[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] Hug

 

Hug
Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke
Type : One shot

________________________________

 

4 องศา

ริวโนะสุเกะที่โผล่หัวและฝ่ามือออกมาจากใต้ผ้าห่มเพื่อคว้าโทรศัพท์มือถือมากดดูอุณหภูมิตอนนี้มันทำให้เขาสั่นนิดๆ ความจริงที่ได้รับรู้ของระดับอุณหภูมิทำให้ริวรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะมันหนาวมากเกินไปจนทำให้เขาแทบจะนอนไม่ได้แม้ว่าผ้าห่มที่คลุมทับตัวเองจะหนามากก็ตาม

โทรศัพท์เจ้ากรรมเองก็ดันเย็นเจี๊ยบเสียจนริวแทบจะปล่อยมือทันทีที่เขาคว้ามันเมื่อครู่ แต่สิ่งที่ทำให้ริวรู้สึกหนาวจริงๆ ไม่ใช่อุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ หรือมือถือที่เย็น หรือห้องที่ไม่ได้ติดฮีทเตอร์ของเขา แต่เป็น…ความว่างเปล่าของเตียงขนาดใหญ่ที่พอนอนได้สองคน

ทุกทีริวไม่ได้นอนคนเดียว เขาจะมีใครอีกคนที่นอนอยู่ด้วยข้างๆ เสมอ แม้ร่างกายของเขาคนนั้นจะไม่ได้อวบหนาที่พอจะให้ความอบอุ่นอะไรได้มาก เผลอๆ ริวยังตัวใหญ่กว่าด้วยซ้ำ แต่ริวคิดและรู้สึกเสมอว่าอ้อมกอดของเขาคนนั้นที่ใช้มันกอดเขาเวลานอนด้วยกันมันอบอุ่นที่สุด

แต่ตอนนี้มันว่างเปล่า…

ริวมองข้างกายด้วยสายตาสลดเล็กน้อย เวลาตอนนี้คือตีสองแล้ว และอุณหภูมิจะยิ่งลดลงไปอีกห่างเข้าใกล้เช้ามืด

ร่างสูงใหญ่โงหัวขึ้นจากเตียง ผ้าห่มผืนหนายังคงห่อหุ้มร่างกายจนตัวริวดูเป็นก้อนกลมๆ อะไรสักอย่าง แถมยังมีแต่ใบหน้าเท่านั้นที่โผล่ออกมา ร่างกายที่ปกติก็สูงใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งพันรอบตัวด้วยผ้าห่มแบบนี้ก็ยิ่งดูตัวใหญ่เข้าไปอีก

ฝ่าเท้าภายใน้ถุงเท้าหนาย่ำลงกับพื้นแผ่วเบา ชายผ้าห่มลากไปกับพื้นยามที่ริวก้าวเดินไปข้างหน้า ดวงตาสีทองทอดมองไปเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย คิดถึงใครอีกคนที่ควรจะนอนอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับไม่มี

นอกห้องนอนของริวยังคงเปิดไฟสว่าง จนร่างสูงต้องหยีตาลงเพื่อปรับแสง ดวงตาสีทองกวาดมองไปภายในห้องนั่งเล่นที่มีชุดโซฟากับโต๊ะเตี้ยวางอยู่กึ่งกลาง ห้องนี้อุ่นกว่าห้องนอนของริว เหตุผลก็เพราะมันมีฮีทเตอร์ตัวหนึ่งอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นริวก็ยังไม่คิดจะลดผ้าห่มลง

ร่างสูงใหญ่รีบสาวเท้าถี่ๆ ไปที่โซฟาตัวเขื่อง ภาพที่สะท้อนเข้าสู่สายตาทำให้ริวอดจะระบายยิ้มจา
งๆ ออกมาไม่ได้ เขาค่อยๆ นั่งลงที่พื้นข้างโซฟาโดยเอาผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่รองไว้ ทอดมองคนที่จมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งนิทรา ทั้งที่แว่นตากรอบสวยยังคงคาอยู่บนใบหน้า แผ่นกระดาษมากมายกองเกลื่อนที่พื้น บางแผ่นกองอยู่บนแผ่นอกที่ขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ

นิ้วเรียวยาวยื่นไปลูบใบหน้าขาวจัดที่ดูจะซีดลงกว่าเดิม คงเพราะอากาศที่หนาว ริมฝีปากที่มักจะแต้มสีชมพูจางประดับบัดนี้ก็ซีดลง สองแขนที่กอดเข้าหากันไว้สั่นนิดๆ แม้จะมีผ้าห่มคลุมอยู่ทอดหนึ่ง แต่มันไม่ได้พอที่จะให้ความอบอุ่นเท่าไหร่เลย

“กาคุนี่นะ ทำงานหนักเกินไปแล้ว” ริวว่าพลางเอื้อมมือไปถอดแว่นตาให้ออกจากใบหน้าของกาคุอย่างแผ่วเบา “จะนอนก็ถอดแว่นก่อนสิ”

บ่นไปก็ยิ้มไป มือก็วางแว่นตาลงกับโต๊ะเตี้ยที่ยังมีเอกสารวางอยู่เกลื่อน แผ่นกระดาษรอบๆ ถูกริวรวบไว้ด้วยกันแล้วเก็บไว้บนโต๊ะนั่นเช่นกัน ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนเพื่อมองคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง

ดีที่โซฟานี้มันใหญ่ กาคุตั้งใจซื้อมาเผื่อว่าครั้งไหนที่พวกเขาเหนื่อยจัดๆ จากการทำกิจกรรมบางอย่างแล้วอยากจะนอนมันซะตรงนี้ก็จะได้ไม่มีปัญหาว่ามันจะเบียดกันจนตกโซฟา

ริวพาร่างที่กำลังคลุมโปงผ้าห่มผืนใหญ่ของตัวเองไต่ขึ้นไปนอนบนตัวของกาคุ มือที่กำผ้าห่มไว้เพื่อปิดช่องทางไม่ให้ร่างกายได้รับความหนาวกางออกน้อยๆ เพื่อกอดอีกคนที่กำลังนอนอยู่ ให้ได้รับความอบอุ่นจากผ้าห่ม…และตัวของริวเอง

“อืม..”

กาคุครางรับในลำคอเบาๆ ริมฝีปากประดับรอยยิ้มจางๆ พลางขยับตัวออกไปด้านนอกโซฟาอีกเล็กน้อยเพื่อให้ริวได้ซุกตัวเข้าไปด้านในอย่างรู้งาน ถ้าไม่ติดว่าลมหายใจยังคงสม่ำเสมอ ริวคงคิดว่ากาคุคงตื่นขึ้นมาแล้ว…ล่ะมั้ง

วงแขนข้างที่ยังเป็นอิสระของกาคุโอบล้อมกอดก้อนความอบอุ่นข้างตัวเอาไว้ ศีรษะอิงซบกับกลุ่มเส้นผมนุ่มที่มาคลอเคลียใต้คาง ปลายจมูกโด่งคมกดสูดดมกลิ่นหอมจากแชมพูเข้าเต็มปอด ออกแรงกระชับวงแขนตัวเองที่กอดความอบอุ่นส่วนตัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราต่อ

“ทำเนียนหลับเชียวนะ ฮะๆ”

ริวว่าอย่างขำๆ รอยยิ้มอ่อนโยนแต่งแต้มบนเรียวปาก ซุกหน้าเข้ากับแผงอกแกร่งข้างกาย ขยับนิดๆ อย่างออดอ้อนราวกับทักทายกับความอบอุ่นที่โหยหามานาน แขนข้างหนึ่งกระชับกอดคนที่กำลังก่ายกอดเอาไว้แล้วเริ่มคล้อยหลับไป

อุณหภูมิ 4 องศาเริ่มไม่มีผลกับริวและกาคุเสียแล้ว ความอบอุ่นที่ร่างกายทั้งสองนี้แผ่ให้กันและกันได้กลบความหนาวเย็นรอบกายไปจนหมด เสมือนมีกองไฟเล็กๆ ถูกจุดขึ้นระหว่างทั้งสอง ให้ความอบอุ่นห้อมล้อมเอาไว้ ไม่ให้ความเย็นได้มีโอกาสแทรกผ่านเข้ามา

ต่อให้ผ้าห่มจะหนาขนาดไหน มีสิ่งที่ช่วยให้ความอบอุ่นอย่างไร แต่ก็คงไม่มีผ้าห่มผืนไหนและสิ่งไหนจะมอบความอบอุ่นไปได้ดีกว่าอ้อมกอดจากคนพิเศษของตัวเองอีกต่อไปแล้ว

 

กอด…

 

“กาคุ อย่าทิ้งฉันให้นอนคนเดียวอีกนะ”

“อื้ม จะไม่ทิ้งอีกแล้ว สัญญา”

 

…ด้วยกันตลอดไป

 

________________________________________

 

มาด้วยฟิคสั้นๆ กับอากาศหนาวเหน็บให้เจ็บใจสำหรับคนโสดค่ะ 5555555555 ม่ายยยยมีคู่แล้วไงงง จะพิสูจน์ให้เห็นเองว่า “ผ้าห่มสามชั้นก็อุ่นเฟ้ยยยย!!” (นี่มันคนนกแล้วพาลล)

ภาคเหนือยังหนาวอยู่เลยค่ะ นะหว่างนี้กอดตุ๊กตาซุกผ้าห่มไปพลางๆ ก่อนก็ได้ ส่วนสองคนในฟิคก็ปล่อยเขาไปค่ะ 555 เมอรี่คริสมาสต์ย้อนหลังนะคะ! ฟิคนี้ถือเป็นของขวัญละกันค่ะ ฮาาา ❤️🎄

 

 

[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] Christmas’s Present

Christmas’s Present
Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke
Type : One shot

____________________________________________

 

นิไคโด ยามาโตะกำลังยืนหาวหวอดๆ โดยไม่สนว่าจะกำลังมีใครมองเขามาอยู่หรือไม่ หนุ่มวัย20กว่า ใบหน้าที่สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมไว้ยืนทำหน้าเหนื่อยหน่ายอยู่ข้างชายอีกคนที่กำลังขมวดคิ้วยุ่ง ยืนมองชั้นวางของตรงหน้ามาร่วมหลายสิบนาที

“เลือกได้ยัง”

ยามาโตะจำไม่ได้แล้วว่าเขาถามคำถามนี้กับยาโอโตเมะ กาคุมากี่รอบ แล้วรู้สึกว่ารอบหลังๆ ยามาโตะก็จะไม่ได้คำตอบเสียด้วย

“นายช่วยฉันคิดทีสิ”

“ฉันจะรู้เรอะ”

“อย่างน้อยนายก็ชอบกินเหล้ากับหมอนั่น”

“เฮ้อ”

ยามาโตะถอนหายใจเฮือก วันนี้เป็นวันหยุดของเขา และในวันหยุดที่อากาศเย็นจัดเข้าข่ายติดลบเพราะหิมะที่โปรยตัวลงมาเขาควรจะได้นอนซุกหมอน ผ้าห่มอุ่นๆ สบายใจอยู่ที่ค่ายมากกว่าที่จะต้องแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ก่อน 9 โมงเพื่อมาเป็นเพื่อนซื้อของให้กับกาคุ

เขาคิดอย่างนั้นเพราะวันนี้มันก็เป็นเหมือนวันหยุดปกติสำหรับยามาโตะ แต่พวกคนที่มีคนพิเศษทั้งนั้นนั่นแหละที่ดูจะอยู่ไม่เป็นสุขกัน

ต้นสนต้นใหญ่หรือว่าต้นคริสต์มาสประดับไฟแสงสีที่อยู่ภายนอกห้างหรือตามสถานที่สวยๆ ยามาโตะมองมันจนเบื่อพอสมควร เพราะตั้งแต่เข้าเดือนธันวาคมมาก็จะเริ่มเห็นเจ้าต้นเขียวๆ แดงๆ นี่ประดับเต็มไปหมด ไม่ต้องพูดถึงวันนี้ที่เป็นวันคริสต์มาสพอดีหรอกนะว่าจะเยอะและจัดเต็มขนาดไหน

หนุ่มแว่นสอดมือเข้ากระเป๋าเสื้อสเวทเตอร์หนาของตัวเอง พยายามปรือตามองไปตรงหน้าเพื่อคัดสรรสิ่งที่กาคุอยากจะได้

“นายอยากได้แบบไหน” ยามาโตะดันแว่นแล้วถามอีกคน

“ฉันไม่รู้”

“อ้าว”

คนถูกลากออกมาเป็นฝ่ายขมวดคิ้วยุ่งมองคนข้างๆ บ้าง พวกเขาเสียเวลาออกมาเดินวนอยู่ในห้างที่เป็นโซนขายเหล้ามาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่กาคุก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลือกได้สักที

“ก็ฉันชอบกินเหล้าที่ไหน ไปกินเวลาออกงานทีก็คือมีคนมาเสิร์ฟให้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอะไรเป็นอะไร แล้วริวชอบกินอะไรแบบไหนก็ไม่รู้ อีกอย่างหมอนั่นขอแค่เป็นเหล้าเข้าปากก็ได้หมด”

“งั้นก็หยิบๆ ไปสักขวดจากตรงนี้เถอะ”

“ไม่เอาเว้ย! เอาอันดีๆ สิ”

นิไคโดแทบจะหันไปงับหัวทายาทยาโอโตเมะ ดวงตาที่หรี่เล็กอยู่แล้วหรี่เล็กลงไปอีก กาคุเลิกสนใจเขาแล้วหันไปมองเหล้าตรงหน้าสลับกับหน้าจอโทรศัพท์ที่เจ้าตัวเปิดหาข้อมูลไปด้วย พอได้เห็นความตั้งใจของอีกคน ยามาโตะจึงเลิกที่จะต่อล้อต่อเถียงกับกาคุต่อ เริ่มให้ความสนใจกับขวดเหล้ามากมายที่เรียงกันตรงหน้า

“ก็จริงอยู่ที่ว่าเหล้าขึ้นห้างพวกนี้มันก็ของดี แต่มันก็เป็นของนอกซะส่วนใหญ่ล่ะนะ” ยามาโตะว่าพลางลูบครางครุ่นคิดไปด้วยจนกาคุละสายตามามองคนข้างๆ “แต่ถ้าอยากได้เหล้าดีๆ อย่างที่บอก ก็พอจพรู้จักล่ะนะ แต่ราคาแพงหน่อย สนใจไหม?”

กาคุไม่ตอบอะไร เพียงมองคนตรงหน้าด้วยแววตามีความหวัง ก่อนจะรีบดึงแขนยามาโตะออกไปจากตรงที่ยืนอยู่ทันที

 

แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่เป็นวันหยุดที่ผู้คนไม่ค่อยจะอยู่บ้าน สภาพการจราจรในโตเกียวก็ยังเลวร้ายเหมือนเดิม ยามาโตะไม่ได้สนใจมากนัก เขาเพียงนั่งเท้าคางกับขอบหน้าต่างปรือตาคล้ายจะหลับมิหลับแหล่ที่เบาะข้างคนขับ แต่คนที่กระตือรือร้นอย่างกาคุกลับมีท่าทางฉุนเฉียวไม่น้อยที่ไม่ได้ไปไหนนอกจากติดแช่ตรงไฟแดง

ถึงจะดูนิ่งๆ โหดๆ ปากก็ร้าย แถมยังดูชอบแกล้งริวให้คนนั้นคนนี้เห็น แต่จริงๆ แล้วหมอนี่ก็รักริวมากที่สุด

จริงๆ เรื่องที่กาคุจะหาซื้อของขวัญคริสต์มาสให้ริวเจ้าตัวมาปรึกษายามาโตะซักพักแล้ว แต่เพราะงานที่รัดตัวทำให้กาคุไม่มีโอกาสได้ออกมาหาซื้อ จนกระทั่งเมื่อวานตอนค่ำที่กาคุโทรมาหายามาโตะพร้อมกับบอกว่าเขายกเลิกงานหลังจากคริสต์มาสจนถึงปีใหม่ทั้งหมด จึงกลายเป็นว่าวันนี้กาคุจึงต้องรีบออกมาหาซื้อของขวัญในขณะที่ริวยังคงต้องไปถ่ายแบบอยู่

ดูจากสภาพกาคุตอนนี้ก็รู้ว่าเมื่อคืนคงแทบไม่ได้นอน เช้านี้ก็ยังต้องแหกหูแหกตามาหาซื้อของอีก นับถือใจคนมีความรักจริงๆ

นั่งคิดขำๆ ไปเพลินๆ กาคุก็พารถยนต์ของตัวเองมาหยุดอยู่หน้าร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่นร้านหนึ่งหรือที่ว่าอิซากายะ กาคุก็พอจะรู้จักอยู่บ้างเพียงแต่เขาไม่เคยมานั่งดื่มที่นี่ แต่ดูจากหน้าร้านแล้วเหมือนมันจะปิดสนิท

“นิไคโด มันเปิดเหรอ” กาคุหันมาถามพลางมุ่นคิ้วตีหน้าโหดขึงใส่

“ใจเย็นๆ น่า อย่าเพิ่งทำหน้าโหด” คนถูกคาดคั้นยกโทรศัพท์มาแนบหู มองไปทางประตูร้านที่ปิดสนิท “เจ้าของร้านนี้ฉันรู้จัก เมื่อกี้ส่งเมลล์บอกไปแล้ว”

ตอบคำถามของกาคุเสร็จ ยามาโตะก็พูดอะไรบางอย่างกับคนปลายสายอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะได้รับสัญญาณว่าให้ลงไปได้ กาคุจึงเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว

ประตูไม้ที่ปิดสนิทเมื่อครู่ถูกเปิดออกจากข้างใน ชายร่างสูงสมส่วนท่าทางเป็นมิตรยกมือทักทายไปทางยามาโตะก่อนจะหันมาโค้งทักทายให้กาคุเล็กน้อย

“เชิญเลย”

กลิ่นเหล้าลอยมาแตะจมูกกาคุเมื่อพาร่างตัวเองเข้ามาภายในร้านได้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเปิดของร้าน โต๊ะเก้าอี้ทุกตัวจึงถูกเก็บอย่างเรียบร้อย บริเวณด้านในของเคาน์เตอร์ร้านเต็มไปด้วยขวดเหล้ามากมายหลายชนิดจนลัลานตาเหมือนกับที่อยู่ในห้างไม่มีผิด กาคุมองขวดพวกนั้นด้วยสีหน้ามึนๆ จนยามาโตะและเพื่อนของเขาหลุดขำ

“นี่ จิเก็น เพื่อนฉันเอง เจ้าของร้านนี้”

“ยาโอโตเมะ กาคุครับ”

“ผมรู้จักคุณน่า ยินดีต้อนรับนะครับ”

กาคุยิ้มให้จางๆ แล้วนั่งบริเวณบาร์เคาน์เตอร์ของร้าน ไม่นานนักขวดสาเกสีขาวแต้มลายอ่อนหรือทคคุริถูกวางลงตรงหน้าของยามาโตะ เจ้าตัวฉายรอยยิ้มสว่างสดใสออกมาก่อนจะรินของเหลวที่อยู่ในขวดใส่โอโจโกะแล้วกระดกใส่ปาก

“ฮี่ๆ อร่อยเหมือนเดิม”

จิเก็นส่ายหน้าน้อยๆ ดวงตาเลื่อนออกจากเพื่อนจอมขี้เมาแล้วเพ่งมองกาคุที่กำลังจ้องขวดเหล้าแต่ละชนิดด้วยความสนใจ

“อยากได้เหล้าไปให้คนพิเศษสินะครับ”

กาคุหลุดจากภวังค์ พยักหน้าหงึกให้กับชายตรงหน้าที่เริ่มทำหน้าตาครุ่นคิด

“คนพิเศษของคุณเขาชอบดื่มใช่ไหม”

“ครับ”

“เขาพอรู้เรื่องดีกรีเหล้า แล้วก็ชนิดใช่ไหม”

“อา ใช่ครับ”

“เพราะงั้นก็เลยอยากให้เหล้าดีๆ แต่คุณไม่รู้สินะ?”

