[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] Role playing #NSFWChallenge

 

Role playing | Day 28

Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke

Warning : NSFW Challenge


 

 

ยาโอโตเมะ กาคุกำลังนั่งหน้าเมื่อยภายในห้องนอนของตัวเอง บนร่างกายของดูแปลกตาไปกว่าทุกทีเพราะชุดที่ควรจะสวมเมื่ออยู่ที่บ้านอย่างเสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงขาสั้นสักตัว กลับกลายเป็นชุดที่ดูพะรุงพะรังไม่น้อยในความคิดกาคุ แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องถูกยอมจับให้แต่งตัวแบบนี้ด้วย

 

อาจเพราะโดนสายตาอ้อนวอนขอร้องจากใครอีกคนที่ดูจะสนุกสนานในห้องของเขานี่ด้วยก็เป็นได้

 

ช่วงขายาวเพรียวยาวของกาคุตวัดไขว่ห้างเอาไว้แน่นิ่ง เครื่องหน้าที่เรียบตึงบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์กับการแต่งกายแบบนี้ ดวงตาจดจ้องไปยังเบื้องหน้าตัวเองที่มีร่างสูงของใครอีกคนที่กำลังตื้นเต้นกับชุดที่เจ้าตัวใส่อยู่ไม่น้อย

 

“นี่ๆ กาคุ นายว่าเป็นไง”

 

“ดี” เสียงเรียบเอ่ยขึ้น “แต่ก็น่ารำคาญ ถอดได้ยัง”

 

“อย่าเพิ่งรีบถอดสิ! เราต้องซ้อมบทกันก่อน”

 

“ซ้อมบทแล้วทำไมต้องใส่ชุดนี่ด้วย ซ้อมเฉยๆ ก็ได้ไหมล่ะ”

 

“ไม่เอาๆๆ จะได้สมบทบาทไง”

 

เสียงถอนหายใจเฮือกดังมาจากปากของคนที่นั่งปลายเตียง กาคุก้มมองชุดของเขาที่ใส่อยู่ มันคือชุด…แวมไพร์ล่ะมั้ง กาคุค่อนข้างจะอึดอัดไม่น้อยกับชุดที่มันมิดชิดเสียยิ่งกว่ามิดชิด ตามฉบับของแวมไพร์ที่จะไม่เปิดเผยเนื้อหนังมาก ชุดสีขาวสะอาดทั้งชุด ตั้งแต่เชิ้ตตัวในแขนยาว ที่มีเนคไทสีแดงผูกอยู่ ยันเสื้อกั๊กหนังสีเทา และเสื้อตัวนอกแขนยาวอีกต่อที่ใส่ทับๆ กันมาอีก เรียกได้ว่ากาคุใส่ทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน ยังไม่นับผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่ที่คลุมนอกสุดอีกชั้น ไหนจะยังฟันเขี้ยวที่เป็นออฟชั่นเสริมในปากอีก

 

เขาจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

 

แต่กับริวโนะสุเกะที่ไม่ได้ใส่ชุดแวมไพร์แบบเขา หากแต่เป็น.. มนุษย์หมาป่า ล่ะมั้ง

 

ชุดของอีกฝ่ายไม่ได้เยอะรุงรังมากสิ่งแบบที่กาคุกำลังเผชิญแม้แต่น้อย เป็นเพียงเสื้อยืดสีดำสนิทตัวโคร่งที่แต่งแต้มรอยเปื้อนเลือดเอาไว้ให้ดูน่ากลัว ด้านนอกเป็นแจ็คเก็ตหนังดูดีรับกับกางเกงขายาว แต่ที่มันน่าสนใจและบ่งบอกความเป็นมนุษย์หมาป่านั่นก็คือเจ้าหูหมาป่าอันใหญ่บนหัวของริว อุ้งมือหมาป่าที่มีเล็บยาวออกมาท่าทางน่ากลัวว่าจะหากโดนข่วนน่าจะได้แผลใหญ่ และพวงหางสีน้ำตาลอันใหญ่ที่สวมไว้ตรงเอว

 

แล้วเจ้าคนตัวใหญ่นี่ก็ดูจะชอบหู ชอบหางตัวเองไม่น้อย ตอนได้ของมาจากบริษัทก็รบจะใส่ตั้แต่ที่นู้นแต่กาคุก็ห้ามได้ทัน

 

ส่วนเท็น ทางนั้นถ้ากาคุจำไม่ผิดเหมือนจะได้เป็นเดวิลอะไรทำนองนั้น

 

ก็เหมาะกับเจ้าเด็กปีศาจนั่นดี

 

ริมฝีปากบางของกาคุยกยิ้มร้ายกาจออกมาเมื่อจับจ้องไปยังร่างสูงที่กำลังแสร้งทำเป็นมนุษย์หมาป่าผู้น่ากลัวหน้ากระจกด้วยการแยกเขี้ยวแยกฟัน และทำมือตะปบๆ ตบไปกับอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้า ร่างกายขยับซ้ายขวาไปมาจนพวงหางใหญ่บริเวณสะโพกขยับส่ายไปมา

 

ก๊อก ก๊อก

 

เสียงเคาะไม้เท้าในมือกาคุดังขึ้น ริวหันหลังกลับมามองด้วยความงุนงง ก่อนจะพบกับกาคุที่กำลังกดสายตามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ ท่าทางเยียบเย็น สายตาเรียบนิ่ง ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยจนเห็นเขี้ยวขาวๆ โผล่พ้นออกมากระตุกใจไปได้วูบหนึ่ง

 

“หมานี่สิ เจ้าหมาป่า”

 

กาคุว่าเรียบๆ รัศมีเย็นจัดที่แผ่รอบกายคล้ายว่าเป็นแวมไพร์ตัวจริงทำให้ริวสั่นเล็กน้อย ในจังหวะที่ขายาวเตรียมจะก้าวเดินจากหน้ากระจกไปหา ริวก็ต้องสะดุ้งเมื่อไม้เท้าในมือกาคุถูกยกขึ้นจนอยู่ในระดับสายตาจนเขาต้องผงะถอยหลังไปเล็กน้อย

 

“หมาป่าเดินยังไง”

 

น้ำเสียงเจือความจริงจังและสายตานิ่งแข็งทำให้ริวขนลุกซู่ทันที ปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบรับจึงเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ร่างสูงลดตัวลงจนกลายเป็นคลานเข่ากับพื้น ดวงตาสีทองทอดมองแวมไพร์เบื้องหน้าก รอจังหวะที่ไม้เท้าสีดำขลับลดลงแล้วจึงเริ่มคลานเข้าไปหา

 

“เด็กดี”

 

ปลายไม้เท้ามนยื่นไปลูบสัมผัสปลายคางของมนุษย์หมาป่าเบื้องหน้า แล้วเพราะเสื้อที่ตัวใหญ่กว่ามนุษย์หมาป่าตรงหน้าใส่อยุ่ยามที่เจ้าตัวคลานเข้ามาแบบนี้ทำให้แวมไพร์หนุ่มที่นั่งอยู่สูงกว่าเห็นเข้าไปตั้งแต่ช่วงอกจนถึงหน้าท้องที่มีมัดกล้ามด้านใน

 

รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนที่ไม้เท้าจะถูกบังคับให้ขยับไปด้านหน้ามากยิ่งขึ้น มนุษย์หมาป่าเบื้องล่างครางรับเสียงเบาหวิวในลำคอเมื่อถูกสัมผัสไล่ไปตามลำคอ ลาดไหล่ ไหปลาร้า เนินอก และ..

 

“อ๊ะ!!”

