แม่สอนบ้าง ตายายเล่าให้ฟังบ้าง ทำให้เขารู้ว่าริวเหมือนจะฮีทขึ้นมาเสียแล้ว
“แม่ใจเย็นๆ นะ!” ลูกชายตัวเล็กส่งเสียงด้วยความตระหนกเล็กน้อย ร่างกายเล็กๆ รีบชะเง้อมองไปรอบๆ รถ ดีที่ริวมาจอดไกลพอควรจึงไม่มีใครเดินแถวนี้ เพราะดูจากภายนอกไกลๆ คงไม่รู้หรอกว่าใครเป็นอัลฟ่าบ้าง ฮาคุสึกลับมานั่งดีๆ ตามเดิมแล้วเปิดลิ้นชักเก็บของข้างคนขับที่ตนนั่งอยู่รื้อของที่อยู่ด้านในออกเพื่อหาบางอย่าง
บางอย่างที่ตาเขาบอกให้เอามาใส่เอาไว้เผื่อในเวลาฉุกเฉิน
ฮาคุค้นเจอแผงยาเม็ดเล็กที่ตัวเองมาเสียบเอาไว้เมื่อนานมาแล้วในที่สุด เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วรีบยื่นแผงยาไปให้แม่ของตัวเองทันที
“แม่ เร็วเข้า!”
ริวเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัย เรี่ยวแรงที่คล้ายที่หายไปกับการระงับอารมณ์นั้นรีบคว้าหมับเข้าที่แผงยาอย่างรวดเร็ว ฮาคุสึมองท่าทางคล่องแคล่วในการแกะเม็ดยาออกจากแผงและกระดกใส่ปากของแม่ด้วยท่าทางลุ้นระทึก ยานี่มันก็นานพอสมควร ไม่รู้ว่าจะหมดอายุหรือเสื่อมสภาพไปหรือยัง แต่ถ้ามันพอทุเลาอาการลงได้บ้างก็ยังดี
เหมือนการลุ้นของฮาคุสึจะไม่เสียเปล่า ริวเริ่มกลับมาหายใจเป็นปกติ ร่างกายหยุดสั่นบ้างแล้ว ที่สำคัญคือกลิ่นหอมเตะจมูกนั่นก็เบาลงไปด้วย อย่างน้อยกลิ่นก็คงจะไม่ลอยออกไปด้านนอกแล้วเรียกอัลฟ่าคนไหนให้มาทุบกระจกเล่นแน่ๆ
“เอามาจากไหนครับ” ริวที่ตั้งสติได้เอ่ยถามติดหอบนิดๆ เจ้ายานี่…ยาระงับแบบฉุกเฉิน ริวแทบไม่ได้แตะมันอีกเลยนับตั้งแต่มีลูกชายคนนี้
“คุณตาเคยบอกเอาไว้น่ะครับ บอกว่าเผื่อฉุกเฉิน จริงๆ ก็ใส่ไว้นานแล้ว ผมก็เกือบลืม”
คนฟังพยักหน้ารับแกนๆ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่แล้วผ่อนลมหายใจออกมา ในหัวเขาตอนนี้พยายามนึกถึงทุ่งดอกไม้ แสงแดดและสายลมให้มากที่สุด พยายามไม่นึกถึงตัวการที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้ต่อหน้าลูกชาย
ดีที่ว่ากลิ่นของโอเมก้าจะไม่มีวันมีผลกับลูกของตัวเองที่เป็นอัลฟ่า ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรวิปริตขนาดไหนคงไม่ต้องนึกถึง
“ถ้าผมขับรถเป็นผมจะขับแทนแม่แล้ว” เด็กชายว่าด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองนิดๆ แต่ก็เจือความตั้งใจเอาไว้จนริวหลุดขำออกมาเบาๆ
“ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้แม่หายแล้ว”
“ไหวนะ?”
“ครับคุณลูก”
“งั้นกลับบ้านกัน”
…………………………………….
“พาสึกิกลับมาแล้ว” กาคุเอ่ยบอกด้วยเสียงเนือยๆ หลังจากที่พาตัวเองและหลานชายเข้ามาในตัวบ้านขนาดใหญ่ได้ มือใหญ่ปล่อยมือออกจากมือเล็กของหลานชายปล่อยให้ตัวเล็กวิ่งไปหาพ่อของตัวเองที่นั่งรออยู่ก่อนในบ้าน
“ว่าไงลู— ว้าย!! อะไรกันครับ ใครทำอะไรหนู ใครรังแกหนู ทำไมแผลเต็มตัวแบบนี้!? กาคุ!!”
“ครับๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
“พ่อ อย่าว่าอาสิ” สึกิเนะพองแก้มแล้วกอดแขนคนที่เป็นพ่อสำหรับเขาแล้วมองอย่างออดอ้อน จนหญิงสาวต้องพ่ายแพ้ให้กับท่าทางนั้น คว้ากอดลูกชายตัวเล็กของเธอไว้หลวมๆ
ร่างสูงโปร่งจิ๊ปากเล็กน้อยเมื่อโดนถามรัวๆ ใส่เช่นนี้ นิ้วก้อยข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาปั่นในหูเล็กน้อยอย่างคร้านจะใส่ใจในคำถาม ท่าทางส่อแววรำคาญติดงุ่นง่านนั้นทำให้พี่สาวของเขาต้องหรี่ตามองอย่างจับผิด
“เป็นอะไรกาคุ นายดูไม่ปกติ”
“เปล่า”
เขาว่าพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาข้างกายพี่สาวของตัวเอง ดวงตาสีเทานั้นจดจ้องไปยังโอเมก้าตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตักพี่สาวของเขาที่เป็นอัลฟ่าเช่นกัน
เธอมองตามสายตาของน้องชายพักหนึ่ง ก่อนจะเรียกให้พี่เลี้ยงในบ้านมาพาตัวสึกิเนะไปพักผ่อนที่ห้อง กาคุยกมือคลึงขมับตัวเองเล็กน้อย เขายังคงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรจนกระทั่งหลานชายเดินลับสายตา
“เป็นเรื่องที่พูดไม่ได้ต่อหน้าเด็ก?”
“ก็ไม่ขนาดนั้น”
ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองพี่สาวที่นั่งไขว่ห้างรอคอยเขาพูด ปกติแล้วกาคุเป็นคนไม่ค่อยชอบแสดงท่าทางลำบากใจใดๆ ให้คนในบ้านเห็น ทุกครั้งที่เจ้าตัวมีเรื่องไม่สบายใจส่วนใหญ่ก็จะเก็บเอาไปพูดกับเพื่อนเท่านั้น น้อยครั้งที่จะหันหน้าปรึกษากับคนในบ้าน แต่ถ้ามีอะไรที่เกินตัวจริงๆ พี่สาวเพียงคนเดียวก็จะเป็นด่านแรกสำหรับกาคุเสมอ
ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งมองหญิงสาวข้างกายจนเธอต้องเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย อดจะงุนงงไม่ได้ว่าเรื่องที่กาคุเป็นกังวลอยู่มันหนักหนาขนาดไหน ถึงได้ทำหน้าเครียดออกมาเสียเต็มประดาขนาดนี้ แต่ครั้นคำถามที่ได้ยินออกมาจากปากน้องชายเธอก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
กาคุคนนี้น่ะเหรอ ที่ถามเรื่องแบบนี้กับเธอ?
เป็นพี่น้องกันมานาน เธอรู้ดีว่ากาคุมีความคิดเห็นและทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เธอไม่คาดคิดเลยด้วยซ้ำว่ากาคุจะสนใจเรื่องนี้
“ตอนที่พี่เจอคู่โชคชะตาของพี่ พี่รู้สึกยังไง”
ความเงียบชั่วอึดใจคือสิ่งที่เธอมอบให้กาคุ ดวงตาคมเฉี่ยวของอัลฟ่าสาวขยับตามมุมปากที่ยกขึ้นอย่างแช่มช้า หัวสมองนึกไปถึงคู่ชีวิตของเธอตอนนี้ผู้ให้กำเนิดสึกิเนะออกมา ความรู้สึกนั้นมันก็นานพอควรจนเธอแทบจะลืมไปแล้วเช่นกัน
“ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ แค่เพียงสบตาล่ะมั้ง”
………………………………………….
วันถัดมาริวก็ยังเป็นคนมารับฮาคุสึเช่นเคย ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่ม้าหินอ่อนหน้าตึกเรียนของลูกชาย เขาเป็นหนึ่งในผู้ปกครองไม่กี่คนที่มารับลูกแบบนี้ เพราะส่วนมากเด็กๆ เมื่อขึ้นประถมสองก็เริ่มที่อยากจะเดินกลับบ้านกันเองอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กๆ ที่เป็นชั้นเบต้าหรืออัลฟ่า ส่วนโอเมก้าก็จะเป็นพ่อแม่มารับเสียส่วนใหญ่ ผิดแปลกไปนิดก็ฮาคุสึนี่แหละที่เป็นอัลฟ่าแต่ยังให้ริวมารับถึงที่
ริวเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่ต้องมารับฮาคุสึถึงที่อยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้งก็มักจะได้รับสายตาแปลกๆ มองมาบ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเด็กน้อยอัลฟ่าที่เขามารับกลับหรือเพราะอะไรอย่างอื่นของริวกันแน่
ในระหว่างที่นั่งเล่นโทรศัพท์ดูข่าวนั่นนี่ไปเรื่อย ริวพลันรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายประหลาดที่ลอยมาแตะจมูก ขนตามแขนริวลุกชันขึ้นเล็กน้อยจนต้องใช้มืออีกข้างยกขึ้นลูบ ครั้นพอจะหันไปรอบตัวเพื่อหาต้นตอของความรู้สึกนี้ เสียงเรียกคุ้นหูหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลังจนริวสะดุ้งเฮือก
“มารับฮาคุสึเหรอครับ”
โอเมก้าร่างสูงหันขวับไปแทบจะทันที ดวงตาสีทองใสเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบปรับกลับไปเป็นปกติ
กาคุ… อาของเด็กคนเมื่อวาน
คนที่ทำให้เขาต้องติดฮีทเมื่อวาน!