กาคุพยักหน้ารับอีกรอบ จิเก็นเพียงยกยิ้มนิดๆ มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าหากไม่ใช่คอสุราแล้วจะไม่รู้เรื่อง ดื่มน่ะมันดื่มได้ สาเกที่เรียกที่ได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆ มันก็พอรู้ แต่ถ้าให้เจาะลึกก็คงไม่ขนาดนั้น

จิเก็นเดินไปหลังร้าน โดยแทบไม่มองขวดเหล้าที่วางเรียงรายใกล้ๆ กาคุเอียงคอมองคนที่เดินหายลับไปด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองยามาโตะที่ยังจิบสาเกสบายใจอยู่ข้างตัว

“ไว้ใจได้ หมอนั่นรู้เรื่องเหล้าดีกว่าเรื่องสภาพลมฟ้าอากาศของวันนี้ซะอีก”

ไม่นานเกินรอคนที่หายไปหลังร้านก็เดินออกมาพร้อมขวดเหล้าและแก้วอีกสามใบ กาคุเอียงคอมองนิดๆ แต่ก่อนจะได้ถามอะไร ทั้งขวดเหล้าและแก้วก็ถูกวางตรงหน้า ก่อนที่ถังน้ำแข็งเล็กๆ และขวดน้ำอีกสองขวดจะถูกวางตามจากลูกจ้างของร้านที่เดินตามมาด้วย

“การดื่มเหล้าน่ะ จะให้อร่อยก็ต้องกินกันเยอะๆ จะให้คนพิเศษของคุณดื่มคนเดียวก็คงเหงาแย่ ผมจะสอนคุณด้วยเหล้าที่จะให้เอาไปให้เขาเลยละกัน”

ยามาโตะเบิกตาเล็กน้อยก่อนหลุดขำพรืดในลำคอออกมา กาคุมีท่าทางตกใจไม่น้อย ก็จริงอยู่ที่กาคุไม่ใช่คนที่ไม่กินเหล้าเลย แต่ก็ไม่ได้ชอบมากขนาดที่จะนั่งกินเป็นล่ำเป็นสัน ดวงตาเรียวเล็กกดมองขวดเหล้าตรงหน้ากาคุก่อนจะต้องเลิกคิ้วอีกครั้ง

“เหล้าดีมากเลยนะ”

“โชจูของดีจากโอกินาว่าเลยล่ะ”

สิ้นคำของจิเก็น บทเรียนการเริ่มสอนดื่มก็ตามมา ของเหลวสีขาวใสกลิ่นหอมนวลจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นแอลกอฮอล์นั้นทำให้กาคุสนใจไม่น้อย เพราะกาคุน่าจะยังมือใหม่ ขวดน้ำเปล่าเย็นๆ ที่ถูกนำมาด้วยจึงถูกรินใส่ในแก้ว ตามด้วยโชจูสีใส ดื่มไป พูดคุยไป ก็หมดแก้ว ก่อนที่จะเริ่มรินใหม่แต่เปลี่ยนจากน้ำเย็นเป็นน้ำร้อนแทน

กับแกล้มเริ่มถูกนำมาเสิร์ฟทีละจาน จนกาคุเริ่มเพลิน ยามาโตะเองก็ไม่พลาดที่จะมีโอกาสได้ลิ่มรสกับเหล้าชั้นดีแบบนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวชอบ จนเหล้าแก้วที่สามสำหรับกาคุก็ตามมาต่อ น้ำแข็งก้อนเล็กสองสามก้อนด้วยสูตรแบบ on the rock ถูกใส่ลงในแก้ว ด้วยสูตรนี้กาคุถูกสั่งให้จิบช้าๆ เพื่อให้ซึมซับถึงความนุ่มนวลในรวชาติของโชจู เจ้าตัวก็ดูจะถูกใจไม่น้อย

จนกระทั่งแก้วที่สามหมดไป กาคุก็ฟุบคาโต๊ะทันที จิเก็นและยามาโตะมองกาคุที่ฟุบลงไปยิ้มๆ สำหรับมือใหม่ที่ไม่ได้คอแข็ง โชจูถือเป็นเหล้าดีกรีแรงอยู่ไม่น้อย มานั่งกินสามแก้วติดกันแบบนี้ได้นับว่ามีความอดทนอยู่ระดับหนึ่ง

อะวาโมริโชจู ถือเป็นของดีของโอกินาว่านับเป็นเหล้าโชจูยอดฮิตไม่น้อยสำหรับคอดื่ม ถ้าเพียงต้องการแค่รสชาติและให้ตัวเองได้มีโอกาสสัมผัสโชจูดีๆ ทั่วไปก็นับว่ามีขายกันอยู่ค่อนข้างมาก แต่ไม่ใช่สำหรับขวดที่กาคุจะได้นำเอาไปให้ริวในวันนี้

“แบบที่ให้คุณดื่มยังเป็นแบบเบาๆ นะครับ ฮะๆ” จิเก็นยิ้มอารมณ์ดี แม้กาคุจะเงยหน้ามามองด้วยสายตาดุๆ ก็ตาม “แต่ถ้าคนพิเศษของคุณคอเหล้าอยู่แล้ว ก็อยากจะแนะนำอันดีๆ ที่ร้านผมมีอยู่สองขวด ผมจะขายขวดหนึ่งให้คุณ เป็นอะวาโมริชั้นดี บ่มมา 15 ปีเลยนะ”

“15 ปี!? ของดีมากนะนั่น” ยามาโตะตาโต หูผึ่งทันที

ส่วนกาคุที่ยังมึนๆ อยู่บ้างก็พยายามจะตั้งใจฟังสิ่งที่จิเก็นพูด

“รับรองว่าคนพิเศษของคุณจะต้องชอบรสชาติมัน แต่ราคาสูงหน่อย คุณยอมจ่ายไหม?”

กาคุยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าที่ฟุบกับแขนเชิดขึ้น ยืดตัวตรงมองจ้องตอบจิเก็นอย่างไม่มีความลังเล

“เท่าไหร่ ว่ามา”

……………..

 

ตกเย็นกาคุพายามาโตะมาส่งที่ค่ายโดยสวัสดิภาพ กว่าจะรอให้สร่างเมาได้แทบจะเย็นย่ำมากแล้ว แถมยังตกปากรับคำพ่อหนุ่มแว่นไปอีกว่าไว้จะหาโอกาสพาไปเลี้ยงเหล้าดีๆ ขอบคุณ ยามาโตะยิ้มแฉ่งยอมรับข้อตกลงแต่โดยดี

รถยนต์คันหรูสีดำวาววับจอดสนิทอยู่ที่หน้าบ้านริว เพราะวันนี้ตัวเจ้าของบ้ายบอกว่าจะจัดปาร์ตี้คริสต์มาสเล็กๆ ที่บ้าน แขกอีกสองก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเท็นและอาเนะซากิ

กาคุเอี้ยวตัวไปด้านหลังที่มีกล่องใส่ขวดเหล้าผูกโบว์อย่างดีนอนนิ่งอยู่ ลมหายใจถูกผ่อนออกมาน้อยๆ เมื่อนึกถึงราคาที่กาคุจ่ายไปกับมัน

ก็เอาเถอะ ปีนึง ครั้งนึง อีกอย่างริวก็เป็นคนสำคัญสำหรับเขา

“กาคุ!!”

เจ้าของบ้านร้องอย่างอารมณ์ดีเมื่อคนที่เดินเปิดประตูเข้าบ้านมาเป็นคนที่เขากำลังรอ ริวกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหากาคุก่อนจะเข้าไปควงแขนอีกคนไว้โดยไม่ได้มองเลยว่าแขกคนสำคัญถืออะไรติดมือมาด้วย

“นี่ๆๆ ฉันเตรียมอาหารไว้เยอะเลย เครียดแทบตายนึกว่าจะทำไม่ทัน ดีนะที่งานเสร็จไว เลยกลับมาเตรียมงานทัน” ริวฟ้องให้กาคุฟัง แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้ฉายแววกรุ่นโกรธหรือไม่พอใจ ดูเจ้าตัวจะสนุกกับมันเสียด้วยซ้ำ

ร่างสูงโปร่งผุดยิ้มเล็กน้อย เหลือบมองกล่องของขวัญในมือก่อนจะหันไปประจัญหน้ากับริวเขม็ง จนคนถูกมองเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“อะไรเหรอ..”

“สุขสันต์วันคริสต์มาส”

กาคุว่าพร้อมกับส่งกล่องของขวัญทรงยาวไปไว้ในมือริว คนรับเบิกตาค้างด้วยความตกใจ มองของในมือสลับกับหน้ากาคุสองสามรอบ เอ่ยถามเสียงสั่น

“ก..กาคุ อะไรอะ”

“เปิดสิ”

ริวไม่รอช้า รีบแกะโบว์และกระดาษห่อออกให้เรียบร้อยที่สุด กล่องไม้อัดเรียบๆ ปรากฏแก่สายตา กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยออกมาทำให้ริวยิ่งเบิกตามากขึ้นไปอีก ฝ่ามือใหญ่สั่นเล็กน้อยยามที่เอื้อมเปิดฝากล่องออก

“…นี่มัน”

คนรับของขวัญเม้มปากแน่น ยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากไว้ก่อนจะมองหน้าคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงข้ามด้วยดวงตาแดงๆ

“มัน..มันแพงมากไหมอะ กาคุไปหา..มาจากไหน คือฉันว่า… ฉันไม่…”

กาคุดันอีกคนจนชิดกับโต๊ะอาหาร ริวต้องเขยิบตัวขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเล็กน้อยเพราะกาคุที่แทรกตัวเข้ามาจนน่าหวาดเสียว ฝ่ามือสั่นๆ ของริวพยายามประคองกล่องใส่ขวดเหล้าชั้นดีในมือไว้ไม่ให้ตก จดจ้องดวงตามองสบอีกคนที่มองมา

“ฉันตั้งใจซื้อมาให้นาย ไม่ต้องปฏิเสธหรอก”

“แต่ว่า…”

“เอาไว้ดื่มด้วยกัน”

“แต่ฉันไม่มีของขวัญให้นายเลย”

ริวก้มหน้างุด นอนกล่องเหล้าไว้กับโต๊ะ ท่าทางสลดหู่ลู่หางตกของริวทำให้กาคุรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก ฝ่ามือขาวซีดยกขึ้นลูบแก้มสีแทนแล้วเชยขึ้นให้มองตาตัวเองอีกรอบ

“นายเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับฉันแล้วริว”

ประโยคที่พาให้ใจคนฟังวูบไหวไม่น้อยจนน้ำตารื้น ริวพึมพำไร้เสียงเป็นชื่ออีกฝ่าย ก่อนที่ริมฝีปากจะได้รับการเติมเต็มความอบอุ่นจากอีกคน ลิ้นร้อนบดเบียดเข้าไปในโพรงปากของริวอย่างชำนาญ รสชาติของโชจูที่กาคุดื่มเข้าไปยังคงติดอยู่จนริวเผลออ้าปากรับสัมผัสของอีกคนอย่างเผลอไผล

วงแขนกว้างโอบรอบแผ่นหลังของกาคุ ลูบไล้ไปมาเพื่อระบายความกระสันที่ได้จากรสจูบเร่าร้อน กาคุรุกอีกคนหนักขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเกยตัวตามขึ้นโต๊ะ ถ้าหากริวไม่เป็นฝ่ายเลื่อนนิ้วเรียวมาขวางกั้นระหว่างริมฝีปากหยุดรสจูบร้อนแรงไว้เสียก่อน

“เรายังมีปาร์ตี้ กาคุ”

“เฮ้อ…”

“นายดื่มมาด้วยสินะ อร่อยรึเปล่าล่ะ”

“ก็ดีมั้ง แต่ฉันไม่ชอบอยู่ดี”

ริวยกยิ้มมุมปาก ผลักอีกคนเบาๆ แล้วคว้ากล่องเหล้าที่วางไว้ข้างๆ มากอดแน่น ดวงตาสีทองมีประกายแววยั่วเย้าเล็กน้อยหันมามองกาคุ จนคนถูกจ้องเลือดในกายสูบฉีดขึ้นมา

“นายว่าถ้าเหล้านี่อยู่บนตัวฉัน มันจะอร่อยไหม”

ร่างสูงใหญ่ว่าเท่านั้น ขยิบตาแล้วเดินออกไปจากห้องที่จัดเลี้ยง กาคุสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไม่รู้เขาคิดไปเองว่าไหมว่าท่าเดินของริวเมื่อครู่มันยั่วยวนเขาเสียจนอยากจะกระโจนตะครุบให้อยู่ใต้ร่างเสียวินาทีเมื่อครู่

กาคุแทบไม่อยากจะอยู่รอจนจบปาร์ตี้เลยสักนิด เจ้าหมาป่าขี้ยั่ว

 

__________________________________

 

ยังไม่คริสต์มาสหรอกเนอะ แต่พล็อตมาก็เขียนเลยแล้วกันน แรงบรรดาลใจฟิคตอนนี้มาจากรูปปฏิทินค่ะ (ใช่ปฏิทินไหม) รูปนี้ๆๆ

image

เห็นกาคุถืออะไรกล่องยาวๆ แล้วมันนึกเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากขวดเหล้า ทรงสูงๆ แบบนี้มันควรจะเป็นอะไรเหรอคะ!? ไม่รู้อะ จะกาวววว กาวแบบนี้แหละ!!

สำหรับตอนนี้ลำบากนิดหน่อยตรงหาเหล้าของญี่ปุ่น หาจนตาแฉะเลยค่ะ ขอบคุณหลายๆ เว็บสำหรับข้อมูลนะคะ จะแปะเว็บไว้ ใครสนใจลองไปอ่านได้นะคะ สนุกดี อิอิ

https://surathai.wordpress.com/2011/05/15/sochu-awamori/

https://matcha-jp.com/th/2578

เคยสงสัยกันไหมว่า สาเกญี่ปุ่น โซจู ( เหล้าเกาหลี ) โชจู ( เหล้าญี่ปุ่น ) มันแตกต่างกันยังไง

[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] Bond, Heart, Destiny (18+)

 

Bond, Heart, Destiny

Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke

Type : AU fic | Short fic 1 / 2

Theme : ABO verse

________________________________________________________________

 

 

ในโลกที่สังคมถูกแบ่งชนชั้นโดยมนุษย์ที่เกิดมาเป็นอัลฟ่า เบต้าและโอเมก้า ทุกอย่างมันดูจะง่ายดาย ถ้าหากไม่ใช่ว่าโอเมก้ามีจำนวนน้อยที่สุด

 

เพราะเหตุนั้น โอเมก้าจึงได้รับการดูแลที่ดีจากสังคมทั้งภาครัฐและเอกชน คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าโอเมก้าเป็นเพียงเครื่องมือมนุษย์ที่ไว้กำเนิดบุตรหรือสำเร็จความใคร่ของอัลฟ่า และอัลฟ่าเองก็ไม่ใช่ผู้ที่สามารถกดขี่พวกเขาได้เช่นกัน

 

ทุกชนชั้นเท่าเทียมกัน นอกเสียจากว่าสัญชาตญาณของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกปลุกขึ้นมาให้ข่มอีกฝ่ายลง

 

เรื่องราวเหล่านี้ถูกแทรกในบทเรียน อยู่ในเนื้อหาการเรียนการสอนของเด็กๆ ตั้งแต่สมัยประถม เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงสภาพของตนและขอบเขตสิทธิที่จะไม่ไปล่วงเกินคนอื่น เด็กๆ อัลฟ่าส่วนใหญ่ล้วนไม่มีใครรังแกโอเมก้าที่อ่อนกำลังกว่า แต่ถ้าหากมีอัลฟ่าเกเรคนไหน พวกเขาก็พร้อมที่จะช่วยเพื่อน

.

.

เสียงร้องไห้โยเยของเด็กวัย 8 ขวบดังขึ้นที่ท้ายโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใบหน้าเล็กน่ารักขาวซีดแต่ที่แก้มขวากลับมีรอยแดงช้ำอยู่บนใบหน้า มุมปากมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย และตามแขนขาเองก็เต็มไปด้วยแผลถลอกอีกมากมาย

 

“ข..ขอร้อง อย่าทำผม…”

 

เสียงเล็กๆ เอ่ยอย่างสั่นเทา ดวงตาสีฟ้าจางคลอหน่วยหยดน้ำตาเงยมองเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน 2-3 คนที่กำลังยืนล้อมตัวเองด้วยความกลัว ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลพยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ถูกฝ่ามือแข็งแรงกว่าผลักให้ล้มลงไม่เป็นท่าอีกรอบ

 

“หึ! เป็นแค่โอเมก้าคิดจะมาสั่งพวกเราเหรอ!?”

