[Fic IDOLiSH7 : Torao x Toma] Mysterious Florist : 3

 

Mysterious Florist : 3

Pairing : Mido Torao x Inumaru Toma

AU Fantasy Setting

 


 

 

 

“ว่าไงนะ!? นายไปร้านดอกไม้ลึกลับนั่นหลายครั้งแล้วเหรอ!!”

สายตานับสิบคู่หันพรึบมาทางต้นเสียงเป็นทางเดียวจนผู้รวมโต๊ะคนอื่นๆ ต้องรีบดึงตัวคนเสียงดังให้หน้าแทบจะแนบโต๊ะและพวกเขาต่างก็ผงกหัวเป็นการขอโทษคนรอบๆ โดยเร็ว

หลังสถานการณ์กลับมาปกติ โทราโอะก็ถอนหายใจเฮือกออกมา ไม่วายมองค้อนเพื่อนร่วมกลุ่มที่กำลังส่งยิ้มแหยอย่างสำนึกผิดมาให้ ไม่ต่างกับอีกคนที่นั่งอยู่ข้างอีกฝ่าย กำลังยกกาแฟขึ้นมาจิบพลางขมวดคิ้วออกมาแม้จะไม่พูดอะไรก็ตาม

“นี่ ตกลงแล้วมันยังไงต่อ”

หัวข้อสนทนาเดิมยังคงไม่เลือนหาย ร่างสูงใหญ่ที่เป็นฝ่ายตื่นเต้นแต่ทีแรกถามด้วยดวงตาประกาย สองมือยื่นไปจับแขนเพื่อนสนิทเขย่าเบาๆ

“ก็เจอร้าน.. ไง มันต้องมีอะไรอีก?” โทราโอะว่าด้วยความงุนงง ดวงตาสีเชอร์ชี่ประกายฉงน

“แปลก”

คำคำเดียวที่ดังมาจากชายที่ดูนิ่งเฉยมาตลอด เรียกสายตาสนอกสนใจจากผู้ร่วมโต๊ะอีกสอง เจ้าของดวงตาสีทองอร่ามเริ่มส่อแววสนใจอีกครั้ง เขาหันมามองชายหนุ่มที่นั่งข้างกายแทนแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้

แม้ริวโนสุเกะจะดูตื่นเต้นมากเพียงใดกับคำพูดเพียงคำเดียวนั้น แต่ชายผู้มีเรือนผมสีเทาประกายเงินกลับยังคงท่าทีสงบนิ่ง ราวกับไม่ได้รับรู้ถึงสายตาออดอ้อนที่มองมาอย่างมีความหวังจากคนข้างกาย กระทั่งปะทะสายตาเข้ากับตาเรียวคมอีกคู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เขาจึงฉีกยิ้มออกมา

ปกติแล้วกาคุไม่ใช่คนที่จะออกความเห็นอะไรออกมาเท่าใดนักถ้าหากว่าไม่มีใครถาม โดยเฉพาะกับเรื่องที่ดูเหนือธรรมชาติ ยิ่งเป็นสิ่งที่กาคุแทบไม่ให้ความสนใจใดๆ กับมันเลย บ่อยครั้งที่เขาได้ยินเรื่องร้านดอกไม้ที่ว่าจากริว แต่ทุกครั้งก็เต็มไปด้วยความนิ่งเฉย ไร้ซึ่งข้อคิดเห็นใดๆ

โทราโอะยังคงจับจ้องไปยังเจ้าของรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ เขาวางแก้วชาลงกับโต๊ะและเปิดปากพูด

“รู้อะไรมา”

คนถูกถามหัวเราะในลำคอเป็นจังหวะ แก้วกาแฟถูกลดลงเช่นเดียวกัน พลางเหลือบตามองริวที่ยังนั่งเกาะแขนอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะขยับพิงพนักเก้าอี้ให้ดี

“ไม่เคยมีใครเจอร้านนั้นเกินหนึ่งครั้ง” คำพูดของกาคุดึงความสนใจจากอีกสองที่ตั้งใจรอฟัง โดยเฉพาะริวที่เหมือนจะหูผึ่งกว่าเดิม “คนที่เจอร้านนั้น ส่วนใหญ่บอกว่าเจอด้วยความบังเอิญ ไม่ก็มีเหตุจำเป็น และต่อให้ร้านจะเกิดขึ้นที่เดิม แต่ถ้าใครไม่ใช่เป้าหมายโดยสิ้นเชิง ก็จะไม่มีทางมองเห็นร้านนั้นโดยเด็ดขาด”