ริวสูดหายใจเข้าปอดลึกขึ้นเพื่อเรียกสติ ตัวเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้อาจจะต้องเจออีกก็ได้เพราะคำพูดของลูกชายเขาเมื่อวานที่ตอบคำถามอีกฝ่ายไปแบบนั้น วันนี้ริวจึงกินยาระงับอาการฮีทฉับพลันตั้งแต่ก่อนออกมาจากบ้าน และเป็นดังคาดเมื่ออีกฝ่ายถึงกับเข้ามาทักขนาดนี้
“ครับ คุณเองก็มารับสึกิเนะคุงสินะครับ”
กาคุไม่ตอบอะไรเพียงยิ้มนิดๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามริวโดยไม่คิดจะขอถามร่วมโต๊ะ สายตาคมจดจ้องมองริวไม่ขยับไปไหน จนคนที่ถูกจ้องรู้สึกอึดอัดนิดๆ พยายามยกยิ้มให้คนที่มองเขาไม่วางตาแต่สายตากลับมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้ว่าควรจะเอาสายตาไปไว้ตรงไหน เรื่องจะชวนคุยเลิกคิดไปได้อีก ริวไม่ใช่คนพูดเก่งด้วย
ความเงียบเป็นสิ่งที่รายล้อมชายหนุ่มสองคนอยู่ร่วมสิบนาทีโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร กาคุเองก็เอาแต่จดๆ จ้องๆ ริวอยู่แบบนั้นแม้จะมีเฉสายตาไปมองตึกเรียนและผู้คนรอบข้างบ้างก็ตาม
แต่สิ่งที่ริวสังเกตได้นอกเหนือจากนี้ก็คือโต๊ะที่เขานั่งดูเป็นจุดสนใจขึ้นมาก มากกว่าทีแรกที่ริวนั่งอยู่คนเดียว หญิงสาวที่เดินผ่านไปมาหรือแม้แต่ชายหนุ่มร่างเล็กเองก็ดูเหมือนจะชอบหันมามองที่โต๊ะเขาอยู่เสมอ หรือถ้าจะพูดให้ถูก อาจจะเป็นการจ้องมองไปที่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามของริวมากกว่า
รัศมีอัลฟ่าของกาคุมันรุนแรงมากจริงๆ
“ถ้าเด็กคนนั้นไม่เรียกคุณว่าแม่ ผมก็นึกว่าคุณเป็นอัลฟ่า”
หลังจากเงียบมานาน กาคุก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ ร่างสูงโปร่งนั้นก้มหน้ามองโทรศัพท์แล้วเอ่ยขึ้นมาโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่สนทนาด้วย ริวเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย บีบฝ่ามือทั้งสองหากัน
“ใครๆ ก็ว่าแบบนั้นล่ะครับ” ริวยิ้มเฝื่อนๆ กับตัวเอง “พอโดนคิดแบบนั้นเข้า เมื่อก่อนก็เลยมีคนเข้าหาเรื่อยๆ” เสียงเบาลงจนเหมือนพูดกับตัวเอง
กาคุเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งก้มหน้างุดมองตักตัวเองนิ่ง ก่อนจะก้มมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องสวยของตนเองต่อ ในหัวพยายามนึกหาคำพูดและคำถามที่ตัวเองเตรียมมาจะถาม แต่ตอนนี้มันกลับนึกไม่ออกจนกาคุรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง
คำถามเดียวที่กาคุนึกออก ก็ดันเป็นคำถามที่เรียกว่าส่วนตัวสุดๆ สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเขาไม่ควรจะถามคำถามนี้ด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นว่ามันก็ดันเป็นคำถามที่กาคุอยากรู้มากที่สุดอยู่ดี
อัลฟ่าหนุ่มเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง แล้วเปลี่ยนมานั่งประสานมือเท้าศอกไว้กับโต๊ะ ดวงตาสีเทาคู่คมจ้องเขม็งมาที่ริวอีกครั้ง สัญชาตญาณความเป็นอัลฟ่าแผ่ออกมาจางๆ คล้ายจะข่มโอเมก้าตรงหน้าลง ตรึงไว้ให้จ้องมองแต่เขาคนเดียวจนริวได้แต่กลืนก้อนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ไม่กล้าละสายตาออก
“แล้วพ่อ–”
“แม่ครับ!!”
“คุณอาาาาครับ!!”
เสียงเล็กคุ้นหูดังขึ้นไกลๆ เรียกให้ผู้ใหญ่สองคนที่จดจ้องหน้ากันอยู่ละความสนใจออกจากกัน หนึ่งอัลฟ่า หนึ่งโอเมก้าตัวน้อยวิ่งมาเคียงข้างกันแล้วพุ่งมาที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่มีผู้ปกครองของพวกเขานั่งรออยู่อย่างอารมณ์ดี
“คุณอานั่งคุยกับคุณแม่ของฮาคุด้วย” สึกิเนะหันไปมองริวอย่างน่ารัก ศีรษะทุยๆ ก้มต่ำลงแสดงความเคารพ
“สวัสดีครับ” ริวตอบรับกลับเสียงอ่อนโยน
“เขาไม่ได้ทำอะไรแม่ใช่ไหม” ฮาคุสึถามเสียงแผ่วกระซิบชิดแขนของริว ก่อนจะหมุนตัวไปฉีกยิ้มแข็งๆ ให้กาคุที่กำลังจ้องตัวเองตาแข็งแปลกๆ
“ฮาคุ..” คนเป็นแม่ปรามออกมาเบาๆ
“ไง” กาคุถามเอ่ยทักเสียงเรียบพลางจ้องมองเด็กตรงหน้าอย่างพิจารณา
ฮาคุสึมีส่วนที่คล้ายริวอยู่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นสีดวงตาที่เหมือนกัน โครงหน้าก็คล้าย จมูกก็พอกันจะต่างก็เพียงแค่สีผมที่ดำขลับกับริมฝีปากที่ดูบางเล็กกว่าริว และที่สำคัญคือนิสัย
กาคุนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าริวจะมีนิสัยที่ห้าวเป้งอย่างการชอบไปไล่เที่ยวต่อยตีกับใครยังไง แม้เจ้าตัวจะมีร่างกายที่สูงใหญ่ ดูเพียงผ่านตาผ่านเสื้อผ้าที่ไม่ได้รัดรูปเท่าไหร่แต่ก็รู้ว่าเป็นคนที่มีกล้ามเนื้อไม่น้อย แต่กลับดูอ่อนโยน ไม่น่าคนชอบใช้กำลัง ไม่ต้องให้เดาเลยสักนิดว่านิสัยชอบต่อยตีของฮาคุสึที่ครูประจำชั้นบอกมามาเจ้าหนูนั่นได้มาจากใคร
นึกแล้วกาคุก็อยากจะเจออัลฟ่าที่เป็นคู่ของอีกฝ่าย เด็กน้อยอัลฟ่าคนนี้ใช่ว่าจะหน้าตาแย่ แสดงว่าคนเป็นพ่อก็ต้องหน้าตาดีไม่หยอก แต่ใจหนึ่ง กาคุก็ไม่อยากรับรู้การมีตัวตนของผู้ชายที่ครอบครองร่างกายและหัวใจของริวสักเท่าไหร่
ดวงตาคมกริบสีเทาหลุบต่ำ คว้าท่อนแขนเล็กของหลานชายมาไว้ในมือก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม่พูดไม่จา ริวสะดุ้งเล็กน้อยกับท่าทางที่ดูมืดครึ้มเปลี่ยนไปของกาคุก็ได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยอะไรออกมา
“ไว้พบกันใหม่” กาคุทิ้งท้ายไว้แค่นั้น กระตุกแขนหลานชายให้เดินตามตนเองไปแม้ว่าสึกิเนะจะมีท่าทางขัดขืนเพราะเหมือนอยากจะคุยกับฮาคุสึก่อนก็ตาม
เด็กน้อยอัลฟ่าส่ายหน้าให้เพื่อนของตนช้าๆ แล้วโบกมือให้เป็นการอำลา เขามองตามแผ่นหลังเล็กนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาหาแม่ของเขา
“แม่?” ฮาคุสึจับแขนใหญ่เอาไว้แล้วบีบเล็กน้อย
ใบหน้าของริวดูซีดลงไปบ้าง แต่ฮาคุสึยังคงสังเกตเห็นริ้วแดงจางๆ บนใบหน้า จมูกพยายามดมกลิ่นแต่เมื่อไม่ได้กลิ่นหอมหวานอย่างเมื่อวานเขาจึงสบายใจขึ้นนิดหน่อย แต่ที่เด็กน้อยเป็นกังวลก็คือท่าทางของแม่ที่เปลี่ยนไป
ริวดูซึมๆ ลง และเด็กน้อยไม่ชอบเลย..
ฮาคุสึรักริวมาก และค่อนข้างติดแม่มาก อาจจะเพราะ ตั้งแต่เกิดมา เขามีแต่ริว…
“กลับบ้านกันครับ”
………………………………………………..