 

ริวร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อปลายไม้เท้าสัมผัสเข้ากับจุดสีอ่อนด้านในด้านหนึ่ง ริวเม้มริมฝีปากแน่นกลั้นเสียงไม่พึงประสงค์ที่จะออกมา ดวงตาเริ่มฉายแววกร้าวขึ้นมากับการเล่นพิเรนทร์ของกาคุ

 

“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น เจ้าหมาป่างี่เง่า”

 

คนถูกว่าเป็นหมาป่างี่เง่าไม่โต้ตอบอะไร ดวงตาสีทองคล้ายมีแววดุดันมากขึ้น กาคุยิ้มมุมปากให้กับการเริ่มพยศตรงหน้าและออกแรงกดปลายไม้เท้ากับยอดถันจนหมาป่าต่ำต้อยเบื้องหน้าสะดุ้งเฮือกและเริ่มบิดเกร็งกายไปมา

 

แวมไพร์นิสัยร้ายยังคงเล่นสนุกกับหมาป่าตรงหน้าต่อไป จนร่างที่คลานเข่าสี่ขาอยู่เบื้องล่างเริ่มทนไม่ไหว ผิวหน้าสีแทนเริ่มแดงจัดเมื่อยอดอกทั้งสองถูกรุกรานด้วยปลายไม้เท้าสลับไปมาไม่หยุด ริมฝีปากหนาจำใจต้องให้ฟันขบกัดลงมาเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องหลุดเสียงครางออกมา แต่แล้วแวมไพร์ขี้แกล้งก็ไม่ปล่อยให้หมาป่าได้ทำตามที่ใจตัวเองหวัง

 

สัมผัสอุ่นจากไม้เท้าเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ ไปตามร่มผ้าลากผ่านหน้าท้องที่มีลอนกล้ามแข็งแกร่งก่อนจะสอดเข้าไปใต้ขอบกางเกงกดเบาๆ ที่บริเวณท้องน้อยของหมาป่าจนต้องเปิดริมฝีปากออกเพื่อปล่อยเสียงครางออกมา

 

“หึๆ” เสียงหัวเราะไม่ยี่หระดังมาจากคนด้านบน หมาป่าด้านล่างเงยหน้าแดงจัดของตัวเองขึ้นมาตวัดสายตาดุคมมายังแวมไพร์ที่เล่นสนุกกับร่างกายของเขา

 

ไม่ทันที่แวมไพร์จะได้ตั้งตัว มนุษย์หมาป่าที่อยู่เบื้องล่างพลันกระโดดขึ้นมาบนเตียง อุ้งมือใหญ่นั้นผลักดันร่างของแวมไพร์ที่เคยนั่งเป็นสง่าให้นอนราบลงไปกับเตียงนุ่ม คนโดนรุกรานเองก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร เพียงเอียงคอมองหมาป่าที่กำลังตะครุบตัวเองไว้ด้วยสายตาเรียบนิ่ง ฝ่ามือที่อยู่ใต้ถุงมือผ้าสีดำเลื่อนโอบกอดรอบเอวหนาก่อนจะตบเบาๆ เข้าที่บั้นท้าย

 

“งื้ออ..” เสียงครางของหมาป่าด้านบนดังขึ้น แวมไพร์กาคุยกยิ้ม

 

“พยศแบบนี้รู้ใช่ไหมว่าจะต้องโดนลงโทษยังไง?” เสียงเรียบเย็นยังคงดังขึ้น แม้ตัวประโยคจะฟังดูไม่น่าไว้ใจ แต่น้ำเสียงและสีหน้าคนพูดยังเรียบเฉย ราวกับแวมไพร์ที่ไร้ซึ่งความรู้สึกของจริง

 

“ยังไงล่ะ ท่านเคาท์แวมไพร์ผู้สูงศักดิ์” คมเขี้ยวจากมนุษย์หมาป่าฝังลงที่ลำคอด้านหน้าบริเวณลูกกระเดือกของแวมไพร์เบื้องล่าง เพราะชุดที่ปิดบังมิดชิดจนแทบจะปิดลำคอทั้งหมด ไหนจะยังปกเสื้อและปกผ้าคลุมที่บังจนถึงปลายคาง ทำให้มนุษย์หมาป่าไม่อาจฝังรอยเขี้ยวที่ด้านข้างลำคอได้ถนัดถนี่

 

ระหว่างที่ใช้จมูกซฮกไซ้ดอมดมกลิ่นของแวมไพร์เบื้องล่าง อุ้งมือขนดกที่มีเล็บยาวอยู่ถูกสะลัดทิ้งออกไป นิ้วเรียวไล่แกะกระดุม ปลดตะขอ ถอดผ้าคลุมของแวมไพร์ไปทีละอย่าง เขาแอบขัดใจเล็กน้อยที่มันมีมากถึงเพียงนี้ ลำพังแค่กระดุมเสื้อตัวนอกยังใช้เวลาจนมนุษย์หมาป่าหงุดหงิด

 

“ไม่ต้องถอดเสื้อแล้ว”

 

หมาป่าตัวใหญ่แสยะยิ้มมุมปาก มือทั้งสองเลื่อนลงไปที่กางเกงผ้าร่มสีขาวสะอาดเบื้องล่าง ปลดรั้งลงกองไปอยู่ที่ข้อเท้าและแวมไพร์ก็ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการสลัดมันออกอย่างไม่ใยดี แล้วก็เป็นตาของหมาป่าบ้างที่จะต้องปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออก

 

เสียงครางหวานของมนุษย์หมาป่าดังคลอไปพร้อมกับเสียงร่างกายที่ขยับเสียดสีกันพร้อมเสียงของเหลวที่เหมือนกับจะคั่งค้างอยู่ภายในช่องทางอุ่นร้อนปริมาณหนึ่ง จนทุกครั้งที่สิ่งแปลกปลอมจากภายนอกขยับสวนเข้าออกจะมีเสียงนั้นเล็ดลอดออกมาด้วย

 

เป็นเสียงเฉอะแฉะที่ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้ง ริวก็ไม่เคยจะรู้สึกชินชาได้สักที ยิ่งได้ยินก็ยิ่งเขินเสียจนหน้าแดงหูแดงไปหมด แต่เหมือนว่ามันจะยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์ของใครอีกคนเข้า

 

“ขยับต่อสิ”

 

เสียงทุ้มเย็นดังขัดความคิดของด้านบนที่กำลังขยับช่วงล่างลงมาอย่างต่อเนื่องก่อนจะชะงักไปเฉยๆ จนต้องเรียกดึงสติ ริวเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ลากฝ่ามือวางบนหน้าท้องใต้ชุดสีขาวของคนข้างใต้ก่อนจะออกแรงกดสะโพกลงมากขึ้นจนส่วนปลายของแท่งร้อนสัมผัสโดนจุดกระสันภายในและเลื่อนสัมผัสไปตามผนังจนร่างสั่นระริก

 

ช่องทางร้อนตอดรัดโดยอัตโนมัติบีบรัดเค้นคลึงตัวตนของแวมไพร์ที่ตัวเองกำลังกลืนกินจนได้ยินเสียงหัวเราะต่ำในลำคอจากคนข้างใต้ หมาป่าไม่มีเวลาสนใจเท่าใดนัก ฝ่ามือที่ชื้นเหงื่อฉุดกระชากคนที่นอนอยู่ให้ขึ้นมาเผชิญหน้าใกล้ จดจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาที่กำลังพราวระยับประกายยามมองมาที่ร่างกายไร้อาภรณ์ของหมาป่า

 

“น่ารัก”

 

กาคุส่งนิ้วที่ไร้ถุงมือลูบไล้หูหมาป่าสีน้ำตาล เสียดายที่ต่อให้ลูบไปริวก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กลับมา ถ้าสะดุ้งสักหน่อยเวลาที่เขาลูบหรืองับลงไปคงจะสนุกกว่านี้ไม่น้อย มืออีกข้างที่ว่างเอื้อมไปลูบพวงหางใหญ่ที่คลอเคลียกับต้นขากาคุมาตลอดกิจ เขารู้สึกจั๊กจี้มาตั้งแต่เริ่มทำ แต่ก็ปล่อยเลยตามเลยให้มันขยับลูบไล้ขาตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะถ้าครั้งไหนที่กาคุจั๊กจี้จนทนไม่ไหว เขาก็แค่กระตุกสะโพกขึ้นมา แล้วคนโชคร้ายกว่านั้นก็คือคนที่กำลังขย่มสะโพกรับตัวตนเขาเข้าไปจนครางเสียงหวานลั่น

 

“อ๊ะ.. ก กาคุ จะเสร็จ…”

 

“อื้มมม”

 

ริวเชิดหน้าขึ้นเผยให้เห็นลำคอระหงพราวเหงื่อ ช่วงล่างขยับโถมใส่กันและกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง ริวจิกเล็บเข้าที่ต้นขาของกาคุเพื่อเป็นการระบายอารมณ์เสียดเสียวที่กำลังพุ่งทะลุ ดวงตาคลอหยดน้ำหลับพริ้ม ริมฝีปากเม้มแน่นเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน

 

“เจ้าหมาป่าของฉัน..”

 

“ท ท่านเคาท์— อื้ออ!!!”