“อะไรคือไม่ใช่เป้าหมายโดยสิ้นเชิงอะ” ริวเอ่ยขัด โทราโอะเองก็เห็นด้วยว่าตนไม่เข้าใจ

“คนที่ไม่ใช่ลูกค้าที่ถูกชะตา เหล่าคนที่ไม่พึงปรารถนาจะให้เห็น”

คำตอบของกาคุยังคงคลุมเครือ ริวได้แต่ย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แต่ความทรงจำของโทราโอะนึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เขาเห็นร้านดอกไม้ เขาไม่รู้ว่ามีใครอื่นเห็นหรือไม่เห็น มีเพียงเด็กชายที่วิ่งตัดหน้าเขาและเอ่ยชมในครั้งนั้น ทำให้เขานึกว่าไม่ว่าใครก็คงจะเห็น แต่ถ้าหากนั่นคือหนึ่งในพลังของโทมะที่ต้องการให้เด็กคนนั้นเห็นด้วย?

โทราโอะพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา กลิ่นหอมรัญจวนประหลาดลอยมาแตะปลายจมูก ไม่ใช่กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟหรือเบเกอรี่ หากแต่เป็นเหมือนกลิ่นหอมละมุนของเหล่ามวลไม้ เหมือนครั้งที่เคยย่างเท้าก้าวเข้าไปในร้านปริศนา หลุดเข้าไปในห้วงความคิดของตนที่มีหมู่มวลกลีบผกาล่อหลอกให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ อย่างไร้สติ กระทั่งมีเสียงดีดนิ้วดังขึ้นข้างหู โทราโอะจึงตื่นกลับมายังโลกความเป็นจริงอีกครั้ง

“อย่าเพิ่งสติหลุดไปไหน พ่อหนุ่ม” กาคุว่าพลางยิ้มเยาะจนคนโดนทักหน้าเสีย แต่ก็ไม่อาจเถียงอะไรได้จนต้องสะบัดหน้าไปมา กาคุยกยิ้มอีกครั้งก่อนจะว่าต่อ “ฉันว่านายคงมีอะไรสักอย่างที่เกี่ยวพันธ์กับเด็กคนนั้น”

ชายหนุ่มอีกสองพากันตีหน้าฉงน ริวถลึงดวงตาสีทองของตัวเองพลางจ้องกาคุเขม็ง เขายื่นตัวมาหากาคุจนถ้าสามารถเกยมานั่งบนเก้าอี้เดียวกันได้ก็คงทำไปแล้ว ส่วนโทราโอะยังคงนิ่งนิ่งที่เดิมแม้หัวคิ้วจะขมวดเข้าหากันและกำลังมองมาทางกาคุด้วยแววตาไม่ไว้ใจก็ตามที

ท่าทางที่ชวนเป็นปริศนาของกาคุยิ่งทำให้โทราโอะหงุดหงิด ริวก็ยิ่งใคร่รู้มากขึ้น กระทั่งริมฝีปากได้รูปเผยอขึ้นอีกรอบ และคำตอบที่ได้รับก็เล่นเอาทั้งสองกระจ่าง

“ฉันก็เคยเจอร้านนั้นมาก่อน”

 

❁❁❁❁❁

 

คำพูดของกาคุเวียนวนอยู่ภายในหัว ไม่ว่าจะพยายามสลัดอย่างไรก็สลัดความกลัดกลุ้มสงสัยนั้นไม่ออก สถานีรถไฟหลายสถานีที่นั่งผ่านมา จนกระทั่งเดินไปตามเส้นทางกลับบ้าน โทราโอะก็ยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง

เขาไม่เคยฉุกคิดเยสักครั้ง แม้จะพาตัวเองเข้าในร้านนั้นหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม

คำพูดของโทมะในวันที่เขาเข้าไปในร้านครั้งแรก

 

“…หวังว่าเราคงได้พบกันอีก อา.. คงต้องเจออีกแน่ๆ”

 

คำพูดนั้น ไม่เคยหลุดออกจากปากของโทมะต่อลูกค้าคนใดเลย ไม่ว่าจะกี่รายต่อกี่รายที่เข้ามาในร้านในยามที่โทราโอะเองก็อยู่ ได้รับการยืนยันจากกาคุเองที่เคยเข้าร้านนั้น

ได้พร ได้ดอกไม้ กล่าวลา

ไร้ซึ่งการทิ้งท้ายว่าจะได้กลับมาพบกันอีก

หากการที่พวกเขาที่ได้พบร้านดอกไม้ลึกลับนั้นคือโชคชะตาอย่างที่ตัวโทมะบอก เช่นนั้นแล้วโทราโอะคือคนพิเศษที่ได้รับโอกาสมากกว่าใคร เขาคือผู้ที่มีโชคชะตากับโทมะอย่างนั้นหรือ?

รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าด้วยความปิติ ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเผยรอยยิ้มออกมาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ ขนาดที่ไม่อาจรู้ตัวได้เลยว่าตัวเองกำลังยิ้มกว้างขนาดไหน ความสุขกำลังควบตัวอยู่ภายในอก จนภาวนาให้เส้นทางที่กำลังก้าวผ่าน หดสั้นลงอีกเพียงสักนิดก็ยังดี

เพราะวันนี้ ถึงเวลาที่เขาเองก็เฝ้าฝันหาถึงมวลดอกไม้ที่เบ่งบานรอต้อนรับอยู่เช่นกัน

 

❁❁❁❁❁

 

ภายในห้องนอนที่อวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้หอมสดชื่นชวนให้จิตใจเบิกบาน กลับมีร่างของคนคนหนึ่งที่กำลังมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ สองมือกอดเข่าตัวเองแน่นแนบอก รอบดวงตามีร่องรอยแดงก่ำคล้ายคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา ทั้งสิ่งที่ยืนยันว่าเจ้าของห้องผู้นี้อารมณ์ไม่ดี นั่นก็คือดอกไม้ที่ตั้งภายในห้อง พากันงองุ้มคอตก ราวกับดอกไม้ที่ขาดน้ำจนแห้งเหี่ยว

ยกเว้นก็เพียงแต่ กลุ่มลาเวนเดอร์ต้นเล็ก ไฮยาซินช่องาม แอนนีโมนี่ในแจกัน และดอกเบญจมาศสีแดงที่อยู่ในมือของโทมะในยามนี้ ทั้งหมดไม่มีดอกใดที่เหี่ยวเฉาเฉกเช่นต้นอื่น

ดวงตาสีแดงไวน์ทอดมองดอกไม้ในมือด้วยความอาลัย ในอกของเขารู้สึกปวดหน่วงมากเสียจนกลั่นความเสียใจออกมาเป็นหยดน้ำตา ไหลรินไปตามร่องแก้มโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ก่อนจะซบหน้าลงกับเข่าทั้งสอง

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาไม่แม้แต่จะส่งเสียงตอบรับผู้มาเยือน หากแต่ไม่นานบานประตูนั้นก็ถูกเปิดออก พร้อมกับฝีเท้าแผ่วเบาที่โทมะคุ้นเคยดี

ผู้มาเยือนมองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดสายตาลงที่กลุ่มก้อนร่างเล็กๆ ของน้องชายด้วยสายตาเอ็นดู จัดการล็อกประตูห้องเรียบร้อย นั่งลงเบื้องหน้าร่างของน้องชายก่อนจะวางมือลงบนกลุ่มผมที่เขารู้สึกว่ามันนุ่มมือและน่าทะนุถนอมอย่างแผ่วเบา

ไม่นานนักเสียงสะอื้นที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินก็พลันดังออกมา คนเป็นพี่เผยอริมฝีปากผ่อนลมหายใจเงียบๆ ออกมา ดวงตาสีคล้ายกันกับของโทมะ ทอดมองร่างเล็กที่ขดคู้ตัวกอดตัวเองแน่นจนแทบจะหดเล็กลงกว่าเดิมด้วยความเห็นใจก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นจนสามารถคว้าน้องชายเข้ามากอดได้

“ทำไม… ทำไมกันล่ะครับ…”

คำถามเดิมแบบเดียวกับที่เขาได้ยินเมื่อสองชั่วโมงก่อนดังขึ้นอีกครั้ง ผิดที่ครั้งนี้มันเจือด้วยเสียงสะอื้นจนยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ โทมะเองก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าตัวเองกำลังร้องไห้หนักขนาดไหน เขาเพียงแค่ต้องการที่พึ่งพิงและต้องการให้น้ำตาช่วยชโลมจิตใจ ชะล้างความรู้สึกเลวร้ายในอกให้จางลงบ้างสักนิดก็ยังดี แม้แท้จริงแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

“เพราะผมเป็นคนที่ถูกเลือก… เพราะผมเป็นคนที่มีพลัง… เพราะแบบนั้นผมถึงไม่ได้รับอนุญาตให้มีใครเลยเหรอครับ..”