การเจอหน้ากันของสองผู้ปกครองบ้านยาโอโตเมะและสึนาชิเริ่มจะเป็นเรื่องที่ธรรมดาไปเสียแล้ว
ที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิมมักจะมีริวหรือไม่ก็กาคุที่มานั่งครองมันไว้ก่อนเสมอ ราวกับว่าโต๊ะนี้ได้ถูกสลักชื่อเจ้าของเป็นของหนึ่งในสองคนนี้ไปเสียแล้ว บทสนทนาเรียบง่ายถามเรื่องลมฟ้าอากาศและการงานของแต่ละคนเป็นเรื่องที่คุยจนชินชาไปเสียแล้ว ไม่มีอะไรที่มากกว่านั้น กาคุพยายามที่จะไม่ก้าวก่ายอีกฝ่ายมากเกินไป นั่นเพราะมีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวและความถูกต้องค้ำคออยู่
แม้ว่าสายตากาคุที่ใช้มองริวจะไม่เหมือนกับครั้งแรกยามที่เจอกันแล้ว แต่ทุกอย่างล้วนอยู่ในขอบเขตของความรู้สึกที่ต้องหักห้ามไว้ทั้งนั้น ริวเองก็ไม่ได้พยายามที่จะเข้าหากาคุมากเช่นกัน หนุ่มโอเมก้าคนนั้นยังคงหลบตากาคุอยู่หลายครั้งหากเผลอตัวสบตาขึ้นมา ตามมาด้วยริ้วแดงจางๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าของริวทำให้กาคุต้องผุดยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้
คนอะไร เขินง่ายซะไม่มี
วันนี้กาคุก็ออกมารับสึกิเนะตามเคย ร่างสูงโปร่งมากเสน่ห์นั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิม สายตาของเขาไม่ได้จดจ้องอยู่ที่จอโทรศัพท์ หากแต่มันกวาดมองไปรอบๆ เพื่อรอคอยการมาของใครอีกคน ทั้งที่วันนี้กาคุมั่นใจว่าริวน่าจะมาถึงก่อนเพราะตนติดงานทำให้ออกมาช้ากว่าปกติ แต่กลับไปพบกับแผ่นหลังอันคุ้นเคยที่มักจะนั่งตรงนี้
เป็นห่วง
ความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนอื่นมานาน กำลังผุดขึ้นในอกของกาคุ ดวงตาสีเทาเข้มพยายามกวาดมองออกไปให้ไกลที่สุดเพื่อจับหาร่างของคนที่เขาคุ้นเคยดี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอเจ้าของร่างในครรลองสายตาแม้แต่น้อย
แว่วเสียงใสอารมณ์ดีของหลานชายตัวน้อยดังขึ้นจากด้านหลังยามที่เห็นคนเป็นอานั่งอยู่ที่เดิม กาคุรู้สึกตัวออกจากภวังค์ของตัวเองแล้วหันกลับไปหาหลานชายสุดรัก
“ไงตัวเล็ก” แล้วสายตาก็สะดุดกับเพื่อนสนิทที่เป็นอัลฟ่าของหลานชาย
ลูกชายของคนที่กาคุแอบชอบอยู่
“ฮาคุสึ แล้วแม่ล่ะ?”
ดวงตาสีทองเช่นเดียวกับแม่ของเจ้าตัวเงยหน้ามองคนที่ถาม เด็กน้อยมีท่าทางอึกอักเล็กน้อยแบบคนไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม
ท่าทางของฮาคุสึทำให้กาคุพอโล่งใจได้บ้าง แสดงว่าอย่างน้อยริวก็อาจจะยังปลอดภัยดีโดยที่ลูกชายของเขาก็ยังพอรู้เรื่อง … เรื่องในครอบครัวล่ะมั้ง?
“ไปส่งผมได้ไหมครับ” ฮาคุสึเงยหน้าจ้องกาคุ เอ่ยออกมาเสียงเบา “ที่บ้านผม”
บางอย่างในหัวสมองกาคุบอกว่าเขาไม่ควรไป ภาพบ้านและครอบครัวที่อาจมีใครอีกคนรออยู่ที่นั่นอาจทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่ไปมากกว่าเดิม ซ้ำยังตอกย้ำตัวเอง แต่พอใช้หัวใจลองชั่งน้ำหนักดู มันกลับลิงโลดดีใจที่กาคุจะได้มีโอกาสเข้าใกล้ริวมากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายเลยเพียงแค่ไปส่งลูกชายของเจ้าตัวก็ตาม
ลูกชายบ้านสึนาชิไม่ได้เร่งเร้าเท่าไหร่ ดวงตาคู่คมนั้นยังคงจับจ้องใบหน้าอาของเพื่อนไม่วางราวกับรอคำตอบเงียบๆ อย่างมีมารยาท
“บ้านฮาคุ! ไปครับ! ผมอยากไป!!” เสียงเล็กอีกเสียงดังแทรกขึ้นมาก่อนที่กาคุจะทันได้ตัดสินใจ
รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของอัลฟ่าวัยผู้ใหญ่ มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มนิ่มของหลานชายอย่างเอ็นดูก่อนจะเบนสายตาไปมองเด็กอีกคนที่ยิืนเยื้องอยู่ข้างหลัง
“ถ้าไม่เป็นการรบกวน”
…………………………………..
ไม่สบาย
หลังจากนั่งรถมาด้วยกันซักพักกาคุก็ตัดสินใจเอ่ยถามฮาคุสึว่าริวไปไหน ฮาคุสึมีท่าทางเหมือนไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการของริวเท่าไหร่ เจ้าตัวบอกได้แค่ว่าตอนเช้าริวไม่ได้มาปลุกเขาอย่างเคยแล้วก็ไม่ได้เป็นคนมาส่งที่โรงเรียน แต่เป็นตาของเขาที่มาส่งและยายของเขาที่บอกเพียงว่าริวไม่สบาย เพราะฉะนั้นตั้งแต่เช้า ฮาคุสึก็ยังไม่เจอหน้าริวเลยด้วยซ้ำ
กาคุมุ่นคิ้วสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่คิดจะซักไซ้เด็ก 8 ขวบต่อ ดวงตาคมกริบจ้องมองถนนเบื้องหน้าที่เป็นทางกลับบ้านของริว มันออกมานอกเมืองเล็กน้อย สภาพการจราจรไม่ได้คับแคบและแน่นขนัดเท่ากับตอนอยู่ในเมือง กาคุจึงขับรถได้อย่างสบายๆ แม้ใจจริงเขาอยากจะเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วรีบไปให้ถึงบ้านริวก็ตาม
อีกสิบนาทีต่อมา รั้วบ้านสีเขียวอ่อนสบายตาก็ปรากฏตรงหน้า รถยนต์คันหรูสีดำสนิทจอดอยู่หน้าประตูบ้าน ก่อนที่เจ้าของรถจะหันไปหาเด็กน้อยด้านหลังเพื่อถามความเห็น
“ฉันลงไปทักทายคนในบ้านได้ไหม” กาคุจ้องเข้าไปในดวงตาสีทองกลมโต ฮาคุสึชะงักคิดครู่หนึ่งก่อนจะระบายยิ้มออกมา
“ก็ได้นะครับ แต่ไม่รู้แม่จะดีขึ้นรึยัง”
เพราะประโยคตกลงของฮาคุสึ ทำให้อาหลานอีกสองพากันลงจากรถเพื่อเข้าไปเที่ยวในบ้านสึนาชิ แม้คนที่ขอเข้าไปจะเป็นกาคุ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ดีใจที่สุดจะเป็นสึกิเนะ เจ้าตัวเล็กรีบกระโดดเข้าไปเกาะแขนเพื่อนสนิทตัวเองแล้วลากเข้าบ้าน แต่กาคุยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูเช่นเดิม
ถ้าเข้าไปแล้วต้องเจอกับภาพที่ไม่อยากเจอล่ะ? ถ้าเข้าไปแล้วต้องเจอกับสายตาไม่น่าสบอารมณ์ของอัลฟ่าที่น่าจะอยู่ในนั้นด้วยล่ะ? กาคุควรทำอย่างไร?
ความคิดนี้รบกวนจิตใจของกาคุมาตลอดการขับรถ แต่ปากเจ้ากรรมก็ดันถามไปทันทีหลังจากที่รถจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน ก็เลยลงเอยด้วยการที่ตอนนี้หลานชายตัวดีของเขาเข้าไปในบ้านเพื่อนแล้วเสียอย่างนั้น
กาคุส่ายหน้าให้กับตัวเองและหลานชายที่ดูจะไม่รู้เรื่องอะไร ก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปในเขตรั้วบ้านหลังเล็ก อย่างน้อยก็ไปทักทายพอเป็นพิธี ของฝากเจ้าบ้านก็ไม่ได้ซื้อเข้ามาด้วย เขาคงจะให้หลานชายอยู่รบกวนที่นี่ได้ไม่นาน อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่าริวยังปลอดภัยดีแค่นี้กาคุก็พอใจแล้ว
ที่สำคัญ…เขาไม่อยากอยู่เจออะไรที่ไม่อยากเจอด้วย
แต่ครั้นก้าวเท้าเข้ามาภายในตัวบ้านได้ กาคุก็ชะงักไปทันที ดวงตาสีเทาเข้มเบิกมองไปเบื้องหน้าเขม็ง พร้อมจังหวะการหายใจหยุดชะงักไปตามๆ กัน ไม่แพ้กับคนที่อยู่ในบ้านอยู่ก่อนเมื่อได้เจอกับกาคุ เจ้าตัวเบิกตามองจนกลัวว่าดวงตาสีทองคู่สวยนั้นจะหลุดออกมา
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจกันและกันอย่างถึงที่สุดไม่ใช่การที่ริวเห็นว่ากาคุมาเยือนถึงบ้าน หรือการที่กาคุได้เห็นว่าสภาพริวตอนนี้น่ามองขนาดไหน แต่เป็นกลิ่นฟีโรโมนที่กำลังคลุ้งไปทั่วบริเวณตอนนี้แทนต่างหาก!
“ซวยแล้ว..”
“เอ๋ ซวยอะไรเหรอฮาคุคุง”
เสียงของเด็กทั้งสองคนแทบจะไม่ได้เข้าประสาทการรับรู้ของผู้ใหญ่ทั้งสองอีกต่อไป ริวก้มหน้างุดกัดริมฝีปากตนเองแน่นจนห่อเลือด ฝ่ามือสีแทนกุมอกตัวเองแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์หวามที่กำลังก่อขึ้นในตัวแบบมากขึ้น ร่างสูงใหญ่นั้นพยายามจะก้าวถอยหลังเพื่อกลับเข้าไปในห้อง แต่ขาทั้งสองก็สั่นเกินกว่าจะก้าวออก ได้แต่ทิ้งตัวทรุดนั่งลงกับพื้น มืออีกข้างที่ว่างเลื่อนไปกอบกุมช่วงล่างตนเองแน่น
“ฮาคุสึ ช่วยสึกิเนะไปเล่นที” กาคุเอ่ยเสียงเรียบตึง ดวงตาจดจ้องมองสภาพริวไม่วางตา
“จะทำอะไรแม่!?” ฮาคุสึเข้าใจในประโยคนั้นของกาคุดี และเขาไม่ยอม “ไม่ไป!”