 

หมาป่าจอมเขมือบด้านบนเบิกตาค้างเมื่อลำคอสัมผัสความเย็นชื้นก่อนที่ความเจ็บจะแล่นแปลบเข้ามาเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อคมเขี้ยวของแวมไพร์ฝังลงที่ข้างลำคอของเขา หมาป่าขย่มลงรับความอุ่นร้อนจากแวมไพร์อีกครั้งพร้อมกับตัวเองที่ปล่อยของเหลวขุ่นออกมาจนเลอะชุดของท่านเคาท์อีกครั้งจนได้กลิ่นคาว แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจมันนัก

 

นิ้วที่จิกเกร็งกับต้นขากาคุละออกมากอบกุมแก้มขาวของแวมไพร์เบื้องล่างก่อนที่หมาป่าจะโน้มใบหน้าลงมาบดจูบริมฝีปากบาง แทรกสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นของอีกฝ่าย ตวัดเกี่ยวลิ้นแวมไพร์อย่างไม่ยอมแพ้และช่วงล่างที่เริ่มขยับอีกรอบ

 

“จะกินเยอะไปแล้วนะ อืออ” กาคุว่าเสียงพร่าเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ จมูกโด้งกดที่ซอกคอสีแทน ฝ่ามือทั้งสองบีบนวดที่ก้อนกลมสองก้อนเบื้องล่างไปด้วย

 

ดวงตาสีทองประกายระริกออกมา ส่วนที่กำลังทำหน้ากลืนกินขมิบตอดรัดจนคนที่ถูกกลืนกินมาเป็นเวลานานได้แต่ส่งเสียงครางต่ำจำยอม

 

“พอดีเป็นหมาป่า.. ที่หิวมาก”

 

ว่าพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก และแล้วคืนนี้ท่านเคาท์แวมไพร์ก็ได้ถูกมนุษย์หมาป่ากลืนกินไปตลอดคืน

 


 

แฮะ!!! ปิดชาเลนจ์ NSFW ของตัวเองจย้าาาาาาาาาาาาาา

หลังจากกคิดมานานว่าจะเอาอะไรมาโรลเพลย์ปิดจ็อบพาร์ทตัวเองดี ก็ได้แนวคิดนี้มา ถถถถ ใกล้ฮาโลวีนละด้วยยย ถือว่าฟิคนี้อาจจะแทนฮาโลวีนไปในตัวละกัน เอิ้กกก

ปุลิง ยังไม่ได้ดูคำผิดนะจ๊ะ

[Fic IDOLiSH7 : Gaku x Ryu] Once Upon a time

 

Once Upon a time (but Always)

Pairing : Yaotome Gaku x Tsunashi Ryunosuke

Type : one shot | Ryu’s Birth Day


 

04CCC234-AD99-40B7-8D0B-3EBB4C838B8B

 

เย็นย่ำค่ำสนธยามาถึง เป็นเวลาแห่งการพักผ่อนกายหลังจากที่ตรากตรำเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน ยาโอโตเมะ กาคุ เหยียดกายกับโซฟาในห้องพักส่วนตัวในโรงแรมหรูที่พักอาศัย ริมฝีปากอ้ากว้างเพื่อปลดปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะปริ่มน้ำเล็กน้อยจากการหาวและหนังตาบางก็ปิดลง

 

วันนี้ก็เข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ที่ TRIGGER ทั้ง 3 คนมาทำงานร่วมกันที่เมืองหนึ่งในจังหวัดโอกินาว่า งานถ่าย MV นั้นค่อนข้างกินเวลาหลายวัน ฉากหนึ่งกว่าจะถ่ายได้ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ยกไฟ จัดแสง ประกอบฉาก คัดคน ทุกอย่างล้วนใช้เวลาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น 3 วันที่ผ่านมานี้ยังได้เพียงครึ่งเพลงเท่านั้น แถมวันนี้เขายังต้องตื่นเสียเช้าตรู่เพื่อถ่ายซีนพระอาทิตย์ขึ้น

 

ยกเว้นอีก 2 คน ที่ไม่ต้องมีซีนใช้แสงยามเช้าแบบเขา ก็พากันตื่นสายได้สบายใจ เวลานี้ทั้งสองจึงยังดูไม่อิดโรยเท่ากับกาคุที่กำลังทำท่าจะหลับมิหลับแหล่ตลอดเวลา

 

“กาคุๆ! ไปเดินเล่นกัน” เสียงทุ้มอ่อนโยนโพล่งขึ้นอย่างร่าเริง เส้นผมน้ำตาลตัดสั้นสะบัดพริ้วยามที่ชะโงกหน้าข้ามโซฟามาชักชวนคนที่นอนอยู่

 

“ไม่ไป เหนื่อย” ตอบปัดทันทีแบบไม่เสียเวลาคิด คนชวนถึงกับหน้าเสียไปทันที

 

แต่คนชวนก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ ดวงตาสีทองประกายแววแห่งความหวังอยู่ริบๆ ก่อนจะส่งฝ่ามืออุ่นของตัวเองไปจับไหล่กว้างของคนที่นอนอยู่

 

“กาคุ.. แต่วันพรุ่งนี้เราก็ต้องทำงานกันอีกทั้งวันนะ.. อย่างน้อยวันนี้ก็ยังดี” ว่าพลางเขย่าเบาๆ สมทบไปด้วย

 

“…”

 

คนโดนอ้อนไม่ตอบอะไร นอนกอดอกนิ่งอยู่บนโซฟาเหมือนเดิมไม่ไหวติงราวกับว่าตัวเองเป็นรูปสลักหินไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

 

เสียงลมหายใจฮึดฮัดดังขึ้นมาในที่สุด แต่คนนอนยังคงหลับตานิ่งสนิท เสียงฝีเท้าจากคนที่อยู่ด้านหลังโซฟาดังขึ้น เหมือนจะมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าโซฟาแทน เงาสูงใหญ่ทาบทับลงไปยังคงที่นอนอยู่ แล้วเหมือนว่ามันจะดีกับคนที่นอนเพราะว่ามันมืดขึ้น แสงจึงไม่รบกวนการนอนของเขา

 

“กาคุ!!!”

 

ริวตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังจนเจ้าของชื่อยังสะดุ้งตกใจจนต้องลืมตาขึ้นมาในที่สุด คิ้วเรียวของทั้งสองฝ่ายขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะเป็นคนละเหตุผลก็ตาม กาคุหรี่ตามองคนที่ยืนค้ำหัวตัวเองนิิ่งๆ โดยรอว่าอีกคนจะพูดอะไร ส่วนคนที่ยืนอยู่ก็ตั้งท่าว่าจะเตรียมร่ายมายาวๆ แล้ว

 

“ไป-เดิน-เล่น-กัน!”

 

“……..” เสียงถอนหายใจหนักดังหลังสิ้นประโยคแกมบังคับของริว “ก็บอกว่าไม่ไปไงริว วันนี้ฉันทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากแล้ว” ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งกลับ “พรุ่งนี้ก็มีถ่ายอีกทั้งวัน ฉันต้องเก็บแรง”

 

ในจังหวะที่กาคุกำลังจะพลิกตัวหันหน้าเข้าหาโซฟาเพื่อนอนเอาแรงต่อ ไหล่ของเข้ากลับถูกกระชากเสียก่อนจนต้องพลิกตัวกลับมานอนหงายดังเดิม พร้อมกับใบหน้าคมคร้ามแดดที่ขยับเข้ามาเสียใกล้ มองเข้าไปในดวงตาสีทองไม่ได้มีแววอารมณ์ดีแฝงอยู่ด้วย

 

“ก็เพราะแบบนี้ไงถึงต้องไปวันนี้ เพราะพรุ่งนี้เดี๋ยวก็เหนื่อยจนไม่ไปไหนกันอีก ทั้งฉันทั้งนาย!”

 

“ก็แล้วมันทำไมต้องวันนี้ด้วย แล้วถ้ารู้ว่าพรุ่งนี้ก็มีงานนายก็น่าจะเห็นใจฉันหน่อยไหม ไม่ใช่มางอแงเอาแต่ใจแบบนี้ โตๆ กันแล้วนะ”

 

“อะไรอะ ฉันไม่ได้งอแงนะ! ปีก่อนและปีก่อนๆ ยังไปได้เลยอะ!!” ริวดูท่าจะอารมณ์เสียงมากยิ่งขึ้น มือที่จับไหล่กาคุไว้เผลอออกแรงบีบมากขึ้น

 

กาคุเอียงคอมองแล้วพูดน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ปีก่อนและก่อนๆ ที่นายว่าคือพวกเราว่าง ไม่ได้มีงานติดกันแบบนี้ เข้าใจอะไรหน่อยสิ และวันนี้ ฉัน-เหนื่อย-มาก-แล้ว!”