 

“ม..ไม่ใช่นะ”

 

โอเมก้าตัวน้อยผวามากขึ้นเมื่อถูกตวาดใส่เสียงดัง ดวงหน้าเล็กยู่ลงด้วยความกลัว แขนทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้แน่นเผื่อว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง ภาพสุดท้ายจากสายตาของตัวเองก่อนจะตัดสินใจหลับตาปี๋คือเพื่อนอัลฟ่า 2-3 คนนั้นกำลังจะกรูใส่ตนเอง

 

“อย่าทำผ–”

 

“เฮ้ย!! จะทำอะไรน่ะ!!”

 

เสียงไม่คุ้นหูดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล เด็กน้อยโอเมก้าปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยหมายจะดูใบหน้าของบุคคลที่เข้ามาช่วยตนเองไว้ แล้วก็ต้องหลับตาปี๋ลงไปอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกร้าวของอัลฟ่าที่มาหาเรื่องตนเอง

 

“นายมายุ่งอะระ— อั่ก!!”

 

“เฮ้ย!!”

 

พลั่ก!! ผัวะ!! ตุ้บ!!

 

“อ่อก…!”

 

“อ๊ากก….!!”

 

“จะไปไหนก็ไป แล้วอย่าได้คิดมารังแกโอเมก้าแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าฉันอัดพวกนายเละกว่านี้แน่!!”

 

เสียงเล็กแต่ก้าวร้าวไม่น้อยดังขึ้นให้ดังที่สุดเท่าที่จะดังได้ ดวงตาสีทองกลมโตถลึงมองอัลฟ่า 2-3 คนที่มาหาเรื่องโอเมก้าตรงหน้าที่กำลังพยายามกึ่งเดินกึ่งคลานออกจากตรงนี้ไป หลังจากโดนเขาปล่อยหมัดปล่อยเข่ากระแทกหน้ากระแทกตัวไปคนละหมัดสองหมัด

 

สุดท้าย ก็ไม่มีอัลฟ่ารุ่นราวคราวเดียวกันคนไหนที่จะยอมสู้ได้จริงๆ สักคน ดีแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า พอเจอตัวจริงเข้าสักหน่อยก็หนีหางจุกตูดกันไปหมด

 

เด็กหนุ่มตาสีทองยกมือปาดมุมปากที่โดนต่อยสวนมาเมื่อกี้เล็กน้อย ก่อนจะก้มมองโอเมก้าตัวเล็กที่ยังนั่งตัวสั่น หลับตาแน่น ยกมือทั้งสองปิดหูด้วยความกลัวไม่ไกล

 

“นาย พวกมันไปแล้ว ไหนมีแผลตรงไหนบ้าง”

 

ท่าทางก้าวร้าวเมื่อครู่หายไปพริบตา ร่างที่ดูสูงกว่าโอเมก้าคนนี้นั่งยองลงตรงหน้าพลางเอื้อมมือไปจับแขนอีกคน โอเมก้าน้อยสะดุ้งโหยงเมื่อถูกสัมผัสจนเผลอถอยหลังไป แต่เมื่อลืมตาและพบว่าไม่ใช่พวกที่มาหาเรื่องตนจึงยอมสงบลงแต่โดยดี

 

“ข..ขอบ..ขอบบคุณ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างทุลักทุเล ร่างกายยังคงสั่นไม่หยุด “นายเป็น…อัลฟ่า?”

 

“ใช่” เด็กหนุ่มตาสีทองเผยรอยยิ้มอารมณ์ดีออกมา ไม่ได้สนใจเลยว่าอีกคนตรงหน้ากำลังหวั่นวิตกเพราะความเป็นอัลฟ่าของตัวเองรึเปล่า “ไปกันเถอะ นายต้องไปทำแผล”

 

เจ้าของดวงตาสีฟ้าจางกลมโตกะพริบปริบมองอัลฟ่าตรงหน้าที่ยื่นมือมาให้ตนเองจับ มือขาวซีดนั่นยังคงสั่นอยู่แต่ก็เบาลงมากแล้วเมื่อเทียบกับครั้งแรก เด็กน้อยอัลฟ่าไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิดที่อีกคนมีท่าทางอึกอักใส่แบบนี้ เพราะเขาเข้าใจว่าอีกคนเพิ่งโดนอัลฟ่าเหมือนกันหาเรื่องมา จะให้เชื่อใจอัลฟ่าที่ไหนไม่รู้อีกคนก็คงเป็นเรื่องยาก

 

แต่แค่อีกคนยอมส่งมือมาจับกับมือเขาแล้วเดินตามต้อยๆ มาด้วยกันแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว

 

“ฉันชื่อ ฮาคุสึ … ‘สึนาชิ ฮาคุสึ’ ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

……………………………………….

 

 

รถเก๋งสีขาวขับแล่นเข้ามาจอดบริเวณที่จอดรถภายในโรงเรียนประถมอย่างคุ้นเคย เจ้าของรถดูไม่ได้รีบร้อนลงจากรถเท่าไหร่นัก เขาค่อยๆ จัดของที่วางระเกะระกะในรถเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกมาจากรถด้วยท่าทางสบายๆ เส้นผมสีน้ำตาลตัดสั้นถูกจัดทรงแบบลวกๆ กับกระจกรถตัวเองก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั้นจะเดินไปทางตึกใหญ่ของโรงเรียน

 

ใช้เวลาไม่นาน สึนาชิ ริวโนะสุเกะ ก็มาถึงหน้าตึก เขานั่งลงที่เก้าอี้ม้านั่งตรงข้ามตึกโต๊ะเดิมที่เขามักจะมานั่งรอเป็นประจำ สายตาก็พยายามสอดส่องเข้าไปภายในตึกเพื่อรอใครบางคนเดินออกมาแล้ววิ่งมาหาเขาดังเช่นทุกที

 

แต่ผ่านไปร่วม 20 นาทีก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนที่ริวโนะสุเกะมารอจะเดินออกมา

 

ทีแรกก็นึกว่าอาจจะยังไม่เลิกเรียน แต่เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับเด็กกลุ่มหนึ่งที่ริวโนะสุเกะจำได้ว่าเป็นเด็กนักเรียนร่วมห้องของ ‘ลูกชาย’ ของเขาพากันวิ่งโร่ออกไปแล้ว แต่ทำไมลูกชายของเขายังไม่ออกมากัน

 

ความสงสัยปนเป็นห่วงเริ่มทำให้ร่างสูงนั่งไม่ติดเก้าอี้

 

ในจังหวะที่กำลังตัดสินใจจะก้าวเข้าไปในตึกริวก็ต้องชะงักเสียก่อน เมื่อเห็นครูสาวที่แสนคุ้นเคยซึ่งเป็นครูประจำชั้นของลูกชายกำลังเดินออกมาที่หน้าตึกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย ก่อนที่เธอเองจะสังเกตเห็นริวเข้าพอดีเช่นกันจึงเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหา

 

“เอ่อ ครูครับ…”

 

“เชิญคุณริวมาที่ห้องได้เลยค่ะ”

 

ริวยกยิ้มเฝื่อนหน้าถอดสีขึ้นทันทีแล้วเดินตามครูสาวไปอย่างง่ายดาย จากใบหน้าที่เป็นกังวล ตอนนี้กลายเป็นสีหน้าปลดปลงแทน ริมฝีปากพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้หน้าที่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองสามที่เขาถูกครูประจำชั้นของลูกชายเรียกตัวไปแบบนี้ มันเกือบจะสิบรอบได้แล้วตั้งแต่ขึ้นประถม 2 มาในเวลาเพียงแค่ครึ่งเทอม

 

ภายในชั้นเรียนแทบจะเงียบสงบ อาจเป็นเพราะว่านักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปจนหมดแล้ว ที่เหลือในห้องแต่ละห้องก็เหลือเพียง 3-4 คนเท่านั้นสำหรับเวรทำความสะอาดประจำวัน ริวไม่ได้ใส่ใจมากนักแล้วเดินตามครูประจำชั้นของลูกชายไปตามเส้นทางที่ไปยังห้องพักครูอย่างคุ้นเคย

 

บานประตูเลื่อนถูกเปิดออกโดยครูสาว ริวผงกหัวขอบคุณให้เธอก่อนเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีทองกวาดมองภายในห้องหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเข้ามาในห้องนี้อีกรอบทันทีและไม่นาน สายตาก็สะดุดเข้ากับกลุ่มผมสีดำขลับอันแสนคุ้นเคย กำลังนั่งกอดอกหน้ามุ่ยบนเก้าอี้อย่างที่ริวคิด

 

“แม่…”

 

เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ ดวงตาสีทองส่อแววติดเบื่อนิดๆ ก่อนจะยู่ปากแล้วส่ายหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณที่บอกให้ริวรู้ว่ารอบนี้ตัวเขาไม่ได้เป็นคนผิด

 

ริวหัวเราะเบาๆ กับท่าทางนั้นก่อนจะหันไปทางครูสาวที่เดินมาอยู่ข้างๆ “เรื่องมันเป็นยังไงครับ”

 

เธอส่งยิ้มให้ริวเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเปิดปากเล่า “รอบนี้ฮาคุคุงก็คงไม่ผิดจริงๆ นั่นแหละค่ะคุณริว”

 

“หืม?” ริวหูผึ่งขึ้นทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยินมาหยกๆ

 

“เขาไปช่วยเพื่อนโอเมก้าที่ถูกทำร้ายไว้น่ะค่ะ แต่ถึงจะรุนแรงไปหน่อยก็เถอะ…”

 

“แล้วครูจะให้ผมทำไงล่ะครับ ให้พูดปรัชญาข้อห้ามอย่าทำร้ายโอเมก้าตามหนังสือเรียนงั้นเหรอครับ พวกนั้นคงฟังผมหรอก”

 

“ฮาคุ” ริวหันกลับไปปรามคนที่เถียงแย้งขึ้นมากลางปล้องด้วยน้ำเสียงดุๆ ดวงตาสีทองหรี่มองเด็กน้อยที่นั่งห่างออกไป จนเจ้าตัวเล็กหงอยลงไปทันที

 

ครูประจำชั้นของฮาคุได้แต่ส่งยิ้มเฝื่อนออกมา มันก็เป็นจริงแบบที่ฮาคุพูด สำหรับอัลฟ่าที่ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่แล้วคิดทำร้ายโอเมก้าแบบนั้น ให้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันพูดเตือนกันไปก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ดันโชคร้ายที่ว่าเด็กพวกนั้นมาเจอกับฮาคุ เด็กน้อยชนชั้นอัลฟ่าที่ดูจะชอบใช้กำลังตัดสินไม่น้อย บางทีถ้าเป็นเด็กคนอื่นก็คงไม่ใช้วิธีนี้แน่ๆ

 

“แล้ว…พ่อแม่ของเด็กที่โดนฮาคุทำร้ายล่ะครับ”

 

“พวกเขาบอกจะไม่เอาผิดฮาคุค่ะ เพราะเขารู้ว่าลูกของพวกเขาผิดเองจริงๆ แล้วก็ไม่อยากให้เรื่องดังด้วยก็เลยรับกลับไปแล้ว”

 

ริวขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็อยากจะขอโทษพ่อแม่ของเด็กพวกนั้นที่ลูกของเขาไปก่อเรื่องไว้

 

“แล้วโอเมก้า…”

 

“ถ้าสึกิคุงเขาไปห้องน้ำกับคุณอาเขาอยู่ครับ!”

 

“ฮาคุ.. แม่คุยกับครูอยู่นะครับ”

 

ริวหันหน้าไปอย่างเชื่องช้าปรามต่ำเด็กที่พูดแทรกเขามาเป็นรอบที่สอง ลูกชายตัวเล็กยิ้มแหยๆ ยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ทำเมินแม่และครูของตนเองที่มองมา ครูประจำชั้นสาวส่ายหน้านิดๆ แม้จะหลุดขำออกมาเล็กน้อยก็ตาม

 

ในห้องเรียน ฮาคุแทบไม่เคยจะสนใจฟังครูคนไหน เรียกได้ว่าเป็นเด็กดื้อคนหนึ่ง แต่พอกับแม่ของตัวเองกลับยอมแต่โดยดีแบบนี้ นับว่าเป็นภาพน่ารักๆ ที่ครูสาวรู้สึกชอบใจเล็กๆ เสียดายก็แค่อย่างเดียว…

 

ครืด…

 

เสียงบานประตูเลื่อนห้องพักครูดังขึ้น ดึงความสนใจของคนสามคนในห้องได้เป็นอย่างดี ระหว่างบานประตูที่เปิดออกปรากฏร่างของชายร่างสูงโปร่งดูดีในชุดกึ่งทางการ ข้างกายเขามีเด็กตัวเล็กๆ อีกคนที่มีผิวขาวซีดพอกันกำลังยืนมองตาแป๋วเข้ามาข้างใน

 

ริวจ้องมองคนที่ยืนหน้านิ่งบอกบุญไม่รับอยู่สักพักใหญ่ ภาพเส้นผมสีเทาอ่อนรับกับดวงตาสีเทาเข้มและผิวขาวซีดที่แทบจะกลืนกันไปหมดนั้นสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา พาให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งอีกคนอยู่ในชุดสีเข้มที่มันตัดกับสีผิวของเจ้าตัวแล้วยิ่งดูดีไม่น้อย

 

“ฮาคุคุง ผมกลับมาแล้ว”

 

เสียงเล็กน่ารักดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กๆ นั้นที่วิ่งเข้ามาในห้องพักครูอย่างรวดเร็ว ริวละสายตาออกจากชายคนนั้น มองตามเด็กตัวเล็กที่พุ่งไปหาลูกชายของตัวเองที่นั่งบนเก้าอี้ซึ่งกำลังส่งรอยยิ้มกว้างตอบกลับคนที่เรียกตัวเองอย่างอารมณ์ดี ร่างสูงโปร่งของผู้ปกครองที่มาด้วยกันนั้นเหมือนพยายามจะเอ่ยห้ามแต่สุดท้ายก็ไม่ทัน

 

“สึกิคุง นี่แม่ของฮาคุคุงจ้ะ สวัสดีรึยัง”

 

“อ๊ะ! ขอโทษครับ” เด็กที่ถูกเรียกว่า สึกิ รีบละความสนใจจากเพื่อนของตนแล้วหันหลังกลับมาหาริวทันที “สวัสดีครับ ‘ยาโอโตเมะ สึกิเนะ’ ครับ เป็น..เป็น…เป็นหลานคุณอากาคุครับ!”

 

เสียงเล็กแหลมนั้นตอบอย่างกระตือรือร้น หลังจากโค้งหัวให้ก็ชี้ไปด้านหลังของริว นั่นทำให้ริวรู้ว่าที่แท้ฝ่ายนั้นก็คือคุณอาของเด็กที่ฮาคุเข้าไปช่วยไว้

 

“สวัสดีครับ” ริวยิ้มตอบกลับด้วยทาทางใจดี

 

“ฮาคุไม่ได้โดนคุณแม่ดุใช่ไหมครับ”

 

“ไม่ดุ แม่ใจดี เนอะๆ” ฮาคุว่าพลางเงยหน้ามองแม่แล้วส่งยิ้มแป้นให้ ริวเพียงส่ายหน้านิดๆ แล้วครางรับในคออย่างจนใจ

 

“เอ่อ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรแล้ว ที่เรียกคุณริวมาก็แค่อยากให้รับทราบไว้ ครั้งนี้ฮาคุก็ไม่ได้เกเรอะไร แต่ก็ช่วยปรามๆ เรื่องใช้กำลังหน่อยนะคะ”

 

“ทราบแล้วครับ”

 

เด็กน้อยที่ถูกพาดพิงถึงมุ่ยหน้าเบ้ปากอยู่บนเก้าอี้ โดยที่เพื่อนคนใหม่ของตนที่ยืนอยู่ตรงหน้าส่งเสียงหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีกับท่าทางไม่สบอารมณ์ของฮาคุ เด็กหนุ่มอัลฟ่าจึงได้แต่มองเด็กอีกคนแบบเคืองนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

 

“ไปกันฮาคุ ต้องซื้อของเข้าบ้านอีก”

 

“ครับผม”

 

“ไปก่อนนะครับครู ขอบคุณมากนะครับ สวัสดีครับ” ริวโค้งศีรษะให้ครูสาวเล็กน้อย มือใหญ่กอบกุมมือเล็กของลูกชายไว้เตรียมเดินออกจากห้อง ถ้าไม่ติดว่าที่ตรงประตูยังมีร่างของใครบางคนยืนขวางไว้อยู่

 

กาคุสินะ…?

 

“ขอทาง…”

 

“ผมคุยด้วยหน่อย”

 

ท่าทางเรียบตึงของอีกฝ่ายทำให้ริวชะงักไม่น้อย มือที่กุมมือลูกชายของตนไว้เผลอบีบเข้าหากันแน่นจนเด็กน้อยข้างกายต้องเงยหน้ามองแม่ของตน

 

มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่โอเมก้าจะรู้สึกหวั่นเกรงกับอัลฟ่า แม้ว่าในสังคมนี้จะมีการคุ้มครองปกป้องและรักษาสิทธิ์ของโอเมก้าอย่างดี แต่ในเรื่องของสัญชาตญาณ ยังไงโอเมก้าก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อัลฟ่าทุกทาง

 

ริวก้มหน้าเล็กน้อย ยืนรออีกครอบครัวบอกลาครูประจำชั้น สองแม่ลูกยืนหลบทางเล็กน้อยปล่อยให้กาคุและสึกิเนะเดินนำไปก่อนแล้วริวถึงค่อยเดินตาม แม้ฮาคุจะรู้สึกไม่ชอบเล็กน้อยที่ต้องมาเดิมตามหลังแบบนี้แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ในใจจะอยากเดินไปคุยกับเพื่อนใหม่ที่อยู่ด้านหน้า แต่อาการแม่เขาตอนนี้น่าเป็นห่วงมากกว่า

 

พอเหมือนตัวเองจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอัลฟ่า ก็หน้าซีดตัวลีบเล็กลงไปถนัดตา

 

ริวเป็นโอเมก้าที่ห่างหายการใกล้ชิดกับอัลฟ่ามานานมาก ถ้าไม่นับลูกชายของตัวเอง แม้แต่กับพ่อของเด็กคนนี้ก็ตาม เพราะฉะนั้นการที่จู่ๆ ก็ต้องมาใกล้ชิดกับอัลฟ่าที่ดูน่าเกรงขามและมีเสน่ห์มากถึงเพียงนี้มันทำให้ร่างกายของริวกระสับกระส่ายอยู่ไม่น้อย ร่างกายที่คิดว่าชาตินี้ไม่ต้องสุงสิงกับอัลฟ่าที่ไหนอีกจนเหมือนเหมือนกับมีประจุไฟฟ้าขึ้นมาปลุกอะไรบางอย่างในตัวที่น่าจะมอดดับไปนานแล้ว

 

“…ริว คุณริว!”