อัลฟ่าหนุ่มตวัดสายตาก้มมองอัลฟ่าตัวน้อยที่ก้าวมายืนขวางอยู่ด้านหน้าเขา ดวงตาสีทองคู่นั้นดูเอาเรื่องไม่น้อย แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรกับกาคุที่เป็นอัลฟ่าด้วยกันมากนัก แม้จะมีแรงกดดันส่งออกมาผ่านสายตาคู่นั้นจนกาคุแอบหวั่นเล็กน้อย แต่เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงไม่มีปัญหาอะไร
หรือต่อให้มี เด็กคนนี้ขวางเขาไม่ได้อยู่แล้ว
“ฮาคุ…” ริวเอ่ยเรียกลูกชายเสียงสั่นๆ เด็กชายตัวน้อยละสายตาจากกาคุไปจ้องมองแม่ของตน ขาเล็กๆ ทั้งสองหมายจะวิ่งปดูอาการแม่ แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับจากแม่ทำให้เด็กชายต้องเลิกคิ้วมองและชะงักฝีเท้าลง
ริวส่ายหน้าให้ฮาคุสึ ก่อนจะเหลือบสายตาไปทางสึกิเนะที่มองยืนสถานการณ์ด้วยความงุนงง รอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปากที่สั่นพร่า ดวงตาสีทองที่โอนอ่อนลงและแสดงถึงความต้องการแบบนั้น…ฮาคุสึเข้าใจดี
“พ่อไม่อยู่” ฮาคุสึพูดออกมานิ่งๆ จนกาคุต้องขมวดคิ้วมอง ประโยคที่เหมือนจะเชิญชวนให้เขาและริวมีอะไรกันตอนที่พ่อตัวเองไม่อยู่แบบนี้มันไม่ปกติชัดๆ กาคุรู้ว่าเด็กคนนี้ฉลาด เป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากฮาคุสึจะไม่รู้ว่า โอเมก้าที่มีร่องรอยพันธะแล้วจะไม่สามารถมีอะไรกับอัลฟ่าอื่นได้อีก
และนั่นเป็นเหตุผลที่กาคุยังคงพยายามยืนนิ่งอยู่แบบนี้ แม้จริงๆ แล้วสัญชาตญาณมันจะร้องบอกให้เขารีบวิ่งเข้าไปจัดการโอเมก้าตรงหน้าก็ตาม
แต่แล้วเสียงหัวเราะเบาๆ ของฮาคุสึที่ก้าวเข้าไปจับแขนหลานชายเขาเอาไว้พร้อมกับเดินเลี่ยงไปอีกทาง ประโยคแผ่วเบาที่ดังลอดเข้ามาในโสตประสาทแทบจะทำให้ความอดทนของกาคุหมดลง
“…พ่อตายไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิด”
กาคุรุดเข้าไปหาริวที่นั่งกุมอกที่พื้น กลิ่นฟีโรโมนของริวทำให้กาคุรู้สึกมึนตึงแทบขาดสติ ดวงตาคมกริบกวาดมองทั่วกายที่เริ่มขึ้นสีเพราะแรงอารม์หวาม ฝ่ามือขาวซีดประคองไหล่กว้างไว้แน่นเพื่อเป็นยึดหลักให้คนที่หอบหายใจหนักกันไม่ให้ล้ม
โอเมก้าช้อนดวงตาหยาดเยิ้มมองคนตรงหน้า มือยกขึ้นกุมแก้มขาวก่อนจะลูบไล้แผ่วเบา กาคุยังคงมองด้วยความสับสน แต่ก่อนจะทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองเข้าให้เสียแล้ว ริวเร่งเร้าจูบมากยิ่งขึ้น กัดริมฝีปากล่างอีกคนจนเผยอออก สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากร้อนของอีกฝ่ายเกี่ยวกระหวัดสู้ลิ้นหนาที่เหมือนพยายามหลบ
วงแขนกว้างโอบรอบลำคอหนาแน่นขึ้น เบียดกายเข้าหามากขึ้นจนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิกายที่เริ่มร้อนรุ่มของอีกฝ่าย
“อืม..” เสียงครางต่ำในลำคอการคุบ่งบอกว่ารู้สึกดี พอให้ริวใจชื้นขึ้นบ้าง ลิ้นหนาของอัลฟ่าดันลิ้นที่กำลังเล่นสนุกในโพรงปากตัวเองกลับไปหาเจ้าของ เบี่ยงมุมหน้าให้ได้องศาที่พอเหมาะก่อนจะเน้นจูบหนักๆ ทั้งขบและกัดริมฝีปากอิ่มได้รูปของริวจนเริ่มเห่อบวม แขนแกร่งกอดรัดร่างในวงแขนแน่นจนไม่มีช่องว่างระหว่างคนสองคน
“ฮ่า..แฮ่ก..”
อัลฟ่าเจ้าเสน่ห์จำใจละจูบออกเพราะอีกคนคล้ายจะหมดลมเสียก่อน ดวงตาสีเทาเข้มหรี่มองอีกคนอย่างหื่นกระหายถามเสียงกดต่ำ “นายแน่ใจเหรอริว? จากนี้ฉันจะไม่ถอยแล้วนะ?”
ร่างสูงกว่ายืดตัวขึ้นเล็กน้อยจนเป็นก้มมองอีกคน ใบหน้าและริมฝีปากบวมแดง ดวงตาสีทองคลอหน่วยหยาดเยิ้มจนดูยั่วยวนกว่าเดิม ร่างกายที่ร้อนรุ่มของตนเองจากการฮีทขยับเบียดอีกคนมากขึ้น รุกเร้าดันเข่าของตัวเองไปสัมผัสกับความร้อนที่เริ่มพองตัวใต้กางเกงของกาคุ เรียวปากแย้มยิ้มจางๆ อย่างคนเหนือกว่า
“อื้ม มั่นใจสิ ก็ฉัน…ไม่มีพันธะอะไร…อยู่แล้ว แล้วถ้าเป็นคุณ…”
เส้นด้ายความอดทนของกาคุขาดผึงทันที รอยยิ้มละมุนชวนมองของริวทำลายสติที่พยายามเก็บของกาคุจนกระเจิง ความกลัวในเรื่องความถูกผิดถูกปัดเป่าออกไปจากความคิด ร่างสูงเพรียวจัดการรวบเอวคนที่นั่งกองกับพื้นให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะรีบแทรกตัวเข้าไปในบานประตูด้านหลังอย่างรวดเร็ว
แขนแกร่งรั้งเอวของคนเป็นโอเมก้าเข้ามาประกบจูบทันที ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน มีแต่ความต้องการและกระหายในร่างตรงหน้าเท่านั้น จูบที่เร่าร้อนและรุนแรงแทบจะพรากสติและวิญญาณคนถูกจูบออกจากร่าง เสียงครางในลำคอและเสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังก้องไปทั่วห้อง แรงจูบของคนสองคนหนักหน่วงมากขึ้นตามแรงอารมณ์ กาคุดันอีกคนเข้ากับผนัง สอดมือเข้าใต้เสื้อเชิ้ตบางก่อนจะเลิกขึ้นสูงเผยให้เห็นแผงอกสีแทนและยอดอกที่กำลังชูชัน
“อื้อ! อ๊า! ตะ..ตรงนั้น..”
ริวปล่อยเสียงครางอย่างลืมอายเมื่อยอดอกถูกริมฝีปากร้อนผ่าวครอบครอง ลิ้นร้อนชื้นตวัดเลียไปทั่วจนชุ่ม ก่อนจะตามด้วยฟันคมที่ขบใส่อย่างแรงจนร่างสูงกว่าร้องลั่นและเกร็งตัวแน่นฝ่ามือเริ่มควานสะเปะสะปะเพื่อระบายอารมณ์ร้อนในกาย ปากร้อนๆ นั่นยังคงกดจูบไปทั่วผิวกาย สร้างรอยแดงมากมายตามผิวเนียน
“หวานทั้งตัว”
อัลฟ่าหนุ่มโน้มตัวกลับขึ้นมาฉกริมฝีปากอิ่มไปอีกรอบ สอดลิ้นเข้าในโพรงปากชิมความหวานไม่รู้เบื่อ ร้อนแรงและเร่งเร้ามากเสียจนเจ้าของสถานะโอเมก้ายืนแทบไม่อยู่ ของเหลวสีใสไหลออกมาตามมุมปากอย่างยั่วยวนแต่ก็ถูกลิ้นร้อนกวาดต้อนกลืนเข้าสู่ลำคอจนหมดราวกับหวงแหน
กางเกงขาสั้นของริวถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นแกนกลางลำตัวที่ตื่นตัวเต็มที่ ทั้งยังช่องทางเบื้องล่างที่เฉอะแฉะเตรียมพร้อมกับการมีสัมพันธ์ เรียกรอยยิ้มร้ายบนใบหน้าหล่อได้ไม่ยาก ร่างสูงใหญ่เบือนหน้าหนีอย่างไม่กล้าสบตามองคนตรงหน้าที่มองมา ยิ่งฝ่ามือร้อนสัมผัสเข้ากับแก่นกาย สติที่เหลืออยู่ไม่มากแต่แรกก็แทบจะหมดทันที
“อึก! อ๊า คุณกา…คุ มะ..ไม่!!”
“กาคุ กาคุเท่านั้น”
“อ๊ะ! กาคุ!!”
เสียงครางหวานเรียกชื่อคนที่กำลังทำรักด้วยกันดังลั่นห้อง เมื่อถูกสัมผัสรุนแรงมากขึ้น กายใหญ่แข็งเกร็งไปหมดเมื่อได้รับการปรนเปรอจากฝ่ามืออีกฝ่าย ยอดอกทั้งสองข้างเองก็ถูกริมฝีปากร้ายของกาคุครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างกายเปียกชื้นไปหมด แม้จะพยายามปฏิเสธอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่เข้าโสตประสาทของกาคุเลยสักนิด
แต่ก็รู้สึกดี
รู้สึกดีมากจนไม่อยากปฏิเสธอีก
ฝ่ามือใหญ่กดสอดเข้าที่กลุ่มผมสีเทาสว่างตรงหน้า ยิ่งลิ้นร้อนลากไล้ลงต่ำตั้งแต่หน้าอกจนถึงช่วงท้องมากเท่าไหร่ ริวก็ยิ่งมีอารมณ์พุ่งสูงขึ้นจนร้อนไปทั้งตัว ร่างกาวกระตุกเกร็งเป็นระยะ กาคุเลียรอบริมฝีปากตัวเองอย่างนึกสนุก หยุดมือที่กำลังปรนเปรอแก่นกายเบื้องหน้าก่อนจะส่งปลายลิ้นแลบเลียเข้าที่ส่วนปลายแผ่วเบา
“อึก!! กาคุไม่!! อ๊าา!!!”