 

คนตัวสูงหน้างอง้ำมากกว่าเดิมทันทีเมื่อโดนกาคุตำหนิใส่แบบนี้ ริมฝีปากเบะลงอย่างไม่พอใจก่อนเจ้าตัวจะปล่อยมือออกจากไหล่ของกาคุเสียแรงจนคนนอนอยู่ร้องโอยออกมา

 

ฝีเท้าหนักๆ เดินตึงตังห่างออกไปทางประตูห้อง กาคุถอนหายใจเบาๆ คล้ายว่าน่าจะโล่งอกและตัวเองจะได้นอนพักต่อ แต่เสียงตะโกนที่ดังลอดเข้ามาก่อนที่บานประตูจะถูกปิดลงอย่างแรงจนพื้นห้องยังสะเทือน ทำให้กาคุต้องถอนหายใจเพราะความปลงไม่ตกแทน

 

“ก็พรุ่งนี้วันเกิดฉันแล้วไง ตาบ้า!!”

 

….. ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะจำวันเกิดของริวไม่ได้ซักหน่อย

 

++++++++++++++++++++++

 

การทำงานในวันถัดมาเป็นไปอย่างราบรื่น… ใช่ ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น การทำงานยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี สามหนุ่มแห่ง TRIGGER ทำงานกันได้อย่างมืออาชีพ ฉากแต่ละฉาก ซีนแต่ละซีนถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ทุกอย่างเหมือนจะดี ถ้าหากไม่ใช่ว่า…ทุกครั้งหลังผู้กำกับสั่งคัท บรรยากาศจะมาคุทันที

 

ริวโนะสุเกะที่มักจะยิ้มแย้มแจกความสดใสให้ผู้คนในกองอยู่เสมอ วันนี้กลับมีสีหน้าบึ้งตึงมาตั้งแต่เช้า แม้จะทักทายใครต่อใครคล้ายปกติดี แต่พออยู่คนเดียวก็จะตีหน้านิ่แผ่รังสีไม่ค่อยเป็นมิตรออกมาจนคนอื่นๆ ไม่กล้าเข้าไปทักเสียเท่าไหร่

 

ส่วนอีกคน.. ลูกชายประธานบริษัทผู้ที่มักจะดูนิ่งและหยิ่งอยู่แล้ว วันนี้ก็นิ่งไปมากกว่าเดิม รัศมีความน่ากลัวที่แต่ก่อนมีอยู่ซักพัน ตอนนี้คนทั้งกองถ่ายแทบจะยกให้เต็มล้านไปเลย ทั้งที่อยู่แถบทะเลที่โล่งสบายและอากาศอุ่นๆ จากแสงแดดที่สาดส่องมา แต่พอเข้าใกล้กาคุกลับเหมือนอยุุู่ใกล้ก้อนน้ำแข็งพันปีอย่างไรอย่างนั้น

 

แต่ที่ปกติดีทุกอย่างก็คือน้องเล็กสุดของวงอย่าง คุโจ เท็น

 

ช่างแต่งหน้าสาวที่ได้เป็นบุคคลเสี่ยงตายในการถามข้อข้องใจของคนทั้งกองจากเท็นนั้น เธอก็ได้รับเพียงสายตานิ่งๆ ดังเดิมของเท็นและคำตอบที่เหมือนจะกระจ่างแต่ก็ไม่กระจ่างไปในตัว

 

“ผิดใจกันนิดหน่อยครับ”

 

แบบนี้มันนิดเหรอ?

 

เวลาล่วงเลยจนถึงช่วงบ่ายสาม เพระการถ่ายทำที่ผ่านไปแบบค่อนข้างราบรื่น งานจึงเสร็จไวขึ้น จากที่คิดว่ากว่าจะเสร็จก็คงจะ 5-6 โมง ช่วงเวลาที่เหลือจึงเป็นการให้เหล่าทีมงานและตัวแสดงหลักทั้งสามได้มีเวลาพักผ่อนกันมากขึ้น

 

เสียงโวยวายเล็กๆ ดังขึ้นมาจากริมหาดที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ กาคุที่พาตัวเองเข้ามาอยู่หลังจอมอนิเตอร์ข้างผู้กำกับเพื่อดูเทปที่ถ่ายทำไปวันนี้ถึงกับต้องเลื่อนสายตาออกเพื่อมองไปเบื้องหน้าของตน ริวโนะสุเกะที่ตัวสูงชะลูดท่ามกลางสาวๆ ตัวเล็กนับสิบคนรายล้อม และของที่ถืออยู่เต็มมือทั้งกล่องของขวัญผูกโบว์สีสดใส ถุงหิ้วกระดาษแวววาวสะท้อนแสงผูกโบว์หรือของไม่ใส่อะไรห่อหุ้มมีอยู่เต็มมือไปหมด

 

เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของริว

 

คนตัวสูงที่น่าจะให้ความสนใกับสาวๆ และของขวัญในมือ จู่ๆ ก็หันหน้าเข้ามาภายในเต้นท์ ดวงตาสีทองสบมองตอบมายังคนที่จ้องเขาอยู่ก่อนนิ่งๆ

 

กาคุไม่ได้หลบสายตาไปทันที เขาจ้องตอบดวงตาสีทองคู่นั้นซักพัก เรียวขายาวที่ไขว่ห้างกันอยู่ตวัดออกและลุกไปจากเต้นท์เงียบๆ ริวที่มองตามได้แต่พองแก้มถลึงตามองอย่างไม่พอใจ

 

“ริวซังคะ ได้ของขวัญวันเกิดจากกาคุซังรึยังคะ”

 

“ไม่ครับ!!”

 

เผลอหงุดหงิดใส่แฟนคลับทำไมเนี่ย…

 

+++++++++++++++++++++++++

 

สึนาชิกำลังนั่งหน้าติดบูดนิดๆ ในรถยนต์เช่าของกาคุ

 

เหมือนว่าเจ้าตัวจะอยากไปซื้อของใช้ส่วนตัวอะไรซักอย่างที่ไม่อยากให้ทีมงานไปซื้อให้ เห็นว่าลองชวนคนอื่นแล้ว แต่ชวนเท็นหรืออาเนะซากิก็ไม่มีใครยอมไปซักคน กาคุเลยมาวานริวให้ไปเป็นเพื่อน ขอแค่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ

 

ไอ้ของใช้ที่ว่าก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ทั้งที่ขับผ่านร้านสะดวกซื้อไปก็หลายร้านแต่ก็ไม่จอดซักร้าน แม้ในใจจะอยากรู้ว่าจะขับรถไปซื้อถึงต่างเมืองเลยรึยังไงแต่ก็ไม่อยากคุยกับกาคุ เพราะฉะนั้น 15 นาทีที่นั่งรถมาจึงมีเพียงเสียงเพลงจากวิทยุคลอเบาๆ เท่านั้น กาคุเองก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรซักคำเดียว

 

ได้! ไม่คุยก็ไม่คุย!

 

สีฟ้ากระจ่างของผืนทะเล สีขาวสะอาดของหาดทราย สีเขียวสบายตาจากต้นไม้ริมทาง อากาศเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศในรถ เสียงเพลงเบาๆ จากวิทยุรวมถึงความเหนื่อยล้าจากงานในวันนี้ทำให้สติของริวเลือนลางลง จนในที่สุดเจ้าตัวก็เข้าสู่นิทราไปเรียบร้อย โชเฟอร์ข้างกายเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะผุดรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา ดวงตาคมมองเวลาดิจิทัลที่ฉายบนเครื่องเล่นเพลงก่อนจะเร่งคันเร่งมากยิ่งขึ้น

 

เหตุผลที่ริวงอนกาคุไม่ได้มีแค่เรื่องเมื่อวานที่กาคุไม่ไปเดินเล่นตามคำขอ

 