 

“อะ! ครับ!?”

 

เจ้าของชื่อผวาเฮือกกับเสียงเรียกที่ตัวเขารู้สึกว่าดังมากจนก้องไปมาในหูอย่างหนัก ร่างกายเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อระวังตัว ดวงหน้าสีแทนซีดลง ข้างขมับมีเม็ดเหงื่อผุดมาเล็กน้อย เบิกตามองคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองมาที่ตนเขม็ง

 

อัลฟ่าคนนั้นมองท่าทางที่ดูหวาดผวาของริวแล้วเริ่มผ่อนคลายลง “ขอโทษที เห็นคุณเหม่อ” กาคุพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าเมื่อครู่ ท่าทางที่ดูสบายๆ มากขึ้นและสายตาที่โอนอ่อนลงช่วยให้ริวสงบลงได้บ้าง ร่างสูงกว่าจึงพยักหน้าตอบเบาๆ

 

“มีอะไรรึเปล่าครับ เห็นว่ามีเรื่องจะคุย” ริวถามโดยที่สายตาไม่ได้จดจ้องคนที่ตัวเองถาม เขามองไปรอบๆ พยายามไม่มองอีกฝ่ายตรงๆ

 

“ทีแรกผมนึกว่าลูกชายคุณทำร้ายหลานผม” กาคุว่าเสียงเรียบ แม้ไม่ได้ฟังดูน่ากลัว แต่ก็แฝงแววกดดันไว้เล็กน้อย “แต่พอรู้ความจริงจากสึกิ… ขอบคุณมากนะครับ”

 

ริวลนลานทันทีเมื่อสิ้นประโยคนั้นของกาคุแล้วร่างสูงโปร่งโค้งศีรษะลงให้กับเขา ยังรวมถึงเจ้าเด็กตัวเล็กที่กาคุจับมือเอาไว้อยู่ด้วยก็ยังโค้งหัวลงตาม ริวส่ายหน้าไปมา โบกมือพัลวัน ปากคอติดขัดไปหมดจะพูดห้ามปฏิเสธก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น พอนึกคำพูดไม่ออก จึงส่งมือไปประคองไหล่กาคุให้เงยหน้าขึ้นแทนอย่างรวดเร็ว

 

มีที่ไหนที่อัลฟ่ามาโค้งหัวให้โอมเก้าล่ะ!

 

“ไม่..ไม่ต้องขนาดนี้หรอกครับ แค่คำขอบคุณก็พอแล้ว มะ…ไม่…”

 

“ขอบคุณครับ”

 

โอเมก้าหนุ่มใจกระตุกวูบอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจนสายตาประสานเข้ากันพอดี ไม่เพียงเท่านั้นคือถ้อยคำขอโทษที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวนั้น มันทั้งจริงใจ และซื่อตรงอย่างสุดๆ พอๆ กับดวงตาที่ฉายความแน่วแน่ออกมา ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือเสน่ห์ดึงดูดจากอีกฝ่ายที่แผ่รังสีออกมาจนริวรู้สึกเจ็บจุกในอกไปหมด

 

ใบหน้าของริวรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาจนกลัวว่าจะแดงออกมาจนอีกคนสังเกตได้ ท้องน้อยของเขารู้สึกวูบโหวงแปลกๆ เหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในนั้น ร่างกายเขาเริ่มสั่นน้อยๆ

 

“ผม…ผมขอตัว”

 

ริวเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองเป็นอะไร และเขาไม่ควรอยู่ตรงนี้นานๆ อีกต่อไป!

 

ร่างสูงร่วมร้อยเก้าสิบเซ็นรีบจูงมือลูกชายเดินเลี่ยงไปยังที่จอดรถทันที เขาไม่อยากจะพูดกับกาคุอีกแม้เพียงคำเดียว คนๆ นี้มีผลกับร่างกายเขาเกินไป และมันอันตรายมากเกินไปสำหรับโอเมก้าอย่างเขา…

 

แต่แล้วความตั้งใจแรกของริวก็ต้องพังไม่เป็นท่าเมื่ออีกฝ่ายตะโกนถามออกมาทั้งที่ริวเดินหนีมาไกลแล้ว

 

“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม”

 

เด็กน้อยอัลฟ่าเงยหน้ามองแม่ของตัวเองที่หยุดฝีเท้ากึกหลังได้ยินประโยคนั้น ริมฝีปากที่สั่นพร่า มือข้างที่จับเด็กน้อยทั้งสั่นทั้งชื้นเหงื่อ เหมือนเจ้าตัวพยายามจะเปิดปากตอบแต่กลับไม่มีเสียงออกมา ฮาคุหันหลังกลับไปมองคนที่ยืนรอคำตอบ แต่เหมือนว่ากาคุกำลังจะจูงหลานตัวเองเดินมาหาริว แต่ฮาคุรู้ดีว่าตอนนี้ริวไม่พร้อมที่จะคุยกับชายคนนั้นต่อแน่ๆ

 

“ถ้าคุณอามารับสึกิอีกอาจได้เจอครับ!!”

 

เด็กน้อยฮาคุตะโกนตอบกลับไป ไม่รู้ว่าจะเป็นคำตอบที่ดีไหมแต่อย่างน้อยก็ช่วยหยุดฝีเท้าของกาคุได้ นั่นนับว่าดีแล้วในตอนนี้ เด็กน้อยกระตุกมือแม่ของตัวเองให้เดินต่อไป ซึ่งริวก็ยอมแต่โดยดี มือข้างที่จับกันอยู่ฮาคุรู้สึกได้ว่ามันทั้งเย็นชื้นจากเหงื่อแต่ขณะเดียวกันมันก็ร้อนรุ่มในเวลาเดียวกัน

 

ชายหนุ่มชนชั้นอัลฟ่ามองตามหลังสองแม่ลูกด้วยจิตใจที่ไม่ปกติพอกัน อะไรบางอย่างในตัวเขาคล้ายถูกจุดขึ้นมา แม้ว่าตัวเองจะเข้าสู่วัยอัลฟ่าที่พร้อมจะสืบพันธุ์มานานแล้วแต่ก็ไม่เคยเจอโอเมก้าคนไหนที่สามารถทำให้เขารู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้ได้

 

ตอนที่เงยหน้ามาสบตากับริวเมื่อครู่เหมือนมีประกายไฟบางอย่างที่แล่นผ่านเขาไป ดวงตาสีทองสุกใสคู่นั้นตรึงเขาไว้จนอยู่หมัด ร่างกายที่ส่งกลิ่นหอมหวานออกมาจางๆ นั่นทำให้กาคุรู้สึกมัวเมาไปเล็กน้อยจนแทบไม่ได้สังเกตอะไรรอบตัวอีก รวมถึงอาการผิดปกติของริว

 

ส่วนคำถามของเขา นั่นคือเขาต้องการจะเจอริวต่อจริงๆ

 

แต่คนๆ นั้น…เขามีลูกแล้ว แสดงว่าก็ต้องมีอัลฟ่าที่ได้ทำการสร้างพันธะต่อกันไปเรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน

 

กาคุสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ยกมือลูบหน้า นิ้วเรียวคลึงสันจมูกตัวเองอย่างสิ้นหวังแปลกๆ ตัวเขาที่ถือว่าเป็นอัลฟ่ามากความสามารถ ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครแม้แต่อัลฟ่าด้วยกันเอง ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ตกต่ำลงเสียอย่างนั้น แถมความรู้สึกพ่ายแพ้นี้ยังมองไม่เห็นตัวผู้ชนะเลยด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกแพ้แบบย่อยยับ

 

ในโลกที่เหมือนจะเรียบง่ายนี้ แค่มีชนชั้นอัลฟ่า เบต้า โอเมก้ามาจัดระดับการใช้ชีวิตอะไรๆ ก็ดูจะลงตัว แต่เรื่องหนึ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยในโลกนี้ก็คือ

 

‘การแย่งคู่ชีวิตของคนอื่น’

 

 

 

“แม่ครับ.. ไหวไหม” ฮาคุสึเอ่ยถามเสียงแผ่ว จ้องมองแม่ตัวเองที่ซบหน้ากับพวงมาลัยรถด้วยความเป็นห่วง ตามใบหน้าของริวยังคงชื้นเหงื่อ และร่างกายยังคงสั่นอยู่ไม่หยุด ริมฝีปากพึมพำอะไรบางอย่างเหมือนอยากจะตอบลูกชายแต่ก็ทำไม่ได้

 

เด็กชายขมวดคิ้วเป็นห่วงเข้าไปใหญ่ ครั้นจะเอื้อมมือไปสัมผัสแขนของแม่เพื่อให้กำลังใจ จมูกของเขาเริ่มได้กลิ่นหอมหวานแปลกๆ ที่ลอยมาแตะจมูก

 

สมองอันชาญฉลาดตั้งแต่เกิดของอัลฟ่าเริ่มประมวลผลทันที บวกกับที่เคยเล่าเรียนมาบ้าง แม่สอนบ้าง ตายายเล่าให้ฟังบ้าง ทำให้เขารู้ว่าริวเหมือนจะฮีทขึ้นมาเสียแล้ว

 

“แม่ใจเย็นๆ นะ!” ลูกชายตัวเล็กส่งเสียงด้วยความตระหนกเล็กน้อย ร่างกายเล็กๆ รีบชะเง้อมองไปรอบๆ รถ ดีที่ริวมาจอดไกลพอควรจึงไม่มีใครเดินแถวนี้ เพราะดูจากภายนอกไกลๆ คงไม่รู้หรอกว่าใครเป็นอัลฟ่าบ้าง ฮาคุสึกลับมานั่งดีๆ ตามเดิมแล้วเปิดลิ้นชักเก็บของข้างคนขับที่ตนนั่งอยู่รื้อของที่อยู่ด้านในออกเพื่อหาบางอย่าง

 

บางอย่างที่ตาเขาบอกให้เอามาใส่เอาไว้เผื่อในเวลาฉุกเฉิน

 

ฮาคุค้นเจอแผงยาเม็ดเล็กที่ตัวเองมาเสียบเอาไว้เมื่อนานมาแล้วในที่สุด เด็กน้อยยิ้มแป้นแล้วรีบยื่นแผงยาไปให้แม่ของตัวเองทันที

 

“แม่ เร็วเข้า!”

 

ริวเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัย เรี่ยวแรงที่คล้ายที่หายไปกับการระงับอารมณ์นั้นรีบคว้าหมับเข้าที่แผงยาอย่างรวดเร็ว ฮาคุสึมองท่าทางคล่องแคล่วในการแกะเม็ดยาออกจากแผงและกระดกใส่ปากของแม่ด้วยท่าทางลุ้นระทึก ยานี่มันก็นานพอสมควร ไม่รู้ว่าจะหมดอายุหรือเสื่อมสภาพไปหรือยัง แต่ถ้ามันพอทุเลาอาการลงได้บ้างก็ยังดี

 

เหมือนการลุ้นของฮาคุสึจะไม่เสียเปล่า ริวเริ่มกลับมาหายใจเป็นปกติ ร่างกายหยุดสั่นบ้างแล้ว ที่สำคัญคือกลิ่นหอมเตะจมูกนั่นก็เบาลงไปด้วย อย่างน้อยกลิ่นก็คงจะไม่ลอยออกไปด้านนอกแล้วเรียกอัลฟ่าคนไหนให้มาทุบกระจกเล่นแน่ๆ

 

“เอามาจากไหนครับ” ริวที่ตั้งสติได้เอ่ยถามติดหอบนิดๆ เจ้ายานี่…ยาระงับแบบฉุกเฉิน ริวแทบไม่ได้แตะมันอีกเลยนับตั้งแต่มีลูกชายคนนี้

 

“คุณตาเคยบอกเอาไว้น่ะครับ บอกว่าเผื่อฉุกเฉิน จริงๆ ก็ใส่ไว้นานแล้ว ผมก็เกือบลืม”

 

คนฟังพยักหน้ารับแกนๆ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่แล้วผ่อนลมหายใจออกมา ในหัวเขาตอนนี้พยายามนึกถึงทุ่งดอกไม้ แสงแดดและสายลมให้มากที่สุด พยายามไม่นึกถึงตัวการที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้ต่อหน้าลูกชาย

 

ดีที่ว่ากลิ่นของโอเมก้าจะไม่มีวันมีผลกับลูกของตัวเองที่เป็นอัลฟ่า ไม่อย่างนั้นจะเกิดอะไรวิปริตขนาดไหนคงไม่ต้องนึกถึง

 

“ถ้าผมขับรถเป็นผมจะขับแทนแม่แล้ว” เด็กชายว่าด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองนิดๆ แต่ก็เจือความตั้งใจเอาไว้จนริวหลุดขำออกมาเบาๆ

 

“ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้แม่หายแล้ว”

 

“ไหวนะ?”

 

“ครับคุณลูก”

 

“งั้นกลับบ้านกัน”

 

…………………………………….

 

 

“พาสึกิกลับมาแล้ว” กาคุเอ่ยบอกด้วยเสียงเนือยๆ หลังจากที่พาตัวเองและหลานชายเข้ามาในตัวบ้านขนาดใหญ่ได้ มือใหญ่ปล่อยมือออกจากมือเล็กของหลานชายปล่อยให้ตัวเล็กวิ่งไปหาพ่อของตัวเองที่นั่งรออยู่ก่อนในบ้าน

 

“ว่าไงลู— ว้าย!! อะไรกันครับ ใครทำอะไรหนู ใครรังแกหนู ทำไมแผลเต็มตัวแบบนี้!? กาคุ!!”

 

“ครับๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

 

“พ่อ อย่าว่าอาสิ” สึกิเนะพองแก้มแล้วกอดแขนคนที่เป็นพ่อสำหรับเขาแล้วมองอย่างออดอ้อน จนหญิงสาวต้องพ่ายแพ้ให้กับท่าทางนั้น คว้ากอดลูกชายตัวเล็กของเธอไว้หลวมๆ

 

ร่างสูงโปร่งจิ๊ปากเล็กน้อยเมื่อโดนถามรัวๆ ใส่เช่นนี้ นิ้วก้อยข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาปั่นในหูเล็กน้อยอย่างคร้านจะใส่ใจในคำถาม ท่าทางส่อแววรำคาญติดงุ่นง่านนั้นทำให้พี่สาวของเขาต้องหรี่ตามองอย่างจับผิด

 

“เป็นอะไรกาคุ นายดูไม่ปกติ”

 

“เปล่า”

 

เขาว่าพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาข้างกายพี่สาวของตัวเอง ดวงตาสีเทานั้นจดจ้องไปยังโอเมก้าตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตักพี่สาวของเขาที่เป็นอัลฟ่าเช่นกัน

 

เธอมองตามสายตาของน้องชายพักหนึ่ง ก่อนจะเรียกให้พี่เลี้ยงในบ้านมาพาตัวสึกิเนะไปพักผ่อนที่ห้อง กาคุยกมือคลึงขมับตัวเองเล็กน้อย เขายังคงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรจนกระทั่งหลานชายเดินลับสายตา

 

“เป็นเรื่องที่พูดไม่ได้ต่อหน้าเด็ก?”

 

“ก็ไม่ขนาดนั้น”

 

ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองพี่สาวที่นั่งไขว่ห้างรอคอยเขาพูด ปกติแล้วกาคุเป็นคนไม่ค่อยชอบแสดงท่าทางลำบากใจใดๆ ให้คนในบ้านเห็น ทุกครั้งที่เจ้าตัวมีเรื่องไม่สบายใจส่วนใหญ่ก็จะเก็บเอาไปพูดกับเพื่อนเท่านั้น น้อยครั้งที่จะหันหน้าปรึกษากับคนในบ้าน แต่ถ้ามีอะไรที่เกินตัวจริงๆ พี่สาวเพียงคนเดียวก็จะเป็นด่านแรกสำหรับกาคุเสมอ

 

ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งมองหญิงสาวข้างกายจนเธอต้องเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย อดจะงุนงงไม่ได้ว่าเรื่องที่กาคุเป็นกังวลอยู่มันหนักหนาขนาดไหน ถึงได้ทำหน้าเครียดออกมาเสียเต็มประดาขนาดนี้ แต่ครั้นคำถามที่ได้ยินออกมาจากปากน้องชายเธอก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง

 

กาคุคนนี้น่ะเหรอ ที่ถามเรื่องแบบนี้กับเธอ?

 

เป็นพี่น้องกันมานาน เธอรู้ดีว่ากาคุมีความคิดเห็นและทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เธอไม่คาดคิดเลยด้วยซ้ำว่ากาคุจะสนใจเรื่องนี้

 

“ตอนที่พี่เจอคู่โชคชะตาของพี่ พี่รู้สึกยังไง”

 

ความเงียบชั่วอึดใจคือสิ่งที่เธอมอบให้กาคุ ดวงตาคมเฉี่ยวของอัลฟ่าสาวขยับตามมุมปากที่ยกขึ้นอย่างแช่มช้า หัวสมองนึกไปถึงคู่ชีวิตของเธอตอนนี้ผู้ให้กำเนิดสึกิเนะออกมา ความรู้สึกนั้นมันก็นานพอควรจนเธอแทบจะลืมไปแล้วเช่นกัน

 

“ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ แค่เพียงสบตาล่ะมั้ง”

 

………………………………………….