ของเหลวสีขุ่นพุ่งออกมาจนเปรอะเปื้อนใบหน้าหล่อเหลา ริวหอบหายใจหนัก พยายามเอื้อมมือจะเช็ดให้ออกจากใบหน้าอีกฝ่ายแต่ก็ถูกรวบไว้ กาคุเงยหน้าขึ้นมองอีกคนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนจะส่งลิ้นออกมาแลบเลียของเหลวที่ติดอยู่ตามมุมปาก
คนมองเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่เบิกตาโพลง ใบหน้าเห่อร้อนจัดซับสีแดงเรื่อขึ้นมาอัตโนมัติ ทั้งรอยยิ้ม และท่าทางที่แสนจะยั่วยวนของกาคุแบบนั้น…กำลังเล่นงานหัวใจของริวอย่างรุนแรงจนเจ็บไปทั้งอก
นี่น่ะเหรอ เสน่ห์ของอัลฟ่า อัลฟ่าที่เป็นคู่โชคชะตาของเขา
ทั้งที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้เจอ
“ให้ฉัน..ได้เห็นทุกอย่างของนาย จะได้ไหม”
ริวยังคงยืนขาสั่นหอบหายใจ ดวงตาก้มมองคนที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มซีดเอ่ยแผ่วเบา
“ทุกอย่าง..”
ว่าจบคนที่นั่งอยู่ก็ยืดตัวประกบจูบเข้ากับริมฝีปากบวมแดงตรงหน้าอีกครั้ง ทั้งบดเบียดและดูดดึงเรียวปากอิ่ม ริวเองก็ยอมเผยอปากออกให้อีกคนเข้ามาสำรวจในโพรงปากอย่างง่ายดาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังสัมผัสแถวช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวมากยิ่งขึ้น
“ตรงนี้…มีใครสัมผัสบ้าง”
“อือ ไม่..ตั้งแต่มีฮาคุสึ ก็ไม่เคย… อึก!”
เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลผวาวาบเมื่อช่องทางที่ไม่เคยถูกบุกรุกมานานกำลังถูกนิ้วเรียวยาวสอดเข้ามาพร้อมกันถึงสองนิ้ว ความเจ็บกำลังแล่นไปตามเส้นประสาททั่วร่างกายจนหยาดน้ำตาไหลออกมา วงแขนตวัดกอดร่างกายของอีกคนไว้แน่น ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอมากยิ่งขึ้นเมื่อนิ้วแกร่งสะกิดโดนจุดไวต่อความรู้สึกภายใน
“อ๊าาา!”
นิ้วเรียวหมุนควานไปทั่วช่องทางคับแคบอย่างบ้าคลั่ง เรียกเสียงครางหวิวและความรู้สึกเสียวซ่าน ริวฝังใบหน้าของตนซบลงกับลาดไหล่กว้างด้วยความเหนื่อย สองแขนโอบกอดรอบแผ่นหลังแกร่งทั้งจิกเล็บเข้ากับแผ่นหลังจนทะลุเสื้อ ขาทั้งสองข้างถูกกาคุจับยกให้กอดรอบเอวตนอีกทอดหนึ่ง
“อื้อ กาคุ..ถ้านายควานไปทั่วแบบนั้น…ฉัน..”
“ริว..ฉัน..ทนไม่ไหวแล้ว”
ริวงุนงงเล็กน้อยกับคำพูดอีกฝ่าย ชั่วพริบตานั้นนิ้วทั้งสองถอนออกไปอย่างรวดเร็ว ความร้อนรุ่มของอะไรบางอย่างเหมือนมาจ่อที่ปากทางโดยที่ไม่ทันตั้งตัว แก่นกายร้อนผ่าวและใหญ่โตของกาคุสอดใส่เข้าใส่ช่องทางอ่อนนุ่มทีเดียวจนสุด
“อะ…อ๊าา!! อื้อ…!!!”
เสียงร้องแทบจะหายไปกับอากาศ ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วทั้งร่างจนสมองหนึบชาคิดอะไรไม่ออก ดวงตาทั้งสองข้างพร่าเลือนด้วยหยดน้ำตา ฝ่ามือทึ้งไหล่คนที่สอดใส่เข้ามาแน่นเรี่ยวแรงที่พยายามใช้ตัวพิงผนังไว้แทบจะทรุดลงถ้าไม่มีแขนของกาคุที่กอดรัดไว้ ร่างขอริวคงไถลร่วงไปแล้ว
“ริว..ริว…”
เสียงแหบพร่าเขย่าอารมณ์ดังขึ้นที่ริมหูเจ้าของชื่อ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กาคุกระแทกสะโพกเข้าใส่ช่องทางเบื้องล่างอย่างแรงจนในที่สุดริวก็ปลดปล่อยออกมาอีกรอบ แต่กับอัลฟ่าตรงหน้า… คนๆ นี้ยังไม่เสร็จเลยสักครั้ง จังหวะสะโพกเร่งเร้าและรุนแรงมากขึ้น แก่นกายใหญ่ถูกถอนออกจนเกือบสุด ก่อนจะถูกกระแทกใส่กลับเข้าไปใหม่อย่างแรงจนริวร้องเสียงหลง
“ฮึก..ฮะ..ตรง..ตรงนั้น อื้อออ!!!”
“อึ้ก! ข้างในของนาย..ทำฉันแทบบ้า..ร้อนชะมัด..”
กาคุไม่ได้รู้สึกดีเช่นนี้มานาน ใบหน้าหล่อชื้นเหงื่อเชิดขึ้น ก่อนจะดันไหล่อีกคนออกอย่างแรงจนแขนและขาที่เคยเกาะเขาไว้หลุดออก แท่งไฟร้อนเองก็ถูกถอดออกมา ของเหลวสีขาวขุ่นมากมายพุ่งออกมาจนเลอะทั่วพื้น
คนตัวสูงกว่าหอบหายใจแรงยืนพิงผนังข้างหลังด้วยร่างกายและขาที่สั่นเทา เขาเกิดไม่เข้าใจนิดหน่อย ดวงตาสีทองทอดมองคนที่ยังไม่มีท่าว่าจะหยุดความต้องการด้วยความเป็นห่วงระคนสนใจมากยิ่งขึ้น ฝ่ามือสั่นๆ ยกขึ้นลูบใบหน้าที่ขึ้นสีจัดไม่ต่าง ไล้ต่ำลงมาจนถึงปลายคาง เชยใบหน้าคมให้เงยชึ้นมาสบตากัน
“ทำไมนายไม่…”
“จะบ้าเหรอ แบบนั้นนายก็แย่สิ”
คนถามคำถามถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนดังเช่นทุกที …รอยยิ้มที่กาคุแพ้ทางที่สุด
นิ้วเรียวสวยเคลื่อนมาหยุดที่ริมฝีปากหนาที่ใช้บดจูบตนไปหลายรอบ เส้นผมสีน้ำตาลลู่ไปตามกรอบหน้าอย่างดูดี ท่าทางเชิญชวนที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น ไม่สิ..นี่เป็นครั้งแรก
“ต้องการฉัน…ให้มากกว่านี้สิ”
โอเมก้ากระตุกยิ้มอย่างยั่วยวน คนถูกเชิญชวนชะงัก ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นริวในมุมแบบนี้เลยสักนิด กาคุที่เคยช่ำชองและมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้อยู่บ้างกลับรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองช่างอ่อนหัดและไม่มีประสบการณ์เสียจริง ทุกอย่างดูผิดคาดไปหมด
กาคุสะบัดใบหน้าไล่เม็ดเหงื่อที่เกาะตามศีรษะและใบหน้า สติเหือดหายอีกครั้ง รวบเอวสอบเข้ามาประชิดตัว จัดการใช้ปากปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกคนทีละเม็ด ถกถอดมันออกให้ไปกองที่บริเวณข้อมือแล้วเริ่มมัดอย่างแน่นหนาท่ามกลางความงุนงงของเจ้าของร่าง
ฝ่ายอัลฟ่สจับอีกคนพลิกให้หันหน้าเข้าหาผนังห้อง จับเอามือสองข้างที่ตนมัดไว้ให้ชูขึ้นเหนือหัวแนบผนังพลางกดมือของตัวเองทับลงไปอีกที มืออีกข้างที่ว่างบีบสะโพกอีกคนไว้แน่น แววตาสีเทาจ้องมองแผ่นหลังเปลือยเปล่านิ่ง ไร้ความลังเล มีเพียงความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เหมือนกับสายตาของราชสีห์ที่ต้องการจะตะครุบเหยื่อ
ทางริวแม้จะตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ ยังไงซะ…เขาก็ยอมอยู่แล้ว เตรียมใจไว้อยู่แล้ว…
ฟึ่บ!!
“อ๊ากก!! อึก!! อืออ…”
“อืมม…”
แก่นกายรอนผ่าวสอดลึกเข้ามาภายในทีเดียวจนสุด สร้างความเจ็บปวดมากมายให้ผู้ที่รอรับ น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้มเป็นทางด้วยความทรมาน ความรู้สึกเหมือนร่างกายช่วงล่างถูกดึงให้ฉีกขาด ทั้งแสบ ทั้งร้อนและปวดหนึบไปหมด แต่เหนือกว่าความเจ็บที่จะตามมาจากนั้นคือความรู้สึกสุขสม…จนอดจะยิ้มไม่ได้
จุดกระสันภายในถูกสัมผัสและกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างกายกระตุกเกร็ง แท่งไฟร้อนขยับเข้าออกรุนแรง ดวงตาสีทองคมหลับแน่น สัมผัสกับความเจ็บและความสุขสมที่มาพร้อมกันจนต้องเปล่งเสียงครางออกมาไม่หยุด แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะปลดปล่อยความต้องการออกมาได้
“กาคุ..ช่วย..ฉันอยากจะ…”
“ก็อยากจะช่วยนะแต่ว่า..” กาคุเว้นช่วงไว้เล็กน้อย กระซิบเสียงแหบข้างใบหู “ฉันอยากลองทำให้นายเสร็จจากทางนี้เท่านั้น”
“ฮะ..? อึก! อื้ออ!!”