แต่ริวดูจะเสียใจไม่น้อยตั้งแต่ก่อนเริ่มเดินทางมาที่นี่ เพราะสถานที่ถ่ายทำ MV คราวนี้ไม่ใช่เมืองบ้านเกิดของริว แม้จะมาที่โอกินาว่าแต่คนละเมืองกัน จากเมืองนี้ที่อยู่ข้างๆ เมืองโอกินาว่าบ้านของริวต้องใช้เวลาขับรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง เจ้าตัวงอแงบ่นว่าอยากกลับบ้าน เพราะตั้งแต่มาถ่ายทำและพักที่โรงแรมของตัวเองคราวก่อนก็ไม่ได้กลับมาอีก แต่ก็โดนอาเนะซากิค้านความเห็น พอหันมาหาความช่วยเหลือจากลูกประธานที่ควบตำแหน่งแฟนตัวเองไปด้วยแต่ก็ได้รับคำปฏิเสธเช่นกันเจ้าตัวเลยยิ่งงอนไปใหญ่

 

กาคุเข้าใจดีถึงคำว่า ‘ปีก่อนและปีก่อนๆ’ ของริวดี

 

มันไม่ได้มีเพียงแค่พากลับมาบ้านและนั่งรถเล่นชมวิวด้วยกันแบบนี้ แต่มันหมายถึงพวกเขาสองคนที่ใช้เวลาร่วมกัน บนเส้นทางเลียบชายหาดที่ริวชื่นชอบและขอให้เขาสัญญา…

 

คนข้างกายกาคุเริ่มขยับตัวยุกยิกใกล้ตื่น ตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงกว่าแล้ว นับว่ากาคุใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงพอดีในการขับรถมาถึงเมืองโอกินาว่าที่ริวคิดถึง กาคุชะลอความเร็วรถลง ปิดเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะกดปุ่มเปิดหลังคารถออก พร้อมกับหยิบแว่นกันแดดที่คาดตรงคอเสื้อมาสวม

 

ลมที่ตีหน้าเข้ามาแรงกว่าจากเดิมทำให้ริวปรือตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า แม้จะไม่ได้เจ็บมากแต่ก็พอจะรบกวนการนอนปกติ ครั้นพอจะอ้าปากบ่น แต่สายตาเมื่อจับๆ จ้องๆ มองวิวทะเล ร้านรวงและป้ายข้างทางที่ขับผ่านมามันก็ทำให้ริวคุ้นตาจนเขาต้องกลืนคำบ่นที่กำลังจะเอ่ยออกมาแล้วเริ่มเพ่งสายตามองดีๆ

 

“กาคุ! เราอยู่ไหนอะ!?” ริวดีดตัวผึงออกจากเบาะที่ไม่รู้ว่าถูกปรับให้เบนราบไปตอนไหน แต่เขาไม่สนใจ หันมามองคนข้างกายที่ขับรถสวมแว่นดำสบายใจข้างตัว

 

“โอกินาว่าไง”

 

“ห๊ะ? เอ่อ.. เดี๋ยว ก็ใช่.. ที่นี่ก็โอกินาว่าอยู่แล้ว แต่เมืองไหน”

 

“โอกินาว่า”

 

“ถามว่าเมืองอะไร!?”

 

“โอกินาว่า บ้านนาย” กาคุคล้ายจะเหลือบหางตามองลอดแว่นมาแวบนึงก่อนจะมองถนนต่อ “จำบ้านตัวเองไม่ได้เหรอ”

 

ริวกะพริบตาปริบๆ หันไปจ้องมองวิวข้างตัวอีกครั้ง ดวงตาสีทองกวาดมองวิวทิวทัศน์รอบตัว ปลายจมูกรั้นเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นทะเลที่ลอยเข้ามาเตะจมูก กาคุไม่เข้าใจนักหรอกว่าการทำแบบนี้มันทำให้รู้ได้ยังไงว่าตัวเองอยู่ไหน แต่สำหรับคนที่อยู่และเติบโตมาจากที่นี่กว่า 20 ปี ถ้าจะรู้ก็คงไม่แปลก

 

“กาคุ..” เสียงนุ่มทุ้มติดสั่นนิดๆ ริวเกาะขอบหน้าต่างมองออกไปนอกรถดวงตาประกายวาวราวกับเด็กที่เพิ่งได้มาเที่ยวนั่งรถเล่นแบบนี้ครั้งแรก

 

“ถ่ายรูปให้หน่อยสิ”

 

“เอ๋?”

 

ริวหันกลับมามองคนขับ ในมือซ้ายของกาคุมีกล้องถ่ายรูป Mirrorless ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มันกำลังถูกยื่นมาใกล้ๆ ริวเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเองก่อนหน้าโดยที่เจ้าของไม่ได้พูดอะไรต่อ

 

“ถ่ายนายเหรอ?”

 

“เปล่า แต่ก็แล้วแต่ ถ่ายอะไรก็ถ่าย นายอยากถ่ายอะไรก็ถ่าย”

 

กาคุตอบแบบสบายๆ ใบหน้ายังคงมองตรงไปยังถนนเหมือนเดิมด้วยสีหน้านิ่งๆ ผิดกับอีกคนที่ยิ้มกว้างออกมาอย่างปิดไม่มิด ไม่บ่อยครั้งนักที่กาคุจะให้ใครต่อใครได้จับกล้องถ่ายรูปของตัเอง กาคุเป็นคนหวงของพอสมควร แม้ริวจะได้เป็นแฟนกับกาคุมาก็ 2-3 ปี แต่ของอันไหนที่กาคุไม่อนุญาตให้ยุ่งเขาก็จะไม่แตะ แล้วกล้องถ่ายรูปของกาคุทุกอัน ริวยังไม่เคยได้แตะสักครั้ง

 

ไม่รู้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าตอนนี้คือรอยยิ้มดีใจที่ได้จับของสำคัญของกาคุหรือว่าตัวเองจะได้ถ่ายรูปที่อยากถ่ายกันแน่น

 

รถยนต์เช่าคันหรูขับเลียบไปตามทาง โดยที่ตุ๊กตาหน้ารถก็ดูจะสนุกสนานกับการยกกล้องมาแนบดวงตาตัวเองและกดชัตเตอร์ลงไป มีบางครั้งที่เสียงนุ่มทุ้มโวยวายออกมาว่ารูปเบลอบ้าง ถ่ายไอ้นั่นไอ้นี่ไม่ทันบ้าง กาคุจึงต้องชะลอรถสลับขับเร็วบ้างเป็นบางช่วงแต่กลับไม่ได้นึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีจากคนข้างกายเวลาที่นั่งมองรูปที่ตัวเองถ่าย กาคุก็เผลอยิ้มตามออกมาไม่รู้ตัว

 

“นี่ๆๆ กาคุ ตรงนี้สวย ช้าหน่อยๆ อา จอดเลยก็ได้ๆ”

 

คนขับครางรับในลำคอพลางเบี่ยงรถให้ชิดเลนซ้ายมากขึ้นและหาที่จอด เพื่อให้ริวได้ถ่ายรูปอะไรซักอย่างของเจ้าตัวได้เต็มที่ ครั้นพอจะหันหน้ามาดูว่าริวกำลังจะถ่ายรูปอะไร ลำคอของกาคุถูกวงแขนของริวเข้ามารั้งเอาไว้จนต้องเอนตัวไปตามแรงดึง

 

ใบหน้าขาวจัดโดนแก้มสีแทนเบียดเข้ามาจนชิด ดวงตาหลังกรอบแว่นดำเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจและริมฝีปากที่เผยอออกแบบงงๆ แต่เจ้าของแก้มนิ่มข้างกายกาคุนี่สิ ที่กำลังยิ้มแฉ่งให้กล้องรออยู่ก่อนและ…

 

แชะ!

 

“…..”