 

 

วันถัดมาริวก็ยังเป็นคนมารับฮาคุสึเช่นเคย ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่ม้าหินอ่อนหน้าตึกเรียนของลูกชาย เขาเป็นหนึ่งในผู้ปกครองไม่กี่คนที่มารับลูกแบบนี้ เพราะส่วนมากเด็กๆ เมื่อขึ้นประถมสองก็เริ่มที่อยากจะเดินกลับบ้านกันเองอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กๆ ที่เป็นชั้นเบต้าหรืออัลฟ่า ส่วนโอเมก้าก็จะเป็นพ่อแม่มารับเสียส่วนใหญ่ ผิดแปลกไปนิดก็ฮาคุสึนี่แหละที่เป็นอัลฟ่าแต่ยังให้ริวมารับถึงที่

 

ริวเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่ต้องมารับฮาคุสึถึงที่อยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้งก็มักจะได้รับสายตาแปลกๆ มองมาบ้าง ไม่รู้ว่าเพราะเด็กน้อยอัลฟ่าที่เขามารับกลับหรือเพราะอะไรอย่างอื่นของริวกันแน่

 

ในระหว่างที่นั่งเล่นโทรศัพท์ดูข่าวนั่นนี่ไปเรื่อย ริวพลันรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายประหลาดที่ลอยมาแตะจมูก ขนตามแขนริวลุกชันขึ้นเล็กน้อยจนต้องใช้มืออีกข้างยกขึ้นลูบ ครั้นพอจะหันไปรอบตัวเพื่อหาต้นตอของความรู้สึกนี้ เสียงเรียกคุ้นหูหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลังจนริวสะดุ้งเฮือก

 

“มารับฮาคุสึเหรอครับ”

 

โอเมก้าร่างสูงหันขวับไปแทบจะทันที ดวงตาสีทองใสเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบปรับกลับไปเป็นปกติ

 

กาคุ… อาของเด็กคนเมื่อวาน

 

คนที่ทำให้เขาต้องติดฮีทเมื่อวาน!

 

ริวสูดหายใจเข้าปอดลึกขึ้นเพื่อเรียกสติ ตัวเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้อาจจะต้องเจออีกก็ได้เพราะคำพูดของลูกชายเขาเมื่อวานที่ตอบคำถามอีกฝ่ายไปแบบนั้น วันนี้ริวจึงกินยาระงับอาการฮีทฉับพลันตั้งแต่ก่อนออกมาจากบ้าน และเป็นดังคาดเมื่ออีกฝ่ายถึงกับเข้ามาทักขนาดนี้

 

“ครับ คุณเองก็มารับสึกิเนะคุงสินะครับ”

 

กาคุไม่ตอบอะไรเพียงยิ้มนิดๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามริวโดยไม่คิดจะขอถามร่วมโต๊ะ สายตาคมจดจ้องมองริวไม่ขยับไปไหน จนคนที่ถูกจ้องรู้สึกอึดอัดนิดๆ พยายามยกยิ้มให้คนที่มองเขาไม่วางตาแต่สายตากลับมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้ว่าควรจะเอาสายตาไปไว้ตรงไหน เรื่องจะชวนคุยเลิกคิดไปได้อีก ริวไม่ใช่คนพูดเก่งด้วย

 

ความเงียบเป็นสิ่งที่รายล้อมชายหนุ่มสองคนอยู่ร่วมสิบนาทีโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร กาคุเองก็เอาแต่จดๆ จ้องๆ ริวอยู่แบบนั้นแม้จะมีเฉสายตาไปมองตึกเรียนและผู้คนรอบข้างบ้างก็ตาม

 

แต่สิ่งที่ริวสังเกตได้นอกเหนือจากนี้ก็คือโต๊ะที่เขานั่งดูเป็นจุดสนใจขึ้นมาก มากกว่าทีแรกที่ริวนั่งอยู่คนเดียว หญิงสาวที่เดินผ่านไปมาหรือแม้แต่ชายหนุ่มร่างเล็กเองก็ดูเหมือนจะชอบหันมามองที่โต๊ะเขาอยู่เสมอ หรือถ้าจะพูดให้ถูก อาจจะเป็นการจ้องมองไปที่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามของริวมากกว่า

 

รัศมีอัลฟ่าของกาคุมันรุนแรงมากจริงๆ

 

“ถ้าเด็กคนนั้นไม่เรียกคุณว่าแม่ ผมก็นึกว่าคุณเป็นอัลฟ่า”

 

หลังจากเงียบมานาน กาคุก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ ร่างสูงโปร่งนั้นก้มหน้ามองโทรศัพท์แล้วเอ่ยขึ้นมาโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่สนทนาด้วย ริวเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย บีบฝ่ามือทั้งสองหากัน

 

“ใครๆ ก็ว่าแบบนั้นล่ะครับ” ริวยิ้มเฝื่อนๆ กับตัวเอง “พอโดนคิดแบบนั้นเข้า เมื่อก่อนก็เลยมีคนเข้าหาเรื่อยๆ” เสียงเบาลงจนเหมือนพูดกับตัวเอง

 

กาคุเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งก้มหน้างุดมองตักตัวเองนิ่ง ก่อนจะก้มมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องสวยของตนเองต่อ ในหัวพยายามนึกหาคำพูดและคำถามที่ตัวเองเตรียมมาจะถาม แต่ตอนนี้มันกลับนึกไม่ออกจนกาคุรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง

 

คำถามเดียวที่กาคุนึกออก ก็ดันเป็นคำถามที่เรียกว่าส่วนตัวสุดๆ สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเขาไม่ควรจะถามคำถามนี้ด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นว่ามันก็ดันเป็นคำถามที่กาคุอยากรู้มากที่สุดอยู่ดี

 

อัลฟ่าหนุ่มเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง แล้วเปลี่ยนมานั่งประสานมือเท้าศอกไว้กับโต๊ะ ดวงตาสีเทาคู่คมจ้องเขม็งมาที่ริวอีกครั้ง สัญชาตญาณความเป็นอัลฟ่าแผ่ออกมาจางๆ คล้ายจะข่มโอเมก้าตรงหน้าลง ตรึงไว้ให้จ้องมองแต่เขาคนเดียวจนริวได้แต่กลืนก้อนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ไม่กล้าละสายตาออก

 

“แล้วพ่อ–”

 

“แม่ครับ!!”

 

“คุณอาาาาครับ!!”

 

เสียงเล็กคุ้นหูดังขึ้นไกลๆ เรียกให้ผู้ใหญ่สองคนที่จดจ้องหน้ากันอยู่ละความสนใจออกจากกัน หนึ่งอัลฟ่า หนึ่งโอเมก้าตัวน้อยวิ่งมาเคียงข้างกันแล้วพุ่งมาที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่มีผู้ปกครองของพวกเขานั่งรออยู่อย่างอารมณ์ดี

 

“คุณอานั่งคุยกับคุณแม่ของฮาคุด้วย” สึกิเนะหันไปมองริวอย่างน่ารัก ศีรษะทุยๆ ก้มต่ำลงแสดงความเคารพ

 

“สวัสดีครับ” ริวตอบรับกลับเสียงอ่อนโยน

 

“เขาไม่ได้ทำอะไรแม่ใช่ไหม” ฮาคุสึถามเสียงแผ่วกระซิบชิดแขนของริว ก่อนจะหมุนตัวไปฉีกยิ้มแข็งๆ ให้กาคุที่กำลังจ้องตัวเองตาแข็งแปลกๆ

 

“ฮาคุ..” คนเป็นแม่ปรามออกมาเบาๆ

 

“ไง” กาคุถามเอ่ยทักเสียงเรียบพลางจ้องมองเด็กตรงหน้าอย่างพิจารณา

 

ฮาคุสึมีส่วนที่คล้ายริวอยู่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นสีดวงตาที่เหมือนกัน โครงหน้าก็คล้าย จมูกก็พอกันจะต่างก็เพียงแค่สีผมที่ดำขลับกับริมฝีปากที่ดูบางเล็กกว่าริว และที่สำคัญคือนิสัย

 

กาคุนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าริวจะมีนิสัยที่ห้าวเป้งอย่างการชอบไปไล่เที่ยวต่อยตีกับใครยังไง แม้เจ้าตัวจะมีร่างกายที่สูงใหญ่ ดูเพียงผ่านตาผ่านเสื้อผ้าที่ไม่ได้รัดรูปเท่าไหร่แต่ก็รู้ว่าเป็นคนที่มีกล้ามเนื้อไม่น้อย แต่กลับดูอ่อนโยน ไม่น่าคนชอบใช้กำลัง ไม่ต้องให้เดาเลยสักนิดว่านิสัยชอบต่อยตีของฮาคุสึที่ครูประจำชั้นบอกมามาเจ้าหนูนั่นได้มาจากใคร

 

นึกแล้วกาคุก็อยากจะเจออัลฟ่าที่เป็นคู่ของอีกฝ่าย เด็กน้อยอัลฟ่าคนนี้ใช่ว่าจะหน้าตาแย่ แสดงว่าคนเป็นพ่อก็ต้องหน้าตาดีไม่หยอก แต่ใจหนึ่ง กาคุก็ไม่อยากรับรู้การมีตัวตนของผู้ชายที่ครอบครองร่างกายและหัวใจของริวสักเท่าไหร่

 

ดวงตาคมกริบสีเทาหลุบต่ำ คว้าท่อนแขนเล็กของหลานชายมาไว้ในมือก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม่พูดไม่จา ริวสะดุ้งเล็กน้อยกับท่าทางที่ดูมืดครึ้มเปลี่ยนไปของกาคุก็ได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยอะไรออกมา

 

“ไว้พบกันใหม่” กาคุทิ้งท้ายไว้แค่นั้น กระตุกแขนหลานชายให้เดินตามตนเองไปแม้ว่าสึกิเนะจะมีท่าทางขัดขืนเพราะเหมือนอยากจะคุยกับฮาคุสึก่อนก็ตาม

 

เด็กน้อยอัลฟ่าส่ายหน้าให้เพื่อนของตนช้าๆ แล้วโบกมือให้เป็นการอำลา เขามองตามแผ่นหลังเล็กนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาหาแม่ของเขา

 

“แม่?” ฮาคุสึจับแขนใหญ่เอาไว้แล้วบีบเล็กน้อย

 

ใบหน้าของริวดูซีดลงไปบ้าง แต่ฮาคุสึยังคงสังเกตเห็นริ้วแดงจางๆ บนใบหน้า จมูกพยายามดมกลิ่นแต่เมื่อไม่ได้กลิ่นหอมหวานอย่างเมื่อวานเขาจึงสบายใจขึ้นนิดหน่อย แต่ที่เด็กน้อยเป็นกังวลก็คือท่าทางของแม่ที่เปลี่ยนไป

 

ริวดูซึมๆ ลง และเด็กน้อยไม่ชอบเลย..

 

ฮาคุสึรักริวมาก และค่อนข้างติดแม่มาก อาจจะเพราะ ตั้งแต่เกิดมา เขามีแต่ริว…

 

“กลับบ้านกันครับ”

 

………………………………………………..

 

 

การเจอหน้ากันของสองผู้ปกครองบ้านยาโอโตเมะและสึนาชิเริ่มจะเป็นเรื่องที่ธรรมดาไปเสียแล้ว

 

ที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิมมักจะมีริวหรือไม่ก็กาคุที่มานั่งครองมันไว้ก่อนเสมอ ราวกับว่าโต๊ะนี้ได้ถูกสลักชื่อเจ้าของเป็นของหนึ่งในสองคนนี้ไปเสียแล้ว บทสนทนาเรียบง่ายถามเรื่องลมฟ้าอากาศและการงานของแต่ละคนเป็นเรื่องที่คุยจนชินชาไปเสียแล้ว ไม่มีอะไรที่มากกว่านั้น กาคุพยายามที่จะไม่ก้าวก่ายอีกฝ่ายมากเกินไป นั่นเพราะมีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวและความถูกต้องค้ำคออยู่

 

แม้ว่าสายตากาคุที่ใช้มองริวจะไม่เหมือนกับครั้งแรกยามที่เจอกันแล้ว แต่ทุกอย่างล้วนอยู่ในขอบเขตของความรู้สึกที่ต้องหักห้ามไว้ทั้งนั้น ริวเองก็ไม่ได้พยายามที่จะเข้าหากาคุมากเช่นกัน หนุ่มโอเมก้าคนนั้นยังคงหลบตากาคุอยู่หลายครั้งหากเผลอตัวสบตาขึ้นมา ตามมาด้วยริ้วแดงจางๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าของริวทำให้กาคุต้องผุดยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้

 

คนอะไร เขินง่ายซะไม่มี

 

วันนี้กาคุก็ออกมารับสึกิเนะตามเคย ร่างสูงโปร่งมากเสน่ห์นั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิม สายตาของเขาไม่ได้จดจ้องอยู่ที่จอโทรศัพท์ หากแต่มันกวาดมองไปรอบๆ เพื่อรอคอยการมาของใครอีกคน ทั้งที่วันนี้กาคุมั่นใจว่าริวน่าจะมาถึงก่อนเพราะตนติดงานทำให้ออกมาช้ากว่าปกติ แต่กลับไปพบกับแผ่นหลังอันคุ้นเคยที่มักจะนั่งตรงนี้

 

เป็นห่วง

 

ความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนอื่นมานาน กำลังผุดขึ้นในอกของกาคุ ดวงตาสีเทาเข้มพยายามกวาดมองออกไปให้ไกลที่สุดเพื่อจับหาร่างของคนที่เขาคุ้นเคยดี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอเจ้าของร่างในครรลองสายตาแม้แต่น้อย

 

แว่วเสียงใสอารมณ์ดีของหลานชายตัวน้อยดังขึ้นจากด้านหลังยามที่เห็นคนเป็นอานั่งอยู่ที่เดิม กาคุรู้สึกตัวออกจากภวังค์ของตัวเองแล้วหันกลับไปหาหลานชายสุดรัก

 

“ไงตัวเล็ก” แล้วสายตาก็สะดุดกับเพื่อนสนิทที่เป็นอัลฟ่าของหลานชาย

 

ลูกชายของคนที่กาคุแอบชอบอยู่

 

“ฮาคุสึ แล้วแม่ล่ะ?”

 

ดวงตาสีทองเช่นเดียวกับแม่ของเจ้าตัวเงยหน้ามองคนที่ถาม เด็กน้อยมีท่าทางอึกอักเล็กน้อยแบบคนไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม

 

ท่าทางของฮาคุสึทำให้กาคุพอโล่งใจได้บ้าง แสดงว่าอย่างน้อยริวก็อาจจะยังปลอดภัยดีโดยที่ลูกชายของเขาก็ยังพอรู้เรื่อง … เรื่องในครอบครัวล่ะมั้ง?

 

“ไปส่งผมได้ไหมครับ” ฮาคุสึเงยหน้าจ้องกาคุ เอ่ยออกมาเสียงเบา “ที่บ้านผม”

 

บางอย่างในหัวสมองกาคุบอกว่าเขาไม่ควรไป ภาพบ้านและครอบครัวที่อาจมีใครอีกคนรออยู่ที่นั่นอาจทำให้เขายิ่งรู้สึกแย่ไปมากกว่าเดิม ซ้ำยังตอกย้ำตัวเอง แต่พอใช้หัวใจลองชั่งน้ำหนักดู มันกลับลิงโลดดีใจที่กาคุจะได้มีโอกาสเข้าใกล้ริวมากขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายเลยเพียงแค่ไปส่งลูกชายของเจ้าตัวก็ตาม

 

ลูกชายบ้านสึนาชิไม่ได้เร่งเร้าเท่าไหร่ ดวงตาคู่คมนั้นยังคงจับจ้องใบหน้าอาของเพื่อนไม่วางราวกับรอคำตอบเงียบๆ อย่างมีมารยาท

 

“บ้านฮาคุ! ไปครับ! ผมอยากไป!!” เสียงเล็กอีกเสียงดังแทรกขึ้นมาก่อนที่กาคุจะทันได้ตัดสินใจ

 

รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของอัลฟ่าวัยผู้ใหญ่ มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มนิ่มของหลานชายอย่างเอ็นดูก่อนจะเบนสายตาไปมองเด็กอีกคนที่ยิืนเยื้องอยู่ข้างหลัง

 

“ถ้าไม่เป็นการรบกวน”

 

…………………………………..

 

 

ไม่สบาย

 

หลังจากนั่งรถมาด้วยกันซักพักกาคุก็ตัดสินใจเอ่ยถามฮาคุสึว่าริวไปไหน ฮาคุสึมีท่าทางเหมือนไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการของริวเท่าไหร่ เจ้าตัวบอกได้แค่ว่าตอนเช้าริวไม่ได้มาปลุกเขาอย่างเคยแล้วก็ไม่ได้เป็นคนมาส่งที่โรงเรียน แต่เป็นตาของเขาที่มาส่งและยายของเขาที่บอกเพียงว่าริวไม่สบาย เพราะฉะนั้นตั้งแต่เช้า ฮาคุสึก็ยังไม่เจอหน้าริวเลยด้วยซ้ำ

 

กาคุมุ่นคิ้วสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่คิดจะซักไซ้เด็ก 8 ขวบต่อ ดวงตาคมกริบจ้องมองถนนเบื้องหน้าที่เป็นทางกลับบ้านของริว มันออกมานอกเมืองเล็กน้อย สภาพการจราจรไม่ได้คับแคบและแน่นขนัดเท่ากับตอนอยู่ในเมือง กาคุจึงขับรถได้อย่างสบายๆ แม้ใจจริงเขาอยากจะเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วรีบไปให้ถึงบ้านริวก็ตาม

 

อีกสิบนาทีต่อมา รั้วบ้านสีเขียวอ่อนสบายตาก็ปรากฏตรงหน้า รถยนต์คันหรูสีดำสนิทจอดอยู่หน้าประตูบ้าน ก่อนที่เจ้าของรถจะหันไปหาเด็กน้อยด้านหลังเพื่อถามความเห็น

 

“ฉันลงไปทักทายคนในบ้านได้ไหม” กาคุจ้องเข้าไปในดวงตาสีทองกลมโต ฮาคุสึชะงักคิดครู่หนึ่งก่อนจะระบายยิ้มออกมา

 

“ก็ได้นะครับ แต่ไม่รู้แม่จะดีขึ้นรึยัง”

 

เพราะประโยคตกลงของฮาคุสึ ทำให้อาหลานอีกสองพากันลงจากรถเพื่อเข้าไปเที่ยวในบ้านสึนาชิ แม้คนที่ขอเข้าไปจะเป็นกาคุ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ดีใจที่สุดจะเป็นสึกิเนะ เจ้าตัวเล็กรีบกระโดดเข้าไปเกาะแขนเพื่อนสนิทตัวเองแล้วลากเข้าบ้าน แต่กาคุยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูเช่นเดิม

 

ถ้าเข้าไปแล้วต้องเจอกับภาพที่ไม่อยากเจอล่ะ? ถ้าเข้าไปแล้วต้องเจอกับสายตาไม่น่าสบอารมณ์ของอัลฟ่าที่น่าจะอยู่ในนั้นด้วยล่ะ? กาคุควรทำอย่างไร?