คนเป็นพี่หลับตาลง สองมือพยายามกอดร่างอันสั่นเทาของน้องชายไว้แนบตัว ฝ่ามือก็ลูบลงที่เส้นผมสีแดงไวน์เป็นการปลอบประโลม แต่โทมะก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้เลยสักนิด กลับกัน ที่อีกฝ่ายยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

ดอกไม้ในห้องเหี่ยวเฉาลงกว่าเก่า กลิ่นหอมของดอกไม้เลือนหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่อาจรู้ได้ คนอายุมากกว่าหลุบตาลงด้วยความเศร้าสร้อย ก่อนจะเหลือบมองไปยังดอกไม้ทั้งสามที่อยู่ด้านข้างโทมะ

ดอกทั้งสามที่ไม่แม้แต่จะเหี่ยวเฉาลงตามสภาพจิตใจของโทมะ นั่นเพราะมันคือดอกไม้ที่ใครอีกคนมอบให้แก่น้องชายของเขา และโทมะก็คงไม่ต้องการให้มันเฉาลง

เรื่องราวตลกร้ายของตระกูลนี้ ที่ว่าเป็นผู้นำพาพรแห่งพระเจ้ามาสู่ผู้คนธรรมดาสามัญที่มีดวงชะตาผูกเกี่ยวกัน ด้วยพลังแห่งดอกไม้นานาพันธุ์ สิ่งมีชีวิตที่อาจพบปะได้ทั่วไป แต่กลับไม่ธรรมดาเมื่อได้ก้าวเข้ามาในร้านลึกลับของตระกูล

คนหนึ่ง ผู้จะมาพร้อมพลังวิเศษที่ถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น เพื่อประคองร้านนี้ต่อไป

คนหนึ่ง ผู้ไร้ซึ่งพลัง หากแต่มีหน้าที่ในการสืบทอด สำหรับการสร้างผู้รับช่วงรุ่นถัดไป

เพราะถูกกำหนดมาแบบนั้น โทมะที่มีพลังจึงต้องโดดเดี่ยว

ผู้มีพลังในการมอบพรศักดิ์สิทธิ์ ถูกสั่งห้ามไม่ให้ผูกมิตรกับผู้ใด ชีวิตมีเพียงครอบครัว ดอกไม้ และลูกค้าที่จะเข้ามาพบหนึ่งครั้งในอนาคต ไร้ซึ่งมิตรสหาย และคนรัก

เพื่อไม่ให้ตัวตนต้องหม่นหมองมีมลทิน การมีสัมพันธ์กับผู้อื่นจะรบกวนพลังศักดิ์สิทธิ์และทำให้ตนเองไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป จนไม่สามารถที่จะอำนวยอวยพรให้กับผู้ใดได้ และนั่นอาจนำพามาซึ่งจุดจบของร้านดอกไม้ลึกลับนี้

เหตุผล ที่ทำให้โทมะถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ตัดขาดจากสังคมอย่างที่ควรจะเป็น ดั่งลูกนกในกรงทองที่ถูกใส่กลอนขังไว้อย่างดี

แต่เล็กมา โทมะต้องอยู่ภายในกฎกรอบของตระกูล เรียนหนังสือที่บ้าน ใช้ชีวิตได้ไม่เกินระยะห่างจากบ้านเกินสองกิโลเมตร เพื่อไม่ให้พบปะผู้คนหรือต้องผูกมิตรกับผู้ใด เพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของทายาทผู้มีพลังจึงมีเพียงดอกไม้ในสวน และครอบครัวสักคนที่ไว้ใจ

พี่ชายเพียงหนึ่งเดียวของโทมะ ที่แม้จะไม่เติบโตคลานตามติดๆ กันมา แต่ก็เป็นคนเพียงคนเดียวที่โทมะสามารถพูดคุยและปรึกษาทุกอย่างได้มากที่สุด เป็นได้ทั้งพี่ เป็นได้ทั้งเพื่อน เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อายเลยแม้แต่น้อยที่จะต้องร้องไห้ฟูมฟายราวกับเด็กเช่นนี้ต่อหน้าพี่ชาย

เขาไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จะยินดีที่ครอบครัวมีพลังนี้มา ซ้ำยังบังคับส่งต่อสู่ลูกหลานโดยไร้ทางเลือก และมันยิ่งช้ำใจที่ทายาทคนโตของบ้านอย่างเขาต้องทนเห็นน้องชายทนอยู่กับความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยวโดยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองได้ เขาเองก็เคยตั้งคำถามว่าทำไม แต่ก็ได้รับคำตอบที่ฟังจนเบื่อว่าเป็นไปตามกฎของตระกูล

วินาทีแรกเขาไม่พอใจจนระเบิดอารมณ์ออกมาแต่โทมะในวัยเด็กกลับยื่นมือมาแตะที่แขนของเขา ยิ้มและบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ความไร้เดียงสาในแววตาของโทมะในตอนนั้นทำให้คนเป็นพี่ใจอ่อน ยอมลงไม่ต่อล้อต่อเถียงกับพ่อแม่อีก อยู่เคียงข้างน้องชายและพยายามทำให้โทมะไม่เหงามากที่สุด

จนวันหนึ่งที่เขาเผอิญได้เห็นกระดาษเก่าๆ ที่เก็บอยู่ในห้องภาวนา

เมื่อคลี่กระดาษออก ความยินดีเล็กๆ ก่อขึ้นในใจของทายาทคนโตบ้านอินุมารุ ตัวหนังสือเรียบร้อยบนกระดาษแผ่นเก่าคือคำทำนายที่บรรพบุรุษส่งต่อมาเรื่อยๆ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตระกูล แม้จะไม่ได้เข้าใจทันทีที่พบ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินถึงใจความที่จะสื่อ

 

บุคคลผู้เป็นดังเหยี่ยวสง่างามเลือกที่จะโฉบดอกไม้งามในสวนแห่งนี้ไป

 

เขาเลือกที่จะไม่บอกความจริงนี่แก่พ่อแม่และปู่ย่า แต่ความลับก็ไม่ได้มีในโลก

ผู้ใหญ่ทั้งสี่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเองก็ทำเพียงนิ่งเงียบคล้ายคนไม่รู้ความดังเก่า เลือกดูปฏิกิริยาของพวกเขา จนกระทั่งวันที่โทมะได้พบกับชายคนหนึ่ง ผู้มอบดอกไม้เป็นสิ่งตอบแทนให้แก่โทมะ ชายผู้มีดวงชะตาผูกเกี่ยวกับน้องชายของเขา จนร้านดอกไม้ต้องไปปรากฏอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็น

เขาเจอเหยี่ยวรายนั้นแล้ว

แต่น้องชายของเขาก็ช่างโชคร้ายเหลือแสน เมื่อพ่อแม่ของพวกเขาทราบเรื่อง จบลงที่โทมะต้องถูกขังอยู่ในบ้านเช่นนี้ ไม่สามารถกลับไปเปิดร้านได้ดังทุกที จนกว่าชะตาที่ผูกกันจะสิ้นสุด

เสียงร้องไห้ของโทมะยังคงสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เป็นพี่ที่ได้รับฟัง น้องเขาไม่ได้ผิดอะไรสักนิด แต่กลับถูกชะตาเล่นตลกให้ต้องจมอยู่ในโลกที่แสนโดดเดี่ยวนี้โดยที่เลือกอะไรไม่ได้ นอกจากก้มหน้ายอมรับ เติบโตไปพร้อมกับดอกไม้ตั้งแต่จำความได้

สวยงาม น่ามอง หากแต่ก็อ่อนแอและบอบบางเหลือเกิน

คนเป็นพี่กำมือแน่น เขาค่อยๆ ผละน้องชายที่เริ่มสะอื้นเบาให้ออกห่างจากตัว ดวงตาของโทมะแดงก่ำไม่ต่างไปจากดวงตาของตนเอง อารมณ์ของอีกฝ่ายเป็นเช่นไร คนเป็นพี่ไม่ต้องถามให้มากความ เขาเพียงมองดูดอกไม้กระถางอื่นก็สามารถรับรู้ได้ทันที ก่อนจะสังเกตเห็นดอกหนึ่งที่อยู่ในมือของโทมะ ที่เขาไม่ทันเห็นมาแต่แรก