 

“ฮะๆ กาคุเหวอล่ะ แต่ก็ใส่แวนดำอะ มองไม่เห็นอยู่ดีว่าทำหน้าเหวอยังไง”  ริวส่ายหน้าไปมาทำหน้าเสียดายระหว่างที่มองภาพในกล้องไปด้วย ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งให้กาคุที่หน้ายังคงอยู่ที่เดิมจนริมฝีปากสองคู่ชนกัน

 

ริวผงะไปเล็กน้อย ดวงตาสีทองเลิ่กลั่กเล็กน้อยหลบสายตาที่เหมือนจะมองทะลุแว่นมาอย่างไรอย่างนั้นของกาคุอย่างไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหน พอจะผละตัวออกไปชิดประตูก็เหมือนจะช้ากว่ากาคุไปหนึ่งสเต็ป เอวหนาถูกรวบกอดเข้ามาเต็มแรง จนริวต้องหันหน้าหนีไปอีกทางแทน แต่ก็กลายเป็นว่าแก้มของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของกาคุเต็มๆ

 

“อื้ออ.. กาคุ”

 

“สวยจริงๆ แหละที่นี่”

 

กาคุเอ่ยขึ้นมาเนิบๆ ทั้งที่ริมฝีปากยังคาที่แก้มนิ่มของริว เรียกริ้วแดงจางเริ่มให้แต่งแต้มขึ้นมาลามไปจนถึงหู กาคุเพ่งมองผ่านแว่นดำแล้วอมยิ้มนิดๆ แบบคนขี้แกล้งแล้วจงใจกดปลายจมูกของตนเองลงที่แก้มนุ่มตรงหน้าอยู่อีกหลายครั้งจนริวครางงืองาในคอมือไม้อ้อนยวบลงไปหมด

 

“พ พอแล้ว.. เดี๋ยวใครมาเห็น”

 

“นี่เวลาพักผ่อน”

 

คนเอาแต่ใจก็ยังคงเอาแต่ใจ น้ำเสียงไม่สะทกสะท้านนั้นยังมาพร้อมกับการจับคนนั่งข้างตัวให้หมุนเอาแก้มอีกฝั่งมารับปลายจมูกและริมฝีปากของกาคุอยู่อีกหลายครั้ง จนตอนนี้ริวแทบจะแดงไปทั่วใบหน้าและลำคอ มือไม้ที่เกาะแขนกาคุไว้จิกเกร็งเล็กน้อยจนน่าสงสาร

 

คนร้ายกาจยิ้มร้ายเสี้ยววิหนึ่งก่อนจะปล่อยคนในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ ริวรีบหนีซุกตัวติดประตูรถ ยกทั้งสองข้างมากุมแก้มเอาไว้ด้วยความเขินอายและยังพึมพำอะไรกับตัวเองก็ไม่รู้โดยที่กาคุไม่ได้ยิน

 

“พระอาทิตย์จะตกแล้ว รีบลงไปกันเถอะ”

 

เสียงทุ้มเสน่ห์ดังขึ้นขัดอาการขัดเขินของริว ของร่างสูงใหญ่พยักหน้าหงึกรับแต่โดยดี แล้วถือกล้องถ่ายรูปที่วางไว้บนตักลงมาด้วย แว่นทรงสี่เหลี่ยมที่ไม่ใช่แว่นสายตาแต่เป็นเพียงแว่นเลนส์กระจกธรรมดาถูกสวมลงบนหน้าริว แม้มันจะพลางตัวไม่ได้มาก แต่ก็น่าจะช่วยพอให้คนที่ยังเดินไปมาแถวนี้เข้าใจถึงความส่วนตัวสักนิดก็ยังดี

 

สองหนุ่มเดินเคียงกันลงไปที่หาดทรายสีขาว ถ้าเดินต่อไปทางขวาจะเป็นสะพานปลา มีผู้คนอยู่ตรงนั้นเล็กน้อย ถ้าได้ไปถ่ายรูปตรงนั้นที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ใกล้ขึ้นคงจะน่าประทับใจอยู่ไม่ใช่น้อย ซ้ำยังดูส่วตัวขึ้นอีกนิดเพราะผู้คนที่มีไม่เยอะมาก

 

กาคุดึงมือริวมากุมไว้แล้วเดินไปตามทางโดยไม่พูดอะไร ริวก้มมองมือตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่ไม่รู้ว่ากำลังมีสีหน้าและแววตาอย่างไรเพราะแว่นกันแดดที่บดบังไว้ แต่ริวกำลังมีก้อนความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นในใจ การที่กาคุพาเขามาถึงที่นี่ได้นั่นหมายความว่าเจ้าตัวคงวางแผนอยู่ก่อนแล้ว กาคุมักจะชอบทำอะไรที่เกินความคาดหมายของริวเสมอ กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่ากาคุเซอร์ไพรส์เขาเข้าให้อีกจนได้

 

ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ที่เมื่อวานกาคุไม่ยอมไปเดินเล่นด้วยก็คงเพราะจะเก็บแรงมาทำงานในวันนี้ให้เสร็จไวๆ และก็วางแผนดั้นด้นขับรถพาเขาออกมาถึงที่นี่จนได้

 

“ขอ…”

 

“สุขสันต์วันเกิด”

 

ริวชะงักไปทันที คำพูดที่ถูกขัดกลืนลงลำคอไปทันทีก่อนจะหันมาเบิกตามองคนข้างกายที่จับเขาให้หันมาสบตากัน ดวงตาสีทองคล้ายสีของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกตอนนี้กำลังฉายแววตกตะลึงออกมาจนกาคุหลุดยิ้ม อาศัยจังหวะที่ริวยังงงๆ มึนๆ แล้วพูดต่อ

 

“ช่วงนี้ก็อย่างที่นายรู้ ยุ่งๆ จนแทบไม่มีเวลาพักเลยล่ะนะ” คนฟังพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดเป็นชิ้นเป็นอันให้.. ขอโทษด้วยนะ” รอบนี้ริวส่ายหน้าหวือไปมาจนกาคุกลัวว่าหันริวจะหลุดออกมาจากคอก่อนรึเปล่า

 

“อึก.. ไม่..ไม่ต้องมีของขวัญอะไรอย่างอื่นแล้ว” ริวจับมือกาคุแน่นแล้วก้มหน้าหงุด “ค แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ดีมากๆ แล้ว ทั้งหมดนี่ก็ของขวัญวันเกิดจากนายไม่ใช่เหรอ พาฉันมาถึง..บ้าน”

 

เจ้าของเส้นผมสีเทาเอียงคอยิ้มๆ แล้วพยักเพยิดหน้ารับ แต่พอจะอ้าปากพูดต่อเขาก็ถูกริวโผเข้ามากอดเต็มอกจนต้องรีบรวบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ทั้งยังต้องทรงตัวดีๆ เพื่อไม่ให้พวกเขาทั้งสองล้มก้นจ้ำกับทราย เสียงสะอื้นเบาๆ ดังอยู่ข้างหูกาคุจนเขานึกเอ็นดู ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบเส้นผมสีน้ำตาลที่กำลังสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ดวงตะวันสีแดงที่กำลังผลุบลงไปในทะเลเป็นอะไรที่หาไม่ได้ในโตเกียว กาคุจึงหมุนตัวให้ริวได้หันมาเห็นภาพนี้พร้อมๆ กัน

 

“ถ่ายรูปไว้หน่อยไหม หาไม่ได้ในโตเกียวนะ”

 

“ฮะๆ นั่นสินะ”

 

ริวปาดน้ำตาที่คลออยู่ออกลวกๆ ก่อนจะยกกล้องที่คล้องคอขึ้นมาถ่าย ใบหน้าคมคร้ามก้มมองภาพอยู่ซักพักก่อนจะขมวดคิ้วมองแล้วทำหน้าเซ็งนิดๆ ออกมา

 

“ฉันว่ามันขาดอะไรไป”

 

ไม่ทันที่กาคุจะได้ถาม ริวก็รีบผละออกจากกอดของเขา คนมาเดินเล่นที่อยู่ใกล้ๆ พอดีทั้ง 2 คน พากันตกใจเล็กน้อยเมื่อริวถลันเข้าไปหาพร้อมกับยัดกล้องถ่ายรูปลงในมือ เจ้าตัวพูดคุยอยู่ด้วยซักพักใหญ่ ชี้ไม้ชี้มือไปทางที่กาคุยืนอยู่ ก่อนจะวิ่งกลับมาหากาคุทียืนรองงๆ

 

“ขอโทษที่ต้องเอากล้องนายไปให้คนอื่นถือนะ”

 

“ก็..ไม่เป็นไร แล้วนี่นายจะทำอะไร?”

 

คนถูกถามไม่ตอบอะไร เพียงแค่ส่งยิ้มตาหยีกลับมาให้ หมุนตัวมองไปทางทะเลที่พระอาทิตย์กำลังจะถูกทะเลสีครามกลืนกินจนมิดดวง ศีรษะทุยเอียงซบไหล่กาคุและคว้ามืออีกฝ่ายมาจับไว้

 

“ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดปีนี้มากๆ เหมือนเดิมนะ ไม่สิ.. ดีใจมากกว่าปีแล้วอีก”

 

“ปีแล้วน้อยใจแย่เลย”

 

“ไม่น้อยใจสิ ฮะๆ จะยังไง..ขอแค่มีนายแบบนี้ก็ดีมากๆ แล้วล่ะ”

 

“เมื่อวานไม่พูดแบบนี้”

 

“ง่ะ..”