 

ความคิดนี้รบกวนจิตใจของกาคุมาตลอดการขับรถ แต่ปากเจ้ากรรมก็ดันถามไปทันทีหลังจากที่รถจอดสนิทอยู่หน้าบ้าน ก็เลยลงเอยด้วยการที่ตอนนี้หลานชายตัวดีของเขาเข้าไปในบ้านเพื่อนแล้วเสียอย่างนั้น

 

กาคุส่ายหน้าให้กับตัวเองและหลานชายที่ดูจะไม่รู้เรื่องอะไร ก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปในเขตรั้วบ้านหลังเล็ก อย่างน้อยก็ไปทักทายพอเป็นพิธี ของฝากเจ้าบ้านก็ไม่ได้ซื้อเข้ามาด้วย เขาคงจะให้หลานชายอยู่รบกวนที่นี่ได้ไม่นาน อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่าริวยังปลอดภัยดีแค่นี้กาคุก็พอใจแล้ว

 

ที่สำคัญ…เขาไม่อยากอยู่เจออะไรที่ไม่อยากเจอด้วย

 

แต่ครั้นก้าวเท้าเข้ามาภายในตัวบ้านได้ กาคุก็ชะงักไปทันที ดวงตาสีเทาเข้มเบิกมองไปเบื้องหน้าเขม็ง พร้อมจังหวะการหายใจหยุดชะงักไปตามๆ กัน ไม่แพ้กับคนที่อยู่ในบ้านอยู่ก่อนเมื่อได้เจอกับกาคุ เจ้าตัวเบิกตามองจนกลัวว่าดวงตาสีทองคู่สวยนั้นจะหลุดออกมา

 

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจกันและกันอย่างถึงที่สุดไม่ใช่การที่ริวเห็นว่ากาคุมาเยือนถึงบ้าน หรือการที่กาคุได้เห็นว่าสภาพริวตอนนี้น่ามองขนาดไหน แต่เป็นกลิ่นฟีโรโมนที่กำลังคลุ้งไปทั่วบริเวณตอนนี้แทนต่างหาก!

 

“ซวยแล้ว..”

 

“เอ๋ ซวยอะไรเหรอฮาคุคุง”

 

เสียงของเด็กทั้งสองคนแทบจะไม่ได้เข้าประสาทการรับรู้ของผู้ใหญ่ทั้งสองอีกต่อไป ริวก้มหน้างุดกัดริมฝีปากตนเองแน่นจนห่อเลือด ฝ่ามือสีแทนกุมอกตัวเองแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์หวามที่กำลังก่อขึ้นในตัวแบบมากขึ้น ร่างสูงใหญ่นั้นพยายามจะก้าวถอยหลังเพื่อกลับเข้าไปในห้อง แต่ขาทั้งสองก็สั่นเกินกว่าจะก้าวออก ได้แต่ทิ้งตัวทรุดนั่งลงกับพื้น มืออีกข้างที่ว่างเลื่อนไปกอบกุมช่วงล่างตนเองแน่น

 

“ฮาคุสึ ช่วยสึกิเนะไปเล่นที” กาคุเอ่ยเสียงเรียบตึง ดวงตาจดจ้องมองสภาพริวไม่วางตา

 

“จะทำอะไรแม่!?” ฮาคุสึเข้าใจในประโยคนั้นของกาคุดี และเขาไม่ยอม “ไม่ไป!”

 

อัลฟ่าหนุ่มตวัดสายตาก้มมองอัลฟ่าตัวน้อยที่ก้าวมายืนขวางอยู่ด้านหน้าเขา ดวงตาสีทองคู่นั้นดูเอาเรื่องไม่น้อย แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไรกับกาคุที่เป็นอัลฟ่าด้วยกันมากนัก แม้จะมีแรงกดดันส่งออกมาผ่านสายตาคู่นั้นจนกาคุแอบหวั่นเล็กน้อย แต่เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าจึงไม่มีปัญหาอะไร

 

หรือต่อให้มี เด็กคนนี้ขวางเขาไม่ได้อยู่แล้ว

 

“ฮาคุ…” ริวเอ่ยเรียกลูกชายเสียงสั่นๆ เด็กชายตัวน้อยละสายตาจากกาคุไปจ้องมองแม่ของตน ขาเล็กๆ ทั้งสองหมายจะวิ่งปดูอาการแม่ แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับจากแม่ทำให้เด็กชายต้องเลิกคิ้วมองและชะงักฝีเท้าลง

 

ริวส่ายหน้าให้ฮาคุสึ ก่อนจะเหลือบสายตาไปทางสึกิเนะที่มองยืนสถานการณ์ด้วยความงุนงง รอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปากที่สั่นพร่า ดวงตาสีทองที่โอนอ่อนลงและแสดงถึงความต้องการแบบนั้น…ฮาคุสึเข้าใจดี

 

“พ่อไม่อยู่” ฮาคุสึพูดออกมานิ่งๆ จนกาคุต้องขมวดคิ้วมอง ประโยคที่เหมือนจะเชิญชวนให้เขาและริวมีอะไรกันตอนที่พ่อตัวเองไม่อยู่แบบนี้มันไม่ปกติชัดๆ กาคุรู้ว่าเด็กคนนี้ฉลาด เป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากฮาคุสึจะไม่รู้ว่า โอเมก้าที่มีร่องรอยพันธะแล้วจะไม่สามารถมีอะไรกับอัลฟ่าอื่นได้อีก

 

และนั่นเป็นเหตุผลที่กาคุยังคงพยายามยืนนิ่งอยู่แบบนี้ แม้จริงๆ แล้วสัญชาตญาณมันจะร้องบอกให้เขารีบวิ่งเข้าไปจัดการโอเมก้าตรงหน้าก็ตาม

 

แต่แล้วเสียงหัวเราะเบาๆ ของฮาคุสึที่ก้าวเข้าไปจับแขนหลานชายเขาเอาไว้พร้อมกับเดินเลี่ยงไปอีกทาง ประโยคแผ่วเบาที่ดังลอดเข้ามาในโสตประสาทแทบจะทำให้ความอดทนของกาคุหมดลง

 

“…พ่อตายไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิด”

 

 

กาคุรุดเข้าไปหาริวที่นั่งกุมอกที่พื้น กลิ่นฟีโรโมนของริวทำให้กาคุรู้สึกมึนตึงแทบขาดสติ ดวงตาคมกริบกวาดมองทั่วกายที่เริ่มขึ้นสีเพราะแรงอารม์หวาม ฝ่ามือขาวซีดประคองไหล่กว้างไว้แน่นเพื่อเป็นยึดหลักให้คนที่หอบหายใจหนักกันไม่ให้ล้ม

 

โอเมก้าช้อนดวงตาหยาดเยิ้มมองคนตรงหน้า มือยกขึ้นกุมแก้มขาวก่อนจะลูบไล้แผ่วเบา กาคุยังคงมองด้วยความสับสน แต่ก่อนจะทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองเข้าให้เสียแล้ว ริวเร่งเร้าจูบมากยิ่งขึ้น กัดริมฝีปากล่างอีกคนจนเผยอออก สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากร้อนของอีกฝ่ายเกี่ยวกระหวัดสู้ลิ้นหนาที่เหมือนพยายามหลบ

 

วงแขนกว้างโอบรอบลำคอหนาแน่นขึ้น เบียดกายเข้าหามากขึ้นจนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิกายที่เริ่มร้อนรุ่มของอีกฝ่าย

 

“อืม..” เสียงครางต่ำในลำคอการคุบ่งบอกว่ารู้สึกดี พอให้ริวใจชื้นขึ้นบ้าง ลิ้นหนาของอัลฟ่าดันลิ้นที่กำลังเล่นสนุกในโพรงปากตัวเองกลับไปหาเจ้าของ เบี่ยงมุมหน้าให้ได้องศาที่พอเหมาะก่อนจะเน้นจูบหนักๆ ทั้งขบและกัดริมฝีปากอิ่มได้รูปของริวจนเริ่มเห่อบวม แขนแกร่งกอดรัดร่างในวงแขนแน่นจนไม่มีช่องว่างระหว่างคนสองคน

 

“ฮ่า..แฮ่ก..”

 

อัลฟ่าเจ้าเสน่ห์จำใจละจูบออกเพราะอีกคนคล้ายจะหมดลมเสียก่อน ดวงตาสีเทาเข้มหรี่มองอีกคนอย่างหื่นกระหายถามเสียงกดต่ำ “นายแน่ใจเหรอริว? จากนี้ฉันจะไม่ถอยแล้วนะ?”

 

ร่างสูงกว่ายืดตัวขึ้นเล็กน้อยจนเป็นก้มมองอีกคน ใบหน้าและริมฝีปากบวมแดง ดวงตาสีทองคลอหน่วยหยาดเยิ้มจนดูยั่วยวนกว่าเดิม ร่างกายที่ร้อนรุ่มของตนเองจากการฮีทขยับเบียดอีกคนมากขึ้น รุกเร้าดันเข่าของตัวเองไปสัมผัสกับความร้อนที่เริ่มพองตัวใต้กางเกงของกาคุ เรียวปากแย้มยิ้มจางๆ อย่างคนเหนือกว่า

 

“อื้ม มั่นใจสิ ก็ฉัน…ไม่มีพันธะอะไร…อยู่แล้ว แล้วถ้าเป็นคุณ…”

 

เส้นด้ายความอดทนของกาคุขาดผึงทันที รอยยิ้มละมุนชวนมองของริวทำลายสติที่พยายามเก็บของกาคุจนกระเจิง ความกลัวในเรื่องความถูกผิดถูกปัดเป่าออกไปจากความคิด ร่างสูงเพรียวจัดการรวบเอวคนที่นั่งกองกับพื้นให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะรีบแทรกตัวเข้าไปในบานประตูด้านหลังอย่างรวดเร็ว

 

แขนแกร่งรั้งเอวของคนเป็นโอเมก้าเข้ามาประกบจูบทันที ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน มีแต่ความต้องการและกระหายในร่างตรงหน้าเท่านั้น จูบที่เร่าร้อนและรุนแรงแทบจะพรากสติและวิญญาณคนถูกจูบออกจากร่าง เสียงครางในลำคอและเสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังก้องไปทั่วห้อง แรงจูบของคนสองคนหนักหน่วงมากขึ้นตามแรงอารมณ์ กาคุดันอีกคนเข้ากับผนัง สอดมือเข้าใต้เสื้อเชิ้ตบางก่อนจะเลิกขึ้นสูงเผยให้เห็นแผงอกสีแทนและยอดอกที่กำลังชูชัน

 

“อื้อ! อ๊า! ตะ..ตรงนั้น..”

 

ริวปล่อยเสียงครางอย่างลืมอายเมื่อยอดอกถูกริมฝีปากร้อนผ่าวครอบครอง ลิ้นร้อนชื้นตวัดเลียไปทั่วจนชุ่ม ก่อนจะตามด้วยฟันคมที่ขบใส่อย่างแรงจนร่างสูงกว่าร้องลั่นและเกร็งตัวแน่นฝ่ามือเริ่มควานสะเปะสะปะเพื่อระบายอารมณ์ร้อนในกาย ปากร้อนๆ นั่นยังคงกดจูบไปทั่วผิวกาย สร้างรอยแดงมากมายตามผิวเนียน

 

“หวานทั้งตัว”

 

อัลฟ่าหนุ่มโน้มตัวกลับขึ้นมาฉกริมฝีปากอิ่มไปอีกรอบ สอดลิ้นเข้าในโพรงปากชิมความหวานไม่รู้เบื่อ ร้อนแรงและเร่งเร้ามากเสียจนเจ้าของสถานะโอเมก้ายืนแทบไม่อยู่ ของเหลวสีใสไหลออกมาตามมุมปากอย่างยั่วยวนแต่ก็ถูกลิ้นร้อนกวาดต้อนกลืนเข้าสู่ลำคอจนหมดราวกับหวงแหน

 

กางเกงขาสั้นของริวถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นแกนกลางลำตัวที่ตื่นตัวเต็มที่ ทั้งยังช่องทางเบื้องล่างที่เฉอะแฉะเตรียมพร้อมกับการมีสัมพันธ์ เรียกรอยยิ้มร้ายบนใบหน้าหล่อได้ไม่ยาก ร่างสูงใหญ่เบือนหน้าหนีอย่างไม่กล้าสบตามองคนตรงหน้าที่มองมา ยิ่งฝ่ามือร้อนสัมผัสเข้ากับแก่นกาย สติที่เหลืออยู่ไม่มากแต่แรกก็แทบจะหมดทันที

 

“อึก! อ๊า คุณกา…คุ มะ..ไม่!!”

 

“กาคุ กาคุเท่านั้น”

 

“อ๊ะ! กาคุ!!”

 

เสียงครางหวานเรียกชื่อคนที่กำลังทำรักด้วยกันดังลั่นห้อง เมื่อถูกสัมผัสรุนแรงมากขึ้น กายใหญ่แข็งเกร็งไปหมดเมื่อได้รับการปรนเปรอจากฝ่ามืออีกฝ่าย ยอดอกทั้งสองข้างเองก็ถูกริมฝีปากร้ายของกาคุครอบครองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างกายเปียกชื้นไปหมด แม้จะพยายามปฏิเสธอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่เข้าโสตประสาทของกาคุเลยสักนิด

 

แต่ก็รู้สึกดี

 

รู้สึกดีมากจนไม่อยากปฏิเสธอีก

 

ฝ่ามือใหญ่กดสอดเข้าที่กลุ่มผมสีเทาสว่างตรงหน้า ยิ่งลิ้นร้อนลากไล้ลงต่ำตั้งแต่หน้าอกจนถึงช่วงท้องมากเท่าไหร่ ริวก็ยิ่งมีอารมณ์พุ่งสูงขึ้นจนร้อนไปทั้งตัว ร่างกาวกระตุกเกร็งเป็นระยะ กาคุเลียรอบริมฝีปากตัวเองอย่างนึกสนุก หยุดมือที่กำลังปรนเปรอแก่นกายเบื้องหน้าก่อนจะส่งปลายลิ้นแลบเลียเข้าที่ส่วนปลายแผ่วเบา

 

“อึก!! กาคุไม่!! อ๊าา!!!”

 

ของเหลวสีขุ่นพุ่งออกมาจนเปรอะเปื้อนใบหน้าหล่อเหลา ริวหอบหายใจหนัก พยายามเอื้อมมือจะเช็ดให้ออกจากใบหน้าอีกฝ่ายแต่ก็ถูกรวบไว้ กาคุเงยหน้าขึ้นมองอีกคนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนจะส่งลิ้นออกมาแลบเลียของเหลวที่ติดอยู่ตามมุมปาก

 

คนมองเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่เบิกตาโพลง ใบหน้าเห่อร้อนจัดซับสีแดงเรื่อขึ้นมาอัตโนมัติ ทั้งรอยยิ้ม และท่าทางที่แสนจะยั่วยวนของกาคุแบบนั้น…กำลังเล่นงานหัวใจของริวอย่างรุนแรงจนเจ็บไปทั้งอก

 

นี่น่ะเหรอ เสน่ห์ของอัลฟ่า อัลฟ่าที่เป็นคู่โชคชะตาของเขา

 

ทั้งที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้เจอ

 

“ให้ฉัน..ได้เห็นทุกอย่างของนาย จะได้ไหม”

 

ริวยังคงยืนขาสั่นหอบหายใจ ดวงตาก้มมองคนที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มซีดเอ่ยแผ่วเบา

 

“ทุกอย่าง..”

 

ว่าจบคนที่นั่งอยู่ก็ยืดตัวประกบจูบเข้ากับริมฝีปากบวมแดงตรงหน้าอีกครั้ง ทั้งบดเบียดและดูดดึงเรียวปากอิ่ม ริวเองก็ยอมเผยอปากออกให้อีกคนเข้ามาสำรวจในโพรงปากอย่างง่ายดาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังสัมผัสแถวช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวมากยิ่งขึ้น

 

“ตรงนี้…มีใครสัมผัสบ้าง”

 

“อือ ไม่..ตั้งแต่มีฮาคุสึ ก็ไม่เคย… อึก!”

 

เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลผวาวาบเมื่อช่องทางที่ไม่เคยถูกบุกรุกมานานกำลังถูกนิ้วเรียวยาวสอดเข้ามาพร้อมกันถึงสองนิ้ว ความเจ็บกำลังแล่นไปตามเส้นประสาททั่วร่างกายจนหยาดน้ำตาไหลออกมา วงแขนตวัดกอดร่างกายของอีกคนไว้แน่น ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอมากยิ่งขึ้นเมื่อนิ้วแกร่งสะกิดโดนจุดไวต่อความรู้สึกภายใน

 

“อ๊าาา!”

 

นิ้วเรียวหมุนควานไปทั่วช่องทางคับแคบอย่างบ้าคลั่ง เรียกเสียงครางหวิวและความรู้สึกเสียวซ่าน ริวฝังใบหน้าของตนซบลงกับลาดไหล่กว้างด้วยความเหนื่อย สองแขนโอบกอดรอบแผ่นหลังแกร่งทั้งจิกเล็บเข้ากับแผ่นหลังจนทะลุเสื้อ ขาทั้งสองข้างถูกกาคุจับยกให้กอดรอบเอวตนอีกทอดหนึ่ง

 

“อื้อ กาคุ..ถ้านายควานไปทั่วแบบนั้น…ฉัน..”

 

“ริว..ฉัน..ทนไม่ไหวแล้ว”

 

ริวงุนงงเล็กน้อยกับคำพูดอีกฝ่าย ชั่วพริบตานั้นนิ้วทั้งสองถอนออกไปอย่างรวดเร็ว ความร้อนรุ่มของอะไรบางอย่างเหมือนมาจ่อที่ปากทางโดยที่ไม่ทันตั้งตัว แก่นกายร้อนผ่าวและใหญ่โตของกาคุสอดใส่เข้าใส่ช่องทางอ่อนนุ่มทีเดียวจนสุด

 

“อะ…อ๊าา!! อื้อ…!!!”