ริวกัดฟันตัวเองแน่น อยากจะปลดปล่อย แต่ก็ทำไม่ได้ดังใจ หัวสมองขาวโพลนว่างเปล่าไปหมด กาคุไม่แม้แต่จะสัมผัสด้านหน้าของเขาสักนิดราวกับยืนยันในคำพูดของตัวเอง มีเพียงฝ่ามือที่ยังประคองกอดเอวเขาเอาไว้ พร้อมกับจังหวะสะโพกที่ไม่ได้ลดความแรงลงเลยแม้แต่น้อย ทุกการเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงเสียจนหัวหมุน ยิ่งกระทบจุดเร้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียกเสียงครางหวานออกมาได้มากเท่านั้น
“อา..กาคุ มาก..มากกว่านี้” แม้จะรู้สึกกระดากอายกับคำพูดของตัวเอง แต่ตอนนี้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและสติของคนทั้งคู่ไปหมดแล้ว
สายตาคมกริบสะดุดเข้ากับหลังต้นคอเรียบเนียนที่ไร้เส้นผมปิดบัง ตรงนั้นไม่มีรอยใดๆ ทั้งสิ้น ความปรารถนาเบื้องลึกในจิตใจกำลังร้องประท้วงกาคุจนบ้าคลั่ง เรียวปากอ้าเผยอออกเผยให้เห็นฟันขาว ใบหน้าโน้มต่ำลง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดที่ลำคอ ริวรู้ได้ในทันทีว่าอีกคนต้องการอะไรหากแต่ยังลังเล
“กาคุ..?”
“ฉันไม่อยากทำ..มันเร็วไป”
คนฟังเผยยิ้มเหนื่อยอ่อนออกมาก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ กาคุก้มลงจูบไปตามแผ่นหลังสีแทนเป็นการปลอบประโลม ใช้ฟันขูดเบาๆ ไปตามผิวเนื้ออย่างสะกดกลั้นอารมณ์
ลิ้นร้อนค่อยๆ ไล้สัมผัสตั้งแต่ปลายเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่คลอเคลียบริเวณเหนือต้นคอนวล ริมฝีปากพร่ำสร้างรอยสีกุหลาบไปตามลำคอ แผ่นหลัง ตีตราจองทุกส่วนของร่างกายนี้เป็นของเขาคนเดียว ยิ่งกาคุขบกัดและสร้างรอยที่บ่งบอกว่าสัมผัสไปตามร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความรู้สึกอันท่วมท้นก็ยิ่งเอ่อล้นออกมาเรื่อยๆ จนแทบระเบิด
“อื้มม ฉัน..จะเสร็จแล้ว”
กาคุขยับกายแรงๆ อีกครั้งสองครั้งก่อนจะพยายามขยับตัวออกห่างเพื่อหลั่งข้างนอกอีกรอบ แต่ริวกลับตอดรัดให้แน่นมากยิ่งขึ้นจนยากจะขยับ ฝ่ายอัลฟ่าเงยหน้าจากแผ่นหลังเนียนด้วยความสงสัยก่อนจะได้รับใบหน้าหวานแดงซ่านที่ดูอิดโรยเอี้ยวหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ร่างสูงกว่ากลับมายืดตัวตรง แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสเข้ากับแผงอกแกร่งรับรู้ได้ถึงความร้อนของกันและกัน แขนสองข้างที่ถูกพันธนาการโน้มมาข้างหลังคล้องเอาไว้กับลำคอแกร่ง กระซิบอย่างยั่วยวนแถวริมฝีปากร้อน
“เข้ามาสิ เข้ามาในตัวฉัน…ทั้งหมดของนาย” ก่อนจะประกบริมฝีปากของตนเข้ากับกาคุ
“อึก!!”
แขนแกร่งรัดเอวหนาแน่นขึ้น ทรุดกายนั่งลงกับพื้นในท่าคุกเข่า ยกอีกคนให้ซ้อนขึ้นบนตัก ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่กว้างที่กำลังสั่นเทา ปลดปล่อยความปรารถนาที่มีเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลอีกจนมันล้นทะลักออกมา เรียกเสียงครางระงมของคนทั้งสองให้ลั่นห้อง ก่อนที่ริวจะทำท่าเหมือนจะล้มคว่ำทรุดลงไปกองกับพื้นจนกาคุต้องกอดให้แน่นขึ้น
จมูกโด่งคมซุกไซ้ซอกคอกรุ่น กลิ่นกายเฉพาะและกลิ่นฟีโรโมนที่ยังส่งกลิ่นหอมหวานออกมาไม่หยุดแทบทำให้กาคุควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปฏิกิริยาที่มีต่อโอเมก้าที่ฮีทว่าน่ากลัวแล้ว ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคู่โชคชะตา เขายิ่งดิบเถื่อนและรุนแรงเกินไปจนแทบไม่ได้สนใจร่างกายในอ้อมแขนตอนนี้ที่ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยบอบช้ำและลำคอขาวที่มีแต่รอยแดง
“กาคุ เตียง..ยืนไม่ไหว”
คำพูดที่ทำให้ร่างโปร่งจัดการประคองอีกคนที่สติไม่เต็มร้อยมาที่เตียง ฝ่ามือลูบไปตามร่างกายที่ดูบอบบางลงไปถนัดตาด้วยความกังวล แต่ความต้องการของเขามันยังไม่จบ…แต่ริวกำลังจะไม่ไหว
“ฉันไม่เป็นไร” รอยยิ้มเหนื่อยอ่อนฉายขึ้นบนใบหน้า คละไปกับเสียงหอบหายใจหนักๆ พร้อมกับการคว้ามือแกร่งไปกุม “ฉันอยากให้นายกอดฉัน สัมผัสฉันอีก โอเมก้าฮีทน่ะ…แค่นี้ไม่พอ”
กาคุกัดฟันตัวเองแน่น คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความคับแค้นใจ รู้สึกโกรธตัวเองที่ยังต้องทำร้ายร่างกายนี้อีกไปเรื่อยๆ ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกระหว่างเขาทั้งสองคน กาคุอยากให้มันดีกว่านี้ แต่เพราะสัญชาตญาณของตัวเขาที่มันถูกปลุกจนไฟราคะโหมกระพือมันยากที่จะดับลงโดยง่าย
“แล้วนายจะต้องเสียใจที่เลือกแบบนี้”
ดวงตาสีเทาไม่มีแววล้อเล่นหรือใจดีแฝงอยู่ มีเพียงความหม่นแสงที่แสดงออกถึงสัญชาตญาณความน่ากลัวที่ถูกปลุกให้ตื่น ยิ่งได้ยินเสียงหอบถี่ ครวญครางของคนใต้ร่าง ร่างกายก็ยิ่งปั่นป่วน ยิ่งได้มองใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาและแก้มที่แดงจัด ความร้อนรุ่มในกายก็ไม่อาจลดทอนลงไปได้สักนิด
อยากสัมผัส อยากกอดรัด อยากทำให้ร่างกายตรงหน้าเป็นของๆ ตัวเองให้มากที่สุด ทุกที่ ทุกส่วน
คนที่กาคุมั่นใจแล้วว่ายังไงก็คือคนที่ใช่
“ชอบนาย ตั้งแต่แรก…ที่พบ”
ร่างสูงโปร่งชะงักเล็กน้อย คนเดิมที่เหมือนจะหายไปค่อยๆ กลับคืนมาบ้าง ใบหน้าชื้นเหงื่อผุดรอยยิ้มอ่อนโยน เอื้อมมือไปประสานกับมือหนา โน้มกายลงบดเบียดกับร่างสูงพอกันข้างใต้จงใจปัดปลายจมูกให้เฉียดแก้มแดง เคลื่อนไปกดจูบที่ใบหู
“อา ฉันก็เหมือนกัน”
ไม่รู้ว่าเย็นนี้นจะอีกยาวนานไหมสำหรับริว รู้เพียงว่าแม้จะเจ็บปวดเพียงใด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธร่างกายนี้ได้ ในทางตรงกันข้าม กลับต้องการมากขึ้นๆ ความเข้ากันได้ดีเกินไประหว่างพวกเขามันทำให้กลัวว่าจะหยุดไม่ได้ ราวกับโดนเสน่ห์และพละกำลังอันมากล้นของอัลฟ่าเข้าครอบงำจิตใต้สำนึกไปหมด เสน่ห์ของโอเมก้าที่มีไว้สำหรับคู่ของตนก็ทำให้กาคุไม่สามารถหยุดยั้งได้
เขาเองก็ต้องการสัมผัสร่างกายนี้มาแต่แรก
สัมผัสมากมายที่กาคุมอบให้พาให้ริวสะท้านเฮือก ซุกหน้ากับหมอนแน่น ฝ่ามือจิกเกร็งเข้ากับหมอนนุ่มจนมันยู่ยี่ ปลายเท้าทั้งสองจิกเกร็งกับเตียงจนขึ้นข้อขาว ขากว้างอ้าออกอย่างเชิญชวนให้เห็นช่องทางรักที่ขมิบถี่เร่งให้อีกคนเร่งเข้ามาภายใน กาคุกลืนน้ำลายลงคอและไม่รอช้าทันที
“อ๊าาาา!!”