 

หมาตัวใหญ่หงอลงทันทีเมื่อโดนจี้จุด กาคุขำนิดๆ ก่อนจะกดปลายจมูกลงที่กลุ่มผมนุ่ม ริวหลับตารับสัมผัสอย่างว่าง่ายและครางรับเบาๆ

 

กาคุของเขา..เคยสัญญาไว้อย่างไรก็ทำอย่างนั้นเสมอมา

 

จากครั้งหนึ่งที่เคยคิดว่าแค่พามานั่งรถเล่นเพื่อผ่อนคลายจากการทำงาน ได้แปรเปลี่ยนเป็นคำมั่นสำคัญในวันเกิดแบบนี้

 

ไม่ว่า 364 วันที่เหลือจะไปที่ไหนยังไงหรือทำอะไรบ้าง แต่ 1 วัน ในวันนี้ ขอเป็นหนึ่งวันอย่างน้อยที่สุดที่ริวขอ

 

“ขอบคุณมากนะกาคุ ขอบคุณมากจริงๆ”

 

กาคุกระชับมือที่จับกับริวแน่นขึ้น ใบหน้าหันมองคนข้างกายที่จ้องมองมาอยู่ก่อน ก่อนจะระบายยิ้มอ่อนโยนที่เขามักจะใช้ส่งให้กับริวคนเดียวเท่านั้น พร้อมคำพูดสั้นๆ ที่ทำให้ริวแทบจะน้ำตารื้นออกมา

 

“always”

 

 


 

 

遅ればせながら、 誕生日おめでとう!!

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะริวนะะ!! มาช้าดีกว่าไม่มา /เหรออ

เพลงพี่ริวก็น่ารักกดี ฟังแล้วมันก็เกิดอาการมโนเวิ่นเว้ออไปตามฟิคอะแหละ ฮิ้ววว

「Beautiful baby can’t you see fumidashite

nurikaete ku My 10 plate …..

I thank you now

Don’t forget your

I remember

Yes, I do promise

I’m telling you

Don’t forget your

I remember

Yes, I promise」

 

 

 

[Fic Yume100 : Rica x Altair] Nicotine

Nicotine 🚬

Pairing : Rica x Altair

Warning : AU

Part : 1 / 2

 

 

ภายในคอนโดหรูห้องกว้างห้องหนึ่ง ชายร่างสูงโปร่งดูดีในชุดเสื้อยืดธรรมดา กางเกงขาสั้น กำลังนั่งพิงโซฟาตัวใหญ่ภายในห้อง ในมือของเขาคีบก้านบุหรี่เอาไว้ ส่งกลิ่นอบอวนไปทั่วห้องนั่งเล่น ที่ริมฝีปากพ่นควันสีเทาออกมาเป็นระยะอย่างอารมณ์ดี

 

“สูบอีกแล้วเหรอริกะ”

 

น้ำเสียงติดหน่ายเอ่ยดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น ประตูไม้บานสวยซึ่งเป็นประตูห้องนอน มีใครอีกคนเดินออกมาจากในนั้น ในสภาพที่เรียกได้ว่ากำลังตื่นนอน เส้นผมสีเปลือกไม้อ่อนๆ ยุ่งเล็กน้อย แต่กลับชวนมอง

 

“อรุณสวัสดิ์”

 

“อื้ม”

 

คนเพิ่งตื่นรับคำในลำคอเบาๆ เดินเลี่ยงไปทางครัวเพื่อจะเริ่มทำอาหารเช้า สายตาที่ดูโอนอ่อนเหลือบมองผ่านเคาน์เตอร์ครัวเข้าไปยังห้องนั่งเล่นที่มีใครอีกคนยังคงนั่งสูบบุหรี่สบายใจ

 

แรกๆ ก็ยอมรับว่าไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ร่างสูงสูบบุหรี่ แล้วดูท่าว่าจะติดหนักเสียด้วย จนเขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วง แต่ไม่ว่าจะคอยห้ามอย่างไร คนดื้อก็ยังเป็นคนดื้อ ว่าไม่เคยฟัง จากที่เคยไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ตอนนี้เขาก็ชักจะชินๆ กับมันแล้ว

 

ไม่ดีเลย ถ้าเขาจะเป็นอะไรเพราะก็จะโทษไอ้บุหรี่นั่นแหละ

 

“อัล..ทำไรกินอ่ะ”

 

น้ำเสียงยานค้างติดเหมือนเด็กงอแง ทำให้ร่างโปร่งบางในครัวอดจะอมยิ้มไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นจากกระทะที่กำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่วแล้วเอ่ยตอบ  “ข้าวผัดอเมริกัน”

 

กลิ่นข้าวผัดหอมๆ รวมกับกลิ่นไส้กรอกทอดอบอวลไปทั่วครัวจนมันกลบกลิ่นของนิโคตินเสียหมด สีหน้าของอัลแตร์ดูดีขึ้นนิดหน่อย ถึงจะแค่10-15นาที ที่ไม่ได้กลิ่นนั่นก็นับว่าดีแล้วสำหรับการอยู่ในห้องนี้

 

ดวงตาสีเขียวมรกตเหลือบขึ้นมองอีกคนอีกรอบ มวนบุหรี่ที่เขาเห็นว่ามันหดสั้นจนยากจะสูบต่อมวนแรก ถูกบี้เข้ากับที่เขี่ยบุหรี่ อุตส่าห์นึกดีใจ แต่กลายเป็นว่าริกะกลับหยิบอีกมวนออกมาเสียอย่างนั้น

 

คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันทันที …มันจะมากเกินไปแล้ว จะสูบวันละกี่มวนกันล่ะนั่น

 

ฝ่ามือบางหมุนปิดวาล์วแก๊ส ส่งเสียงเรียกอีกคนที่กำลังจะจุดบุหรี่มวนที่สองทันที

 

“ริกะ จะติดเกินไปแล้วไหม บุหรี่นั่นน่ะ”

 

“ฮะ?” ริกะร้องลั่นด้วยความงุนงง อาจเพราะโทรทัศน์ที่เจ้าตัวกำลังดูไปด้วย ทำให้ไม่ได้ยินสิ่งที่อัลแตร์พูด

 

พ่อครัวถอนหายใจหนักๆ ฝ่ามือรวบเส้นผมยาวเลยบ่าที่ระตรงต้นคอมาไว้ด้านหน้า ก่อนจะเดินอ้อมออกมาจากครัว หยุดยืนกอดอกหน้านิ่งอยู่ข้างโซฟาคนติดบุหรี่

 

“ฉันกลัวว่านายจะไม่ได้ตายก่อนแก่ก็เพราะว่านายจะปอดดำไปซะก่อนน่ะสิ” แม้น้ำเสียงจะออกแนวประชดประชัน แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงความเป็นห่วงเอาไว้อย่างชัดเจนจนคนฟังสัมผัสได้

 

ดวงตาสีทองประกายเหลือบมองก้านบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดไฟในมือ เจากะพริบตาปริบๆ รอบหนึ่งพูดอะไรไม่ออก เขาเข้าใจที่อีกคนเป็นห่วง จริงๆ ก็พยายามเลิก แต่มันเลิกไม่ได้

 

“มานี่สิ” ริกะว่าเสียงเบา พลางขยับตัวไปด้านข้างเว้นที่ข้างตัวให้อีกคนลงมานั่ง

 

คนถูกเชิญยอมนั่งลงด้านข้างแต่โดยดี แม้สีหน้าจะดูไม่ดีไม่เท่าไหร่ เพราะกลิ่นควันที่ยังคลุ้งรอบตัวมันกึกเข้าจมูกจนอัลแตร์แทบหงาย

 

ฝ่ามือหนาวางก้านบุหรี่ลงที่โต๊ะเตี้ย ดวงตาสีทองหรี่ลงดูเจ้าเล่ห์ซุกซนชอบกล จนคนที่ถูกมองอยู่อดจะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาไม่ได้

 

“อะไร?”