เบญจมาศสีแดง

หนึ่งในสี่ดอกที่ไม่ได้เหี่ยวเฉา นั่นก็หมายความว่าเป็นดอกเดียวกันกับที่โทมะได้รับมาจากทั้งหมด

รอยยิ้มละมุนฉายบนใบหน้าร่างสูงกว่าของพี่ชาย โทมะเหลือบตามองด้วยความสงสัย แต่ก็ได้รับฝ่ามืออุ่นของพี่ขยี้ลงบนกลุ่มผมเบนความสนใจจนโทมะโวยวายออกมา

สองพี่น้องคุยกันสักพัก ก่อนจะปล่อยให้คนเป็นน้องได้พักผ่อน อินุมารุคนโตออกมาจากห้อง แผ่นหลังพิงบานประตู หวนนึกถึงดอกไม้ทั้งสี่ที่น้องชายของเขาได้รับ คนนั้นคือคนที่รู้ความหมายของดอกไม้ แล้วจึงได้เลือกดอกพวกนี้แก่โทมะ นั่นรวมถึงเบญจมาศสีแดงนั่นก็ด้วย

คำภาวนาของผู้เป็นพี่ดังขึ้นในใจ ถ้าหากว่าทั้งสองมีโชคชะตาต่อกันที่เกินกว่าผู้มอบพรและผู้รับพรแล้ว เขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะยังคงรู้สึกเช่นนั้นต่อไป เช่นเดียวกับดอกเบญจมาศสีแดง..

 

ดอกที่แสดงถึงความรัก และชอบพอผู้รับ

 

❁❁❁❁❁

 

โทราโอะยืนนิ่งค้างอยู่ที่หน้าตึกร้างที่มืดมิดไร้แสงไฟด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่อาจกลั่นออกมาเป็นคำพูดใดๆ ได้ รอบกายเย็นเฉียบลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ดวงตาทอดมองดูพื้นที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าด้วยความสับสน แม้มีผู้คนเดินวนเวียนรอบข้างมากมายแต่เขากลับรู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังท่ามกลางคนนับพัน

ความรู้สึกเคว้งคว้างเกาะกุมไปทั่วอก ราวกับแมลงผู้หิวโหยน้ำหวานจากดอกไม้ ทั้งที่เดินทางมาไกล แต่ตรงหน้ากลับว่างเปล่าไร้เงาแม้กลีบดอกไม้สักกลีบ

ไม่เคยมีสักครั้งที่โทมะจะโกหกเขา ไม่มีคำรับปากครั้งใดที่จะถูกบิดพลิ้วไม่เป็นไปตามสัญญาเช่นนี้

เขาไม่ได้นึกโทษอีกฝ่าย แต่กลับรู้สึกเป็นห่วงจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกายออกไปจากจุดนี้ได้ ด้วยความหวังว่าบางทีร้านอาจจะปรากฏในวินาทีถัดไป หรืออาจะมีสัญญาณอะไรบางอย่างที่ส่งมาหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ

แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่านี่มันเป็นเพียงสิ่งคาดหวังที่ให้ผลลบเท่านั้น

ร้านดอกไม้ไม่มา โทมะก็เช่นกัน

แม้ไม่อยากจะคิดในแง่ร้าย แต่สิ่งที่โทราโอะกังวลมากที่สุดในความสัมพันธ์นี้กำลังคืนคลานเข้ามากัดกินหัวใจของเขา จำแทบไม่ได้แล้วว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของเขาครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ความหวาดหวั่นในใจว่าสิ่งสำคัญจะหลุดจากมือไปไม่เกิดกับเขามานานมากแล้ว

และในครั้งนี้ก็กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพียงแม้แต่จะเอ่ยปากรั้งก็ยังไม่มีโอกาส?

 

ไม่รู้ว่าความหวังเหลืออยู่เท่าใด แต่สักเสี้ยวหนึ่งในใจ ยังคงมีความหวัง..

หวังให้ดอกไม้ดอกงามได้ลอยกลับมาหาเขาอีกสักครั้ง

 

ให้แมลงตัวจ้อยอย่างเขาได้เอ่ยบอกคำลา…สักคำก็ยังดี

 

 

 

TBC…

 


 

ใส่ความเห็น