 

เสียงร้องแทบจะหายไปกับอากาศ ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วทั้งร่างจนสมองหนึบชาคิดอะไรไม่ออก ดวงตาทั้งสองข้างพร่าเลือนด้วยหยดน้ำตา ฝ่ามือทึ้งไหล่คนที่สอดใส่เข้ามาแน่นเรี่ยวแรงที่พยายามใช้ตัวพิงผนังไว้แทบจะทรุดลงถ้าไม่มีแขนของกาคุที่กอดรัดไว้ ร่างขอริวคงไถลร่วงไปแล้ว

 

“ริว..ริว…”

 

เสียงแหบพร่าเขย่าอารมณ์ดังขึ้นที่ริมหูเจ้าของชื่อ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กาคุกระแทกสะโพกเข้าใส่ช่องทางเบื้องล่างอย่างแรงจนในที่สุดริวก็ปลดปล่อยออกมาอีกรอบ แต่กับอัลฟ่าตรงหน้า… คนๆ นี้ยังไม่เสร็จเลยสักครั้ง จังหวะสะโพกเร่งเร้าและรุนแรงมากขึ้น แก่นกายใหญ่ถูกถอนออกจนเกือบสุด ก่อนจะถูกกระแทกใส่กลับเข้าไปใหม่อย่างแรงจนริวร้องเสียงหลง

 

“ฮึก..ฮะ..ตรง..ตรงนั้น อื้อออ!!!”

 

“อึ้ก! ข้างในของนาย..ทำฉันแทบบ้า..ร้อนชะมัด..”

 

กาคุไม่ได้รู้สึกดีเช่นนี้มานาน ใบหน้าหล่อชื้นเหงื่อเชิดขึ้น ก่อนจะดันไหล่อีกคนออกอย่างแรงจนแขนและขาที่เคยเกาะเขาไว้หลุดออก แท่งไฟร้อนเองก็ถูกถอดออกมา ของเหลวสีขาวขุ่นมากมายพุ่งออกมาจนเลอะทั่วพื้น

 

คนตัวสูงกว่าหอบหายใจแรงยืนพิงผนังข้างหลังด้วยร่างกายและขาที่สั่นเทา เขาเกิดไม่เข้าใจนิดหน่อย ดวงตาสีทองทอดมองคนที่ยังไม่มีท่าว่าจะหยุดความต้องการด้วยความเป็นห่วงระคนสนใจมากยิ่งขึ้น ฝ่ามือสั่นๆ ยกขึ้นลูบใบหน้าที่ขึ้นสีจัดไม่ต่าง ไล้ต่ำลงมาจนถึงปลายคาง เชยใบหน้าคมให้เงยชึ้นมาสบตากัน

 

“ทำไมนายไม่…”

 

“จะบ้าเหรอ แบบนั้นนายก็แย่สิ”

 

คนถามคำถามถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนดังเช่นทุกที …รอยยิ้มที่กาคุแพ้ทางที่สุด

 

นิ้วเรียวสวยเคลื่อนมาหยุดที่ริมฝีปากหนาที่ใช้บดจูบตนไปหลายรอบ เส้นผมสีน้ำตาลลู่ไปตามกรอบหน้าอย่างดูดี ท่าทางเชิญชวนที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น ไม่สิ..นี่เป็นครั้งแรก

 

“ต้องการฉัน…ให้มากกว่านี้สิ”

 

โอเมก้ากระตุกยิ้มอย่างยั่วยวน คนถูกเชิญชวนชะงัก ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นริวในมุมแบบนี้เลยสักนิด กาคุที่เคยช่ำชองและมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้อยู่บ้างกลับรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองช่างอ่อนหัดและไม่มีประสบการณ์เสียจริง ทุกอย่างดูผิดคาดไปหมด

 

กาคุสะบัดใบหน้าไล่เม็ดเหงื่อที่เกาะตามศีรษะและใบหน้า สติเหือดหายอีกครั้ง รวบเอวสอบเข้ามาประชิดตัว จัดการใช้ปากปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกคนทีละเม็ด ถกถอดมันออกให้ไปกองที่บริเวณข้อมือแล้วเริ่มมัดอย่างแน่นหนาท่ามกลางความงุนงงของเจ้าของร่าง

 

ฝ่ายอัลฟ่สจับอีกคนพลิกให้หันหน้าเข้าหาผนังห้อง จับเอามือสองข้างที่ตนมัดไว้ให้ชูขึ้นเหนือหัวแนบผนังพลางกดมือของตัวเองทับลงไปอีกที มืออีกข้างที่ว่างบีบสะโพกอีกคนไว้แน่น แววตาสีเทาจ้องมองแผ่นหลังเปลือยเปล่านิ่ง ไร้ความลังเล มีเพียงความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เหมือนกับสายตาของราชสีห์ที่ต้องการจะตะครุบเหยื่อ

 

ทางริวแม้จะตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ ยังไงซะ…เขาก็ยอมอยู่แล้ว เตรียมใจไว้อยู่แล้ว…

 

ฟึ่บ!!

 

“อ๊ากก!! อึก!! อืออ…”

 

“อืมม…”

 

แก่นกายรอนผ่าวสอดลึกเข้ามาภายในทีเดียวจนสุด สร้างความเจ็บปวดมากมายให้ผู้ที่รอรับ น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้มเป็นทางด้วยความทรมาน ความรู้สึกเหมือนร่างกายช่วงล่างถูกดึงให้ฉีกขาด ทั้งแสบ ทั้งร้อนและปวดหนึบไปหมด แต่เหนือกว่าความเจ็บที่จะตามมาจากนั้นคือความรู้สึกสุขสม…จนอดจะยิ้มไม่ได้

 

จุดกระสันภายในถูกสัมผัสและกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างกายกระตุกเกร็ง แท่งไฟร้อนขยับเข้าออกรุนแรง ดวงตาสีทองคมหลับแน่น สัมผัสกับความเจ็บและความสุขสมที่มาพร้อมกันจนต้องเปล่งเสียงครางออกมาไม่หยุด แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะปลดปล่อยความต้องการออกมาได้

 

“กาคุ..ช่วย..ฉันอยากจะ…”

 

“ก็อยากจะช่วยนะแต่ว่า..” กาคุเว้นช่วงไว้เล็กน้อย กระซิบเสียงแหบข้างใบหู “ฉันอยากลองทำให้นายเสร็จจากทางนี้เท่านั้น”

 

“ฮะ..? อึก! อื้ออ!!”

 

ริวกัดฟันตัวเองแน่น อยากจะปลดปล่อย แต่ก็ทำไม่ได้ดังใจ หัวสมองขาวโพลนว่างเปล่าไปหมด กาคุไม่แม้แต่จะสัมผัสด้านหน้าของเขาสักนิดราวกับยืนยันในคำพูดของตัวเอง มีเพียงฝ่ามือที่ยังประคองกอดเอวเขาเอาไว้ พร้อมกับจังหวะสะโพกที่ไม่ได้ลดความแรงลงเลยแม้แต่น้อย ทุกการเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงเสียจนหัวหมุน ยิ่งกระทบจุดเร้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งเรียกเสียงครางหวานออกมาได้มากเท่านั้น

 

“อา..กาคุ มาก..มากกว่านี้” แม้จะรู้สึกกระดากอายกับคำพูดของตัวเอง แต่ตอนนี้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและสติของคนทั้งคู่ไปหมดแล้ว

 

สายตาคมกริบสะดุดเข้ากับหลังต้นคอเรียบเนียนที่ไร้เส้นผมปิดบัง ตรงนั้นไม่มีรอยใดๆ ทั้งสิ้น ความปรารถนาเบื้องลึกในจิตใจกำลังร้องประท้วงกาคุจนบ้าคลั่ง เรียวปากอ้าเผยอออกเผยให้เห็นฟันขาว ใบหน้าโน้มต่ำลง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดที่ลำคอ ริวรู้ได้ในทันทีว่าอีกคนต้องการอะไรหากแต่ยังลังเล

 

“กาคุ..?”

 

“ฉันไม่อยากทำ..มันเร็วไป”

 

คนฟังเผยยิ้มเหนื่อยอ่อนออกมาก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ กาคุก้มลงจูบไปตามแผ่นหลังสีแทนเป็นการปลอบประโลม ใช้ฟันขูดเบาๆ ไปตามผิวเนื้ออย่างสะกดกลั้นอารมณ์

 

ลิ้นร้อนค่อยๆ ไล้สัมผัสตั้งแต่ปลายเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่คลอเคลียบริเวณเหนือต้นคอนวล ริมฝีปากพร่ำสร้างรอยสีกุหลาบไปตามลำคอ แผ่นหลัง ตีตราจองทุกส่วนของร่างกายนี้เป็นของเขาคนเดียว ยิ่งกาคุขบกัดและสร้างรอยที่บ่งบอกว่าสัมผัสไปตามร่างกายนี้มากเท่าไหร่ ความรู้สึกอันท่วมท้นก็ยิ่งเอ่อล้นออกมาเรื่อยๆ จนแทบระเบิด

 

“อื้มม ฉัน..จะเสร็จแล้ว”

 

กาคุขยับกายแรงๆ อีกครั้งสองครั้งก่อนจะพยายามขยับตัวออกห่างเพื่อหลั่งข้างนอกอีกรอบ แต่ริวกลับตอดรัดให้แน่นมากยิ่งขึ้นจนยากจะขยับ ฝ่ายอัลฟ่าเงยหน้าจากแผ่นหลังเนียนด้วยความสงสัยก่อนจะได้รับใบหน้าหวานแดงซ่านที่ดูอิดโรยเอี้ยวหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ร่างสูงกว่ากลับมายืดตัวตรง แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสเข้ากับแผงอกแกร่งรับรู้ได้ถึงความร้อนของกันและกัน แขนสองข้างที่ถูกพันธนาการโน้มมาข้างหลังคล้องเอาไว้กับลำคอแกร่ง  กระซิบอย่างยั่วยวนแถวริมฝีปากร้อน

 

“เข้ามาสิ เข้ามาในตัวฉัน…ทั้งหมดของนาย” ก่อนจะประกบริมฝีปากของตนเข้ากับกาคุ

 

“อึก!!”

 

แขนแกร่งรัดเอวหนาแน่นขึ้น ทรุดกายนั่งลงกับพื้นในท่าคุกเข่า ยกอีกคนให้ซ้อนขึ้นบนตัก ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่กว้างที่กำลังสั่นเทา ปลดปล่อยความปรารถนาที่มีเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลอีกจนมันล้นทะลักออกมา เรียกเสียงครางระงมของคนทั้งสองให้ลั่นห้อง ก่อนที่ริวจะทำท่าเหมือนจะล้มคว่ำทรุดลงไปกองกับพื้นจนกาคุต้องกอดให้แน่นขึ้น

 

จมูกโด่งคมซุกไซ้ซอกคอกรุ่น กลิ่นกายเฉพาะและกลิ่นฟีโรโมนที่ยังส่งกลิ่นหอมหวานออกมาไม่หยุดแทบทำให้กาคุควบคุมตัวเองไม่อยู่ ปฏิกิริยาที่มีต่อโอเมก้าที่ฮีทว่าน่ากลัวแล้ว ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคู่โชคชะตา เขายิ่งดิบเถื่อนและรุนแรงเกินไปจนแทบไม่ได้สนใจร่างกายในอ้อมแขนตอนนี้ที่ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยบอบช้ำและลำคอขาวที่มีแต่รอยแดง

 

“กาคุ เตียง..ยืนไม่ไหว”

 

คำพูดที่ทำให้ร่างโปร่งจัดการประคองอีกคนที่สติไม่เต็มร้อยมาที่เตียง ฝ่ามือลูบไปตามร่างกายที่ดูบอบบางลงไปถนัดตาด้วยความกังวล แต่ความต้องการของเขามันยังไม่จบ…แต่ริวกำลังจะไม่ไหว

 

“ฉันไม่เป็นไร” รอยยิ้มเหนื่อยอ่อนฉายขึ้นบนใบหน้า คละไปกับเสียงหอบหายใจหนักๆ พร้อมกับการคว้ามือแกร่งไปกุม “ฉันอยากให้นายกอดฉัน สัมผัสฉันอีก โอเมก้าฮีทน่ะ…แค่นี้ไม่พอ”

 

กาคุกัดฟันตัวเองแน่น คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความคับแค้นใจ รู้สึกโกรธตัวเองที่ยังต้องทำร้ายร่างกายนี้อีกไปเรื่อยๆ ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกระหว่างเขาทั้งสองคน กาคุอยากให้มันดีกว่านี้ แต่เพราะสัญชาตญาณของตัวเขาที่มันถูกปลุกจนไฟราคะโหมกระพือมันยากที่จะดับลงโดยง่าย

 

“แล้วนายจะต้องเสียใจที่เลือกแบบนี้”

 

ดวงตาสีเทาไม่มีแววล้อเล่นหรือใจดีแฝงอยู่ มีเพียงความหม่นแสงที่แสดงออกถึงสัญชาตญาณความน่ากลัวที่ถูกปลุกให้ตื่น ยิ่งได้ยินเสียงหอบถี่ ครวญครางของคนใต้ร่าง ร่างกายก็ยิ่งปั่นป่วน ยิ่งได้มองใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาและแก้มที่แดงจัด ความร้อนรุ่มในกายก็ไม่อาจลดทอนลงไปได้สักนิด

 

อยากสัมผัส อยากกอดรัด อยากทำให้ร่างกายตรงหน้าเป็นของๆ ตัวเองให้มากที่สุด ทุกที่ ทุกส่วน

 

คนที่กาคุมั่นใจแล้วว่ายังไงก็คือคนที่ใช่

 

“ชอบนาย ตั้งแต่แรก…ที่พบ”

 

ร่างสูงโปร่งชะงักเล็กน้อย คนเดิมที่เหมือนจะหายไปค่อยๆ กลับคืนมาบ้าง ใบหน้าชื้นเหงื่อผุดรอยยิ้มอ่อนโยน เอื้อมมือไปประสานกับมือหนา โน้มกายลงบดเบียดกับร่างสูงพอกันข้างใต้จงใจปัดปลายจมูกให้เฉียดแก้มแดง เคลื่อนไปกดจูบที่ใบหู

 

“อา ฉันก็เหมือนกัน”

 

ไม่รู้ว่าเย็นนี้นจะอีกยาวนานไหมสำหรับริว รู้เพียงว่าแม้จะเจ็บปวดเพียงใด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธร่างกายนี้ได้ ในทางตรงกันข้าม กลับต้องการมากขึ้นๆ ความเข้ากันได้ดีเกินไประหว่างพวกเขามันทำให้กลัวว่าจะหยุดไม่ได้ ราวกับโดนเสน่ห์และพละกำลังอันมากล้นของอัลฟ่าเข้าครอบงำจิตใต้สำนึกไปหมด เสน่ห์ของโอเมก้าที่มีไว้สำหรับคู่ของตนก็ทำให้กาคุไม่สามารถหยุดยั้งได้

 

เขาเองก็ต้องการสัมผัสร่างกายนี้มาแต่แรก

 

สัมผัสมากมายที่กาคุมอบให้พาให้ริวสะท้านเฮือก ซุกหน้ากับหมอนแน่น ฝ่ามือจิกเกร็งเข้ากับหมอนนุ่มจนมันยู่ยี่ ปลายเท้าทั้งสองจิกเกร็งกับเตียงจนขึ้นข้อขาว ขากว้างอ้าออกอย่างเชิญชวนให้เห็นช่องทางรักที่ขมิบถี่เร่งให้อีกคนเร่งเข้ามาภายใน กาคุกลืนน้ำลายลงคอและไม่รอช้าทันที

 

“อ๊าาาา!!”

 

เพียงแค่นิ้วของกาคุริวก็ร้องลั่น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ขยับบิดตัวเร้าตอดรัดนิ้วเรียวอย่างรุนแรงบ่งบอกว่าเจ้าตัว..ต้องการมากกว่านี้

 

“ฮื่อ…กาคุ”

 

ช่องทางที่ฉ่ำแฉะเพราะน้ำรักของกาคุเมื่อครู่และน้ำหล่อลื่นของอีกคนเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่าอีกคนต้องการมากขนาดไหน กายสีแทนบิดเกร็งอย่างทรมาน ริมฝีปากพร่ำเรียกชื่อกาคุไม่หยุดปาก

 

น่าทำให้แหลกคามือ

 

ความคิดที่กาคุคิดไปพลางมองใบหน้าชื้นเหงื่อ ปากสั่นระริก ดวงตากำลังปล่อยหบดน้ำเม็ดโตให้อาบไปตามแก้มเนียน ร่างกายที่กระตุกเกร็งทุกครั้งที่กาคุกดนิ้วสัมผัสช่องทางนุ่มหยุ่น ริวก็ยิ่งกัดปากแน่น ช่องทางบีบรัดนิ้วเรียวจนกาคุอยากจะแทกกายใส่ร่างตรงหน้าหนักๆ

 

“กาคุ.. ฮื่ออ มะ..ไม่เอานิ้ว ของนาย…เอาของนาย”

 

เสียงครางต่ำระงมของคนทั้งสองลอดออกมาจากริมฝีปากเมื่อความร้อนใหญ่โตสอดใส่ช่องทางอุ่นร้อน แรงบีบรัดจากผนังรอบด้านแทบทำให้กาคุไม่กล้าจะขยับ แต่ร่างข้างใต้กลับเป็นฝ่ายขยับสะโพกเข้าออกเองจนกาคุครางอืม ความเสียดเสียวมากพอกับความสุขสมจนต้องคว้าร่างข้างใต้มากอดแน่น

 

“ฮ่า.. ฮึก! ลึก เข้ามาอีก แรงอีก”

 

เสียงสั่นๆ แหบๆ พร้อมกับขาทั้งสองที่โอบเกี่ยวเอวสอบของกาคุไว้ ทั้งยังยกสะโพกตัวเองขึ้นจนกาคุสามารถสอดแทรกความเป็นตัวเองได้ลึกขึ้นจนแทบจะปลดปล่อย เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งห้องจนหูอื้ออึง ใบหน้าหล่อคมเชิดขึ้นยันมือข้างหนึ่งกับเตียงแล้วสวนกายเข้าหาคนใต้ร่างไม่หยุด

 

“นาย..ยั่วมาก ริว”

 

สวบๆๆ

 

“อ๊ะๆๆ!!”

 

ริวร้องลั่น ขบกรามแน่นเมื่อความร้อนที่อยู่ในกายสัมผัสโดนจุดที่ทำให้เขารูสึกดี กาคุที่เหมือนจะรู้ดีก็ยิ่งขยับกระทบจุดนั้นมากขึ้น มืออีกข้างคว้าเข้าที่กลางลำตัวอีกคนใช้ปลายนิ้วขยี้ส่วนปลายปริ่มน้ำจนริวยิ่งบิดกายด้วยความเสียวซ่านและความสุขที่ท่วมท้นเข้ามา เปล่งเสียงครวญครางให้กาคุยิ่งชอบใจ

 

“จะ..จะถึง… กาคุ!!”