เพียงแค่นิ้วของกาคุริวก็ร้องลั่น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ขยับบิดตัวเร้าตอดรัดนิ้วเรียวอย่างรุนแรงบ่งบอกว่าเจ้าตัว..ต้องการมากกว่านี้
“ฮื่อ…กาคุ”
ช่องทางที่ฉ่ำแฉะเพราะน้ำรักของกาคุเมื่อครู่และน้ำหล่อลื่นของอีกคนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่าอีกคนต้องการมากขนาดไหน กายสีแทนบิดเกร็งอย่างทรมาน ริมฝีปากพร่ำเรียกชื่อกาคุไม่หยุดปาก
น่าทำให้แหลกคามือ
ความคิดที่กาคุคิดไปพลางมองใบหน้าชื้นเหงื่อ ปากสั่นระริก ดวงตากำลังปล่อยหบดน้ำเม็ดโตให้อาบไปตามแก้มเนียน ร่างกายที่กระตุกเกร็งทุกครั้งที่กาคุกดนิ้วสัมผัสช่องทางนุ่มหยุ่น ริวก็ยิ่งกัดปากแน่น ช่องทางบีบรัดนิ้วเรียวจนกาคุอยากจะแทกกายใส่ร่างตรงหน้าหนักๆ
“กาคุ.. ฮื่ออ มะ..ไม่เอานิ้ว ของนาย…เอาของนาย”
เสียงครางต่ำระงมของคนทั้งสองลอดออกมาจากริมฝีปากเมื่อความร้อนใหญ่โตสอดใส่ช่องทางอุ่นร้อน แรงบีบรัดจากผนังรอบด้านแทบทำให้กาคุไม่กล้าจะขยับ แต่ร่างข้างใต้กลับเป็นฝ่ายขยับสะโพกเข้าออกเองจนกาคุครางอืม ความเสียดเสียวมากพอกับความสุขสมจนต้องคว้าร่างข้างใต้มากอดแน่น
“ฮ่า.. ฮึก! ลึก เข้ามาอีก แรงอีก”
เสียงสั่นๆ แหบๆ พร้อมกับขาทั้งสองที่โอบเกี่ยวเอวสอบของกาคุไว้ ทั้งยังยกสะโพกตัวเองขึ้นจนกาคุสามารถสอดแทรกความเป็นตัวเองได้ลึกขึ้นจนแทบจะปลดปล่อย เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งห้องจนหูอื้ออึง ใบหน้าหล่อคมเชิดขึ้นยันมือข้างหนึ่งกับเตียงแล้วสวนกายเข้าหาคนใต้ร่างไม่หยุด
“นาย..ยั่วมาก ริว”
สวบๆๆ
“อ๊ะๆๆ!!”
ริวร้องลั่น ขบกรามแน่นเมื่อความร้อนที่อยู่ในกายสัมผัสโดนจุดที่ทำให้เขารูสึกดี กาคุที่เหมือนจะรู้ดีก็ยิ่งขยับกระทบจุดนั้นมากขึ้น มืออีกข้างคว้าเข้าที่กลางลำตัวอีกคนใช้ปลายนิ้วขยี้ส่วนปลายปริ่มน้ำจนริวยิ่งบิดกายด้วยความเสียวซ่านและความสุขที่ท่วมท้นเข้ามา เปล่งเสียงครวญครางให้กาคุยิ่งชอบใจ
“จะ..จะถึง… กาคุ!!”
ไม่นานเกินรอ คนที่ถูกกระทำก็เบิกตากว้างเมื่อแท่งไฟร้อนถูกถอนจนสุดแล้วเข้ามาทีเดียว สองมือจิกลงบนผ้าปูเตียงแน่น ครางรับในลำคออย่างพึงพอใจเมื่อความอุ่นร้อนฉีดพ่นเข้ามาภายใน แกนกายของริวเองก็มาถึงปลายทางจนเลอะเต็มมือกาคุ
“นายน่ารักมาก..ริว”
ไม่รู้ว่าภายในคืนนี้พวกเขาทั้งสองจะเรียกร้องชื่อกันและกันไปกี่ครั้ง สำเร็จความต้องการกันไปกี่ครั้งและมากน้อยแค่ไหน ทุกอย่างมันแค่รู้สึกดีและโล่งแบบที่สุดจนหัวสมองไม่ต้องการจะนึกคิดเรื่องอื่นใดอีก มีเพียงความต้องการในร่างกายของกันและกันเท่านั้นที่สัญชาตญาณสั่งให้สมองรับรู้
แม้ข้างในจะอึดอัดและร้อนจนแทบบ้าแต่กลับไม่อยากให้ความร้อนรุ่มนั้นถอดถอนออกไปแม่แต่น้อย ยังคงเดินหน้าต่ออย่างบ้าคลั่งราวไม่รู้จุดสิ้นสุด เสียงครางหวานที่ลั่นออกมาจากลำคอแม้จะเริ่มแหบแห้งจนไร้เสียงแต่ก็สามารถเค้นมันออกมาได้พร้อมกับเสียงสะอื้นเจ็บปวดและหยดน้ำตาอีกมากมายที่ไม่อาจสั่งให้หยุดไหล
แม้ร่างกายที่แสนบอบช้ำนั้นจะหมดสติไป แต่กลับถูกปลุกให้ตื่นขี้นมาใหม่ได้อย่างไรก็ไม่อาจทราบ วนรับสัมผัสหวามและความเสียดเสียวเกินห้ามใจรอบแล้วรอบเล่า ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่สำหรับค่ำคืน
ที่เหมือนจะแสนยาวนานนี้ที่ความต้องการและความกระหายหยาดหยดนี้ถึงจะหมดไป พร้อมกับคำพร่ำบอกรักมากมายที่ฟังไม่รู้เบื่อ
เจ็บปวดทรมานทั้งกายเจียนตาย แต่ก็มีความสุขจนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งที่ยังหายใจ
ความอบอุ่นข้างกายเป็นสิ่งที่ปลุกกาคุให้ตื่นขึ้นจากนิทรา นานมากแล้วที่กาคุไม่ได้นอนกอดใครสักคน พอแค่ขยับตัวก็รู้สึกได้ถึงร่างกายอุ่นนุ่มและกลิ่นหอมหวานที่ชวนให้หลงใหลกาคุก็แทบอยากจะตื่นมาสัมผัสร่างข้างกายอีกครั้ง
ดวงตาสีเทาคมกริบมองคนที่ซุกอกตัวเองหลับสนิทอย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนที่จะจูบลงที่เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มตรงปลายคางตัวเอง ใบหน้าที่ยังมีเค้าแววอิดโรยกวาดมองสำรวจไปรอบห้องที่เขาแทบไม่ได้สนใจในทีแรก นาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว
“เวร! สึกิเนะ…”
กาคุจำใจละออกจากร่างที่กำลังกอดกกอยู่ จัดการแต่งตัวลวกๆ แต่พยายามให้เรียบร้อยที่สุดก่อนจะก้าวออกจากห้องของริวไปอย่างแผ่วเบา เพราะห้องของริวอยู่ชั้นล่างติดกับห้องนั่งเล่น ทันทีที่กาคุก้าวขาออกมานอกห้องได้ เขาก็ต้องพบกับบุคคลไม่คุ้นหน้าสองคนที่นั่งอยู่ และอีกหนึ่งคนที่คุ้นหน้าดี
สองคนที่ไม่เคยเห็น เป็นชายหญิงดูมีอายุ โครงหน้าที่คล้ายริวทำให้กาคุรู้ว่าทั้งสองคงจะเป็นพ่อแม่ของริวแน่ๆ ส่วนอีกคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่สาวของเขาเอง
“งามหน้ามากนะกาคุ มีอะไรจะอธิบายไหม”
แม้จะยังสงสัยว่าพี่สาวเขามาถึงที่ไหนได้อย่างไร แต่ตอนนี้ประเด็นนั้นไม่ใช่เรื่องที่กาคุจะหยิบมาแก้ตัวได้ซักนิด ร่างสูงโปร่งจัดเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อยก่อนจะโค้งให้สองผู้อาวุโสกว่าตนแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างพี่สาวของเขาที่นั่งตรงโซฟาตรงข้ามพ่อแม่ริว แล้วการไต่สวนก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น
ดูท่ากาคุคงจะไม่ได้นอนง่ายๆ แน่คืนนี้
……………………………………….
เช้าวันใหม่มาเยือนด้วยแสงอาทิตย์อบอุ่น ร่างสูงใหญ่ใต้ผืนผ้าห่มอบอุ่นขยับตัวเล็กน้อย ปลายจมูกรั้นได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟลอยมาแตะจมูกจนต้องสูดจมูกฟุดฟิดอย่างลืมตัว
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงนุ่มทุ้มจะว่าคุ้นก็ไม่คุ้นดังขึ้นเหนือหัว ริวขยับหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เปลือกตาบางพยายามเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เริ่มเปิดรับภาพเบื้องหน้าได้แจ่มชัดทีละน้อยจนมองเห็นคนที่เอนตัวพิงหัวเตียงในมือถือแก้วกาแฟส่งกลิ่นหอมกรุ่นทำเอาริวผงะเขยิบตัวถอยทันที
“กาคุ เอ้ย คุณกา..”
“ไม่ทันแล้วริว ฮะๆ”
กาคุเอื้อมตัวเอาแก้วกาแฟไปวางที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีกคนแล้วดึงเข้ามากอดแนบอก ริวตัวแข็งทื่อแทบจะกลั้นหายใจยามที่ใบหน้าของตัวเองชนเข้ากับแผงอกขาวซีดของอีกฝ่าย แม้กาคุจะใส่เชิ้ตคลุมไว้แต่กลับไม่ยอมจดกระดุมซักเม็ด ริวลอบขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจับสัมผัสตัวเองก่อนจะรู้สึกว่าตัวเขายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าซักชิ้น
หัวสมองริวทำงานหนักขึ้นมาทันที พยายามนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น กาคุมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วสภาพนี้ได้อย่างไร แต่ยิ่งแนบชิดอีกคนมากเท่าไหร่ เหมือนว่ากลิ่นฟีโรโมนที่ติดตัวกาคุจะทำให้ริวเริ่มนึกออก
ฝ่ามือหนารีบยกขึ้นตะปบคอตัวเองทันที กาคุก้มมองท่าทางนั้นพร้อมกับหลุดขำจนริวต้องเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังขำตัวเองไม่หยุด
“กาคุ..”