 

ไม่นานเกินรอ คนที่ถูกกระทำก็เบิกตากว้างเมื่อแท่งไฟร้อนถูกถอนจนสุดแล้วเข้ามาทีเดียว สองมือจิกลงบนผ้าปูเตียงแน่น ครางรับในลำคออย่างพึงพอใจเมื่อความอุ่นร้อนฉีดพ่นเข้ามาภายใน แกนกายของริวเองก็มาถึงปลายทางจนเลอะเต็มมือกาคุ

 

“นายน่ารักมาก..ริว”

 

 

ไม่รู้ว่าภายในคืนนี้พวกเขาทั้งสองจะเรียกร้องชื่อกันและกันไปกี่ครั้ง สำเร็จความต้องการกันไปกี่ครั้งและมากน้อยแค่ไหน ทุกอย่างมันแค่รู้สึกดีและโล่งแบบที่สุดจนหัวสมองไม่ต้องการจะนึกคิดเรื่องอื่นใดอีก มีเพียงความต้องการในร่างกายของกันและกันเท่านั้นที่สัญชาตญาณสั่งให้สมองรับรู้

 

แม้ข้างในจะอึดอัดและร้อนจนแทบบ้าแต่กลับไม่อยากให้ความร้อนรุ่มนั้นถอดถอนออกไปแม่แต่น้อย ยังคงเดินหน้าต่ออย่างบ้าคลั่งราวไม่รู้จุดสิ้นสุด เสียงครางหวานที่ลั่นออกมาจากลำคอแม้จะเริ่มแหบแห้งจนไร้เสียงแต่ก็สามารถเค้นมันออกมาได้พร้อมกับเสียงสะอื้นเจ็บปวดและหยดน้ำตาอีกมากมายที่ไม่อาจสั่งให้หยุดไหล

 

แม้ร่างกายที่แสนบอบช้ำนั้นจะหมดสติไป แต่กลับถูกปลุกให้ตื่นขี้นมาใหม่ได้อย่างไรก็ไม่อาจทราบ วนรับสัมผัสหวามและความเสียดเสียวเกินห้ามใจรอบแล้วรอบเล่า ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่สำหรับค่ำคืน

ที่เหมือนจะแสนยาวนานนี้ที่ความต้องการและความกระหายหยาดหยดนี้ถึงจะหมดไป พร้อมกับคำพร่ำบอกรักมากมายที่ฟังไม่รู้เบื่อ

 

เจ็บปวดทรมานทั้งกายเจียนตาย แต่ก็มีความสุขจนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งที่ยังหายใจ

 

 

ความอบอุ่นข้างกายเป็นสิ่งที่ปลุกกาคุให้ตื่นขึ้นจากนิทรา นานมากแล้วที่กาคุไม่ได้นอนกอดใครสักคน พอแค่ขยับตัวก็รู้สึกได้ถึงร่างกายอุ่นนุ่มและกลิ่นหอมหวานที่ชวนให้หลงใหลกาคุก็แทบอยากจะตื่นมาสัมผัสร่างข้างกายอีกครั้ง

 

ดวงตาสีเทาคมกริบมองคนที่ซุกอกตัวเองหลับสนิทอย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนที่จะจูบลงที่เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มตรงปลายคางตัวเอง ใบหน้าที่ยังมีเค้าแววอิดโรยกวาดมองสำรวจไปรอบห้องที่เขาแทบไม่ได้สนใจในทีแรก นาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว

 

“เวร! สึกิเนะ…”

 

กาคุจำใจละออกจากร่างที่กำลังกอดกกอยู่ จัดการแต่งตัวลวกๆ แต่พยายามให้เรียบร้อยที่สุดก่อนจะก้าวออกจากห้องของริวไปอย่างแผ่วเบา เพราะห้องของริวอยู่ชั้นล่างติดกับห้องนั่งเล่น ทันทีที่กาคุก้าวขาออกมานอกห้องได้ เขาก็ต้องพบกับบุคคลไม่คุ้นหน้าสองคนที่นั่งอยู่ และอีกหนึ่งคนที่คุ้นหน้าดี

 

สองคนที่ไม่เคยเห็น เป็นชายหญิงดูมีอายุ โครงหน้าที่คล้ายริวทำให้กาคุรู้ว่าทั้งสองคงจะเป็นพ่อแม่ของริวแน่ๆ ส่วนอีกคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่สาวของเขาเอง

 

“งามหน้ามากนะกาคุ มีอะไรจะอธิบายไหม”

 

แม้จะยังสงสัยว่าพี่สาวเขามาถึงที่ไหนได้อย่างไร แต่ตอนนี้ประเด็นนั้นไม่ใช่เรื่องที่กาคุจะหยิบมาแก้ตัวได้ซักนิด ร่างสูงโปร่งจัดเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อยก่อนจะโค้งให้สองผู้อาวุโสกว่าตนแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างพี่สาวของเขาที่นั่งตรงโซฟาตรงข้ามพ่อแม่ริว แล้วการไต่สวนก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น

 

ดูท่ากาคุคงจะไม่ได้นอนง่ายๆ แน่คืนนี้

 

……………………………………….

 

 

เช้าวันใหม่มาเยือนด้วยแสงอาทิตย์อบอุ่น ร่างสูงใหญ่ใต้ผืนผ้าห่มอบอุ่นขยับตัวเล็กน้อย ปลายจมูกรั้นได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟลอยมาแตะจมูกจนต้องสูดจมูกฟุดฟิดอย่างลืมตัว

 

“ตื่นแล้วเหรอ”

 

เสียงนุ่มทุ้มจะว่าคุ้นก็ไม่คุ้นดังขึ้นเหนือหัว ริวขยับหัวคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เปลือกตาบางพยายามเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เริ่มเปิดรับภาพเบื้องหน้าได้แจ่มชัดทีละน้อยจนมองเห็นคนที่เอนตัวพิงหัวเตียงในมือถือแก้วกาแฟส่งกลิ่นหอมกรุ่นทำเอาริวผงะเขยิบตัวถอยทันที

 

“กาคุ เอ้ย คุณกา..”

 

“ไม่ทันแล้วริว ฮะๆ”

 

กาคุเอื้อมตัวเอาแก้วกาแฟไปวางที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีกคนแล้วดึงเข้ามากอดแนบอก ริวตัวแข็งทื่อแทบจะกลั้นหายใจยามที่ใบหน้าของตัวเองชนเข้ากับแผงอกขาวซีดของอีกฝ่าย แม้กาคุจะใส่เชิ้ตคลุมไว้แต่กลับไม่ยอมจดกระดุมซักเม็ด ริวลอบขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจับสัมผัสตัวเองก่อนจะรู้สึกว่าตัวเขายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าซักชิ้น

 

หัวสมองริวทำงานหนักขึ้นมาทันที พยายามนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น กาคุมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วสภาพนี้ได้อย่างไร แต่ยิ่งแนบชิดอีกคนมากเท่าไหร่ เหมือนว่ากลิ่นฟีโรโมนที่ติดตัวกาคุจะทำให้ริวเริ่มนึกออก

 

ฝ่ามือหนารีบยกขึ้นตะปบคอตัวเองทันที กาคุก้มมองท่าทางนั้นพร้อมกับหลุดขำจนริวต้องเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังขำตัวเองไม่หยุด

 

“กาคุ..”

 

“ยังไม่ได้กัดครับ” กาคุว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือขาวเกลี่ยผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายออกเบามือ “รอวันที่นายพร้อมกว่านี้”

 

คนฟังเบิกตาออกเล็กน้อย ภาพความทรงจำเมื่อวานเย็นเริ่มย้อนเข้ามาในหัวบ้างแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นอาการแสบๆ ที่คอทำให้เขารู้ว่าเมื่อวานคงจะครางออกมาหนักขนาดไหน ลำพังแค่เรียกชื่อกาคุเมื่อครู่ริวยังรู้สึกแสบไปหมด

 

“ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว เรื่องพ่อของฮาคุสึ” กาคุเอ่ยออกมาเรียบๆ กระชับแขนที่กอดอีกคนไว้แน่นขึ้น ริวนิ่งไม่พูดอะไร เพียงซบหัวลงที่อกอุ่น “เด็กคนนั้นเกิดจากความไม่ตั้งใจสินะ”

 

“อื้ม แต่ฉันก็รักเขานะ ยังไงฮาคุก็มีเลือดเนื้อของฉัน” ริวหลุบตาลงเล็กน้อย ภาพความทรงจำในอดีตเมื่อ 9 ปีก่อนย้อนเข้ามาเล็กน้อยจนดวงตาหม่นแสงลง ความเลวร้ายที่สุดของชีวิตในการเป็นโอเมก้าของตัวเองในตอนนั้นทำให้ริวแทบจะฆ่าตัวตายไปแล้ว ร่างกายที่ถูกสัมผัสแบบไม่ได้จำยอมเลยแม้แต่น้อยเป็นดั่งตราบาปของเขา ซ้ำร้ายคืออีกสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่ตามมา

 

แต่ในความโชคร้ายนั้น มีเรื่องโชคดีมาอยู่บ้างเมื่อครอบครัวของทางฝั่งนั้นคิดรับผิดชอบ ในระหว่างที่ริวตั้งท้องอยู่พ่อแม่ของอัลฟ่าคนนั้นจะคอยส่งเงินและอาหารดีๆ มาให้เสมอ ทั้งยังมาเยี่ยมเขาที่บ้านประจำ ผิดกับลูกชายของบ้านที่ตั้งแต่ขืนใจริวเสร็จก็ไม่เคยเหลียวแล รู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่เจ้าตัวไปมีเรื่องกับอัลฟ่าคนอื่นจนเสียชีวิตไปในที่สุด

 

พอฮาคุสึเกิด พ่อแม่ของฝั่งนั้นก็ยังคงมาเยี่ยมและช่วยดูแลหลานชายตัวน้อยกันใหญ่ ฮาคุสึยังมีคนที่เรียกว่าปู่กับย่า ริวไม่ได้ตัดขาดกับทางนั้นเสียทีเดียว เพียงแต่ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อกันมากมาย ถ้าอยากมาหาหลานเมื่อไหร่เขาก็ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว และนอกจากเรื่องที่ครอบครัวฝั่งนั้นยอมรับริว นั่นก็คือการที่ริวไม่ถูกการตีตราด้วยการถูกกัด

 

เพราะฉะนั้นแม้จะมีฮาคุสึอยู่ทั้งคน แต่ริวก็ยังมีโอกาสที่จะหาคู่ชีวิตของตัวเองเจอ ยังมีโอกาสที่จะได้เจอคนที่คิดว่าใช่ที่สุดของชีวิต..

 

และคนๆ นั้นก็คือคนที่ริวกำลังกอดอยู่ตอนนี้

 

“ฮึก..” ริวสะอื้นออกมาเบาๆ กระชับแขนที่โฮบรอบตัวกาคุไว้แน่นก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ

 

ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า แต่เป็นน้ำตาที่แสดงถึงความดีใจ

 

กาคุยกมือลูบผมอีกคนช้าๆ แม้จะไม่พูดอะไรแต่กาคุก็เข้าใจดี โอเมก้าคนหนึ่งที่ถูกข่มขืนจนต้องตั้งท้อง แม้จะไม่ถูกสร้างพันธะแต่ก็เหมือนถูกกักกันอิสรภาพไปเรียบร้อย ไม่ใช่เพียงแค่ฮาคุสึที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันริวจากอัลฟ่าคนอื่น แต่ก็ยังเป็นริวเองด้วยที่กีดกันตัวเองออกจากอัลฟ่าคนอื่นเช่นกัน

 

แม้แต่ตัวกาคุเองที่คิดว่าตัวเองคงไม่มีวันจะเอาชีวิตไปผูกติดกับใคร และยังไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาแต่แรกว่ามีอยู่จริง แต่เมื่อใครคนนั้นได้มาอยู่ต่อหน้าก็พาให้หัวใจที่เหี่ยวเฉามานานของกาคุได้พองโตขึ้นเหมือนมีคนมาหยิบยื่นหยดน้ำให้ ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นและมั่นใจว่าคนตรงหน้าคือคนที่ใช่ตั้งแต่สบตา ก็ไม่อยากจะคาดคิดว่าเป็นคู่โชคชะตาของตัวเอง

 

“นี่” ริวร้องเสียงอู้อี้ในคอ ก่อนจะดันตัวขึ้นจนใบหน้าชนเข้ากับอีกฝ่าย

 

“หืม?”

 

“ตรงนี้น่ะ กัดสิ” ว่าพลางใช้จับมืออีกคนให้ปลายนิ้วไล้ที่ซอกคออย่างยั่วยวน ดวงตาสีทองจรดมองที่ริมฝีปากที่เผยอออกของกาคุ “ให้ฉันเป็นของนาย”

 

กาคุจัดการกดอีกคนให้นอนคว่ำตัวลงแทบจะทันที ริวเบ้หน้าเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แม้จะรู้สึกใจหายไปบ้าง แต่ริวเองมั่นใจแล้วว่าหลังจากนี้เขาพร้อมจะมอบช่วงชีวิตที่เหลือให้ใคร

 

“ชีวิตของนายนับจากนี้ ฉันจะรับไว้เอง”

 

กึด!!

“อื้อ!”

 

ริวขบกรามแน่นครางอื้ออึงในลำคอ เมื่อซอกคอสัมผัสได้ถึงฟันคมที่กัดลงมาอย่างแรง กลิ่นคาวเลือดแทนที่กลิ่นหอมของกาเฟอีนใกล้ๆ น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาช้าๆ กาคุยังคงไล่วนเลียปากแผลไม่หยุดจนแสบไปหมด แต่นอกจากความเจ็บแสบนั้นคือริวรู้สึกดี

 

“ฝากด้วยนะครับ ยาโอโตเมะ กาคุ”

 

………………………………………..

 

 

เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ในโรงเรียนประถมเป็นเสียงหนึ่งที่กาคุยังไม่ค่อยพิสมัยมันเท่าใด แม้ว่าหลายเดือนมานี้เขาจะรับหน้าที่มารับหลานชายเป็นประจำทุกวัน แต่จนแล้วจนรอดกาคุก็ยังไม่ชิน ร่างสูงโปร่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสอดส่องมองหาคนสำคัญของตัวเองจนคิ้วขมวดมุ่น รออีกซักพักร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยถึงเริ่มวิ่งมาไกลๆ ให้เห็น

 

“อา.. ขอโทษทีกาคุ พอดีติดงาน”

 

ริวหยุดลงที่หน้าโต๊ะตัวเดิมระหว่างพวกเขา กาคุยักไหล่มุ่ยหน้าหันหนีทำเป็นไม่สนใจคนที่มาช้ากว่าเวลาไป 15 นาที

 

“เห อย่างอนสิ มันสุดวิสัย”

 

“เปล่างอน”

 

ถึงปากจะพูดอย่างนั้น แต่ใบหน้ากลับแสดงในทางตรงกันข้าม ริวขำเบาๆ กับท่าทางที่เหมือนเด็กแบบนั้นจนกาคุยิ่งมุ่นคิ้วมากขึ้น เอื้อมมือไปคว้าอีกคนให้เข้ามานั่งข้างๆ ก่อนจะตวัดมือโอบรอบเอวหนาของอีกคนไว้แนบกายโดยไม่สนสายตาใคร

 

“ก..กาคุ นี่มันโรงเรียน”

 

“ใครสน” ไม่ว่าเปล่า ยังกดปลายจมูกเข้ากับลาดไหล่กว้าง ก่อนจะเลื่อนปลายจมูกซุกซนไปที่ใต้คางจนริวครางอืม หลับตาพริ้ม แต่ก่อนที่คนเอาแต่ใจจะหยามใจไปมากกว่านี้ เสียงเรียกเล็กๆ ทำให้ทั้งสองคนชะงัก

 

“คุณอาครับ นี่มันโรงเรียน”

 

ริวผละออกจากกาคุอย่างรวดเร็ว แก้มซับสีเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกชายกำลังจ้องเขม็งมองอย่างปลงไม่ตก ส่วนเด็กอีกคนก็ยกมือปิดตาโดยที่เปิดช่องระหว่างนิ้วดูน่ารักน่าเอ็นดู

 

“เรา..เรากลับกันเถอ– อุบ!”

 

ดวงตาสามคู่พากันหันไปมองริวอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่กาคุจะเอ่ยถามอะไร ริวก็วิ่งหนีไปอีกทาง ฝ่ามือยกปิดปากตัวเองแน่น ผู้ชายอีกสามที่เหลืออยู่จึงรีบพากันวิ่งตามริวไปอย่างรวดเร็ว

 

“อุ่ก! แค่กๆ อึก…อือ”

 

ริวยกมือเช็ดไปตามมุมปาก กาคุเข้ามาประคองไว้พลางลูบหลังไปพลางๆ เด็กน้อยอีกสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ริวและกาคุเองก็ไม่พูดอะไรเพียงเม้มปากแน่น เหม่อมองไปรอบๆพักหนึ่งก่อนที่ริวจะหันตัวมาหากาคุด้วยใบหน้าแดงๆ

 

“กาคุ…”

 

“รู้ครับ”

 

รอยยิ้มกว้างฉายขึ้นบนใบหน้าของคู่รัก ริวกระโดดเข้ากอดอีกคน กาคุหัวเราะออกมาเบาๆ โอบแขนกอดตอบริวเอาไว้ ไม่ต้องพูดอะไร คนที่มีประสบการณ์ทั้งสองก็เข้าใจได้อย่างดี

 

ความรักของพวกเขาไม่ใช่ความผิดพลาด รวมถึงพยานรักนับจากนี้ในอีก 9 เดือนที่จะออกมาลืมตาดูโลกก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาดเช่นกัน เป็นสัญลักษณ์ที่จะผูกเกี่ยวเขาทั้งสองเอาไว้ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

 

..ตลอดไป

 

 

 

“อานายนี่ร้ายชะมัดสึกิคุง”

 

“แม่นายก็เหมือนกันแหละน่าฮาคุคุง คิกๆ”

 


 

จัดไป 49 หน้าเวิร์ดค่ะ 14000+ คำ แบบยังไม่ได้ตรวจทานน ไม่ไหววววว เยอะเกินนนนนนนนนนนนน ไม่ตรวจแล๊ววววว //หมดแรงงง