“ยังไม่ได้กัดครับ” กาคุว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือขาวเกลี่ยผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายออกเบามือ “รอวันที่นายพร้อมกว่านี้”
คนฟังเบิกตาออกเล็กน้อย ภาพความทรงจำเมื่อวานเย็นเริ่มย้อนเข้ามาในหัวบ้างแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นอาการแสบๆ ที่คอทำให้เขารู้ว่าเมื่อวานคงจะครางออกมาหนักขนาดไหน ลำพังแค่เรียกชื่อกาคุเมื่อครู่ริวยังรู้สึกแสบไปหมด
“ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว เรื่องพ่อของฮาคุสึ” กาคุเอ่ยออกมาเรียบๆ กระชับแขนที่กอดอีกคนไว้แน่นขึ้น ริวนิ่งไม่พูดอะไร เพียงซบหัวลงที่อกอุ่น “เด็กคนนั้นเกิดจากความไม่ตั้งใจสินะ”
“อื้ม แต่ฉันก็รักเขานะ ยังไงฮาคุก็มีเลือดเนื้อของฉัน” ริวหลุบตาลงเล็กน้อย ภาพความทรงจำในอดีตเมื่อ 9 ปีก่อนย้อนเข้ามาเล็กน้อยจนดวงตาหม่นแสงลง ความเลวร้ายที่สุดของชีวิตในการเป็นโอเมก้าของตัวเองในตอนนั้นทำให้ริวแทบจะฆ่าตัวตายไปแล้ว ร่างกายที่ถูกสัมผัสแบบไม่ได้จำยอมเลยแม้แต่น้อยเป็นดั่งตราบาปของเขา ซ้ำร้ายคืออีกสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่ตามมา
แต่ในความโชคร้ายนั้น มีเรื่องโชคดีมาอยู่บ้างเมื่อครอบครัวของทางฝั่งนั้นคิดรับผิดชอบ ในระหว่างที่ริวตั้งท้องอยู่พ่อแม่ของอัลฟ่าคนนั้นจะคอยส่งเงินและอาหารดีๆ มาให้เสมอ ทั้งยังมาเยี่ยมเขาที่บ้านประจำ ผิดกับลูกชายของบ้านที่ตั้งแต่ขืนใจริวเสร็จก็ไม่เคยเหลียวแล รู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่เจ้าตัวไปมีเรื่องกับอัลฟ่าคนอื่นจนเสียชีวิตไปในที่สุด
พอฮาคุสึเกิด พ่อแม่ของฝั่งนั้นก็ยังคงมาเยี่ยมและช่วยดูแลหลานชายตัวน้อยกันใหญ่ ฮาคุสึยังมีคนที่เรียกว่าปู่กับย่า ริวไม่ได้ตัดขาดกับทางนั้นเสียทีเดียว เพียงแต่ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อกันมากมาย ถ้าอยากมาหาหลานเมื่อไหร่เขาก็ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว และนอกจากเรื่องที่ครอบครัวฝั่งนั้นยอมรับริว นั่นก็คือการที่ริวไม่ถูกการตีตราด้วยการถูกกัด
เพราะฉะนั้นแม้จะมีฮาคุสึอยู่ทั้งคน แต่ริวก็ยังมีโอกาสที่จะหาคู่ชีวิตของตัวเองเจอ ยังมีโอกาสที่จะได้เจอคนที่คิดว่าใช่ที่สุดของชีวิต..
และคนๆ นั้นก็คือคนที่ริวกำลังกอดอยู่ตอนนี้
“ฮึก..” ริวสะอื้นออกมาเบาๆ กระชับแขนที่โฮบรอบตัวกาคุไว้แน่นก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ
ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า แต่เป็นน้ำตาที่แสดงถึงความดีใจ
กาคุยกมือลูบผมอีกคนช้าๆ แม้จะไม่พูดอะไรแต่กาคุก็เข้าใจดี โอเมก้าคนหนึ่งที่ถูกข่มขืนจนต้องตั้งท้อง แม้จะไม่ถูกสร้างพันธะแต่ก็เหมือนถูกกักกันอิสรภาพไปเรียบร้อย ไม่ใช่เพียงแค่ฮาคุสึที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันริวจากอัลฟ่าคนอื่น แต่ก็ยังเป็นริวเองด้วยที่กีดกันตัวเองออกจากอัลฟ่าคนอื่นเช่นกัน
แม้แต่ตัวกาคุเองที่คิดว่าตัวเองคงไม่มีวันจะเอาชีวิตไปผูกติดกับใคร และยังไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาแต่แรกว่ามีอยู่จริง แต่เมื่อใครคนนั้นได้มาอยู่ต่อหน้าก็พาให้หัวใจที่เหี่ยวเฉามานานของกาคุได้พองโตขึ้นเหมือนมีคนมาหยิบยื่นหยดน้ำให้ ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นและมั่นใจว่าคนตรงหน้าคือคนที่ใช่ตั้งแต่สบตา ก็ไม่อยากจะคาดคิดว่าเป็นคู่โชคชะตาของตัวเอง
“นี่” ริวร้องเสียงอู้อี้ในคอ ก่อนจะดันตัวขึ้นจนใบหน้าชนเข้ากับอีกฝ่าย
“หืม?”
“ตรงนี้น่ะ กัดสิ” ว่าพลางใช้จับมืออีกคนให้ปลายนิ้วไล้ที่ซอกคออย่างยั่วยวน ดวงตาสีทองจรดมองที่ริมฝีปากที่เผยอออกของกาคุ “ให้ฉันเป็นของนาย”
กาคุจัดการกดอีกคนให้นอนคว่ำตัวลงแทบจะทันที ริวเบ้หน้าเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แม้จะรู้สึกใจหายไปบ้าง แต่ริวเองมั่นใจแล้วว่าหลังจากนี้เขาพร้อมจะมอบช่วงชีวิตที่เหลือให้ใคร
“ชีวิตของนายนับจากนี้ ฉันจะรับไว้เอง”
กึด!!
“อื้อ!”
ริวขบกรามแน่นครางอื้ออึงในลำคอ เมื่อซอกคอสัมผัสได้ถึงฟันคมที่กัดลงมาอย่างแรง กลิ่นคาวเลือดแทนที่กลิ่นหอมของกาเฟอีนใกล้ๆ น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาช้าๆ กาคุยังคงไล่วนเลียปากแผลไม่หยุดจนแสบไปหมด แต่นอกจากความเจ็บแสบนั้นคือริวรู้สึกดี
“ฝากด้วยนะครับ ยาโอโตเมะ กาคุ”
………………………………………..
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ในโรงเรียนประถมเป็นเสียงหนึ่งที่กาคุยังไม่ค่อยพิสมัยมันเท่าใด แม้ว่าหลายเดือนมานี้เขาจะรับหน้าที่มารับหลานชายเป็นประจำทุกวัน แต่จนแล้วจนรอดกาคุก็ยังไม่ชิน ร่างสูงโปร่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสอดส่องมองหาคนสำคัญของตัวเองจนคิ้วขมวดมุ่น รออีกซักพักร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยถึงเริ่มวิ่งมาไกลๆ ให้เห็น
“อา.. ขอโทษทีกาคุ พอดีติดงาน”
ริวหยุดลงที่หน้าโต๊ะตัวเดิมระหว่างพวกเขา กาคุยักไหล่มุ่ยหน้าหันหนีทำเป็นไม่สนใจคนที่มาช้ากว่าเวลาไป 15 นาที
“เห อย่างอนสิ มันสุดวิสัย”
“เปล่างอน”
ถึงปากจะพูดอย่างนั้น แต่ใบหน้ากลับแสดงในทางตรงกันข้าม ริวขำเบาๆ กับท่าทางที่เหมือนเด็กแบบนั้นจนกาคุยิ่งมุ่นคิ้วมากขึ้น เอื้อมมือไปคว้าอีกคนให้เข้ามานั่งข้างๆ ก่อนจะตวัดมือโอบรอบเอวหนาของอีกคนไว้แนบกายโดยไม่สนสายตาใคร
“ก..กาคุ นี่มันโรงเรียน”
“ใครสน” ไม่ว่าเปล่า ยังกดปลายจมูกเข้ากับลาดไหล่กว้าง ก่อนจะเลื่อนปลายจมูกซุกซนไปที่ใต้คางจนริวครางอืม หลับตาพริ้ม แต่ก่อนที่คนเอาแต่ใจจะหยามใจไปมากกว่านี้ เสียงเรียกเล็กๆ ทำให้ทั้งสองคนชะงัก
“คุณอาครับ นี่มันโรงเรียน”
ริวผละออกจากกาคุอย่างรวดเร็ว แก้มซับสีเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกชายกำลังจ้องเขม็งมองอย่างปลงไม่ตก ส่วนเด็กอีกคนก็ยกมือปิดตาโดยที่เปิดช่องระหว่างนิ้วดูน่ารักน่าเอ็นดู
“เรา..เรากลับกันเถอ– อุบ!”
ดวงตาสามคู่พากันหันไปมองริวอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่กาคุจะเอ่ยถามอะไร ริวก็วิ่งหนีไปอีกทาง ฝ่ามือยกปิดปากตัวเองแน่น ผู้ชายอีกสามที่เหลืออยู่จึงรีบพากันวิ่งตามริวไปอย่างรวดเร็ว
“อุ่ก! แค่กๆ อึก…อือ”
ริวยกมือเช็ดไปตามมุมปาก กาคุเข้ามาประคองไว้พลางลูบหลังไปพลางๆ เด็กน้อยอีกสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ริวและกาคุเองก็ไม่พูดอะไรเพียงเม้มปากแน่น เหม่อมองไปรอบๆพักหนึ่งก่อนที่ริวจะหันตัวมาหากาคุด้วยใบหน้าแดงๆ
“กาคุ…”
“รู้ครับ”
รอยยิ้มกว้างฉายขึ้นบนใบหน้าของคู่รัก ริวกระโดดเข้ากอดอีกคน กาคุหัวเราะออกมาเบาๆ โอบแขนกอดตอบริวเอาไว้ ไม่ต้องพูดอะไร คนที่มีประสบการณ์ทั้งสองก็เข้าใจได้อย่างดี
ความรักของพวกเขาไม่ใช่ความผิดพลาด รวมถึงพยานรักนับจากนี้ในอีก 9 เดือนที่จะออกมาลืมตาดูโลกก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาดเช่นกัน เป็นสัญลักษณ์ที่จะผูกเกี่ยวเขาทั้งสองเอาไว้ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
..ตลอดไป
“อานายนี่ร้ายชะมัดสึกิคุง”
“แม่นายก็เหมือนกันแหละน่าฮาคุคุง คิกๆ”
จัดไป 49 หน้าเวิร์ดค่ะ 14000+ คำ แบบยังไม่ได้ตรวจทานน ไม่ไหววววว เยอะเกินนนนนนนนนนนนน ไม่ตรวจแล๊ววววว //หมดแรงงง