 

“นายช่วยฉันเลิกมันหน่อยสิ”

 

“ยังไง”

 

“แบบนี้ไง”

 

ริมฝีปากบางเชียบถูกครอบครองโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาสีเขียวสดเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ขัดขืนอีกคน รสชาติของนิโคตินที่ค้างในปากของริกะ กำลังส่งผ่านเข้ามาในโพรงปากเล็กจนอัลแตร์ขมวดคิ้วน้อยๆ

 

จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่ได้รังเกียจบุหรี่มากมายเท่าแต่ก่อน ก็อาจเพราะริกะที่ทำให้เขาต้องทำใจยอมรับเจ้าสิ่งเสพติดนี่ บางครั้งก็อดยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าพอได้กลิ่นแล้วรู้สึกดีบ้าง แต่เขาคงไม่คิดสูบหรอก

 

สำหรับริกะ อาจเป็นเพราะนิโคตินที่ทำให้เขาติดเจ้าแท่งยาสูบนั่นจนโงหัวไม่ขึ้น แต่สำหรับอัลแตร์คนไม่ชอบบุหรี่แล้ว อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาไม่หนีไปจากคนๆ นี้?

 

มาคิดดูอีกที…จะเป็นไปได้ไหม ถ้าเขาเกิดจะชอบรสชาติของนิโคตินตอนที่มันส่งผ่านมาจากริมฝีปากหนาคู่นี้ก็ได้

 

แต่ทางที่ดี ถ้าไม่สูบเลย ก็อาจจะดีกว่า…ใช่ไหม?

 

___________________ 🚭 FIN 🚭 _________________

[Fic Yume100 : Rica x Altair] Nicotine2 (18+)

 

Nicotine

Pairing : Rica x Altair

Warning : AU R18 

Part : 1 / 2 END

 

 

หลังจากถอนริมฝีปากออก คนถูกจูบหอบหายใจหนักจนใบหน้าและลำคอแดงเถือก คนติดบุหรี่มองภาพตรงหน้ายิ้มๆ พลางใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดที่มุมปากอีกคน

 

“เนี่ยเหรอวิธีที่จะเลิกบุหรี่ของนาย?”

 

อัลแตร์กอดอกมองคนตรงหน้าที่ยังคร่อมตัวเขาเอาไว้ด้วยสายตาไม่สะทกสะท้าน ใบหน้าได้รูปอ่อนเยาว์เอียงคอมองอีกคนรอฟังคำตอบ

 

“ได้ไหมล่ะ?”

 

คนตอบยักคิ้วหลิ่วตากลับติดกวนนิดๆ หนุ่มหน้าอ่อนกว่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตวัดสายตาสบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่จริงจังกว่าเดิม

 

ถ้ามันจะช่วยอีกคนได้จริงๆ เขาก็ไม่หวั่นหรอก

 

ติดจูบ…ก็คงดีกว่าติดบุหรี่

 

…ละมั้ง?

 

สิ้นความคิดนั้น ฝ่ามือขาวเนียนเอื้อมไปด้านหน้า สัมผัสเข้ากับแก้มเนียนปลั่งของอีกคน ลูบไล้แผ่วเบาชวนให้ใจกระตุกวูบ ไม่ทันที่เจ้าของเส้นผมสีช็อกโกแลตจะได้ตั้งตัว ร่างกายเขาถูกดึงไปตามแรงกระชากจากคนตรงหน้า สัมผัสนุ่มหยุ่นประกบเข้าที่ริมฝีปากเขาอีกครั้ง

 

นิ้วเรียวที่สัมผัสบริเวณคางของริกะ ออกแรงบีบเล็กน้อยจนริมฝีปากหนาเผยอออกโดยอัตโนมัติ ริกะงุนงงเล็กน้อยกับการกระทำของอีกฝ่าย กว่าจะรู้ตัว ลิ้นร้อนชื้นของอีกคนก็เข้ามาสำรวจในโพรงปากของเขาเสียแล้ว ความรู้สึกหวาบหวามอย่างน่าประหลาดกำลังเข้าเล่นงานร่างกาย

 

ท่อนแขนแข็งแรงค้ำเอาไว้กับที่วางแขนด้านหลังของอัลแตร์ที่กำลังพิงอยู่ พลางขยับตัวแนบชิดอีกคนมากเรื่อยๆ จนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของร่างใต้อาณัติ วงแขนเพียวยาวของคนข้างใต้ส่งไปกอดรอบลำคอแกร่ง ปลายนิ้วสัมผัสลูบไล้บริเวณรอยสักตรงต้นคอของริกะจนเขาครางฮือออกมา

 

อัลแตร์เบี่ยงมุมหน้าเล็กน้อย ประกบจูบเข้าหาอีกฝ่ายแนบแน่นยิ่งขึ้น ริกะยอมปล่อยไปตามความต้องการของอีกฝ่ายให้เข้ามาเล่นซุกซนในโพรงปากของเขาอย่างจำยอม รสชาติของนิโคตินที่เคยคลุ้งในปากจึงถูกกวาดต้อนไปจนหมดและแทนที่ด้วยความหวานฉ่ำจากอีกคน

 

ก็เพิ่งจะเคยรู้ ว่าอัลแตร์จูบเก่งไม่เบา

 

จากจูบที่เนิบช้า กลายเป็นรุนแรงและร้อนรุ่มมากขึ้น ฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นประกบที่ข้างแก้มของคนที่อยู่ด้านบน เร่งเร้าจูบเรียกเสียงครางต่ำในลำคอของริกะ เสียงแลกเปลี่ยนของเหลวใสในปากดังก้องทั่วห้องนั่งเล่น ยิ่งปลุกอารมณ์คนสองคนได้ไม่ยาก

 

อัลแตร์ออกแรงดันคนด้านบนออก จัดท่าให้นั่งพิงกับโซฟาดังเดิม แล้วขึ้นไปคร่อมอีกฝ่ายเอาไว้ ริมฝีปากยังคงไม่ผละออกจากกัน นิ้วเรียวสวยสอดเข้าใต้กลุ่มผมสีเข้มขยุ้มระบายอารมณ์ มอบจูบร้อนแรงที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเรื่อยๆ

 

ริกะประคองเอวอีกคนไว้แน่นขึ้น ฝ่ามืออีกข้างเริ่มซุกซนสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบาง ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังร้อนๆ เรียกเสียงครางหวานจากอีกคนได้อย่างดี ริมฝีปากร้ายเริ่มทำการสวนกลับ ลิ้นหนาดุนดันสู้กับลิ้นเล็กที่ยังคงวนในโพรงปากเขา ก่อนจะดันกลับเข้าไปเป็นฝ่ายรุกโพรงปากนั้นเสียแทน

 

สบฟันคบขบเข้าที่ริมฝีปากบางอย่างหยอกล้อ กดจูบแนบแน่นและรุนแรงมากขึ้น ยามถอนริมฝีปากออก พวงปากสีชมพูจางของหนุ่มผมยาวจึงเปลี่ยนเป็นบวมแดงราวกับสีของสตอเบอรี่ที่สุกจัด

 

“หึ..”

 

นิ้วแกร่งลูบไล้เข้าที่ริมฝีปากแดงจัด บางทีเขาอาจจะคิดถูกก็ได้ ถ้าจะใช้จูบของอีกคนเป็นสิ่งที่จะทำให้เขาเลิกบุหรี่ รสชาติหอมหวานที่ชวนให้ลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขาอยู่เลย

 

“หัวเราะ…อะไรของนาย…”

 

คนหน้าหวานมองด้วยสายตาดุๆ ลมหายใจยังไม่สม่ำเสมอจากความเหนื่อยที่เพิ่งผ่านการจูบอันเนิ่นนานมา

 

“มองคนอวดดี”

 

คนฟังมุ่นคิ้วฉับ ต่อยหนักๆ ลงที่อกอีกฝ่าย ริกะหัวเราะคิกเบาๆ และเริ่มใช้สายตากวาดมองไปทั่วโครงหน้าคนตรงหน้า และร่างกายที่ตอนนี้ยังคงนั่งคร่อมเขาอยู่ โดยที่ไม่ระวังอะไรเลยสักนิดฝ่ามือร้อนที่ยังคงอยู่ใต้สาบเสื้อตัวบางเริ่มขยับอีกครั้ง อัลแตร์สะดุ้งสุดตัวเหมือนคนเพิ่งรู้ตัว ครั้นพอคิดจะขยับตัวหนี ฝ่ามือร้ายกลับสอดเข้าไปใต้กางเกงขาสั้นของเขาแทน อัลแตร์ผวาวาบคว้ากอดลำคออีกคนแน่น ริมฝีปากเผยอออกครางเสียงแว่วหวานออกมา

 

เสียงหัวเราะในลำคอของริกะดังขึ้นอย่างอารมณ์ดี นิ้วเรียวยาวสะกิดเข้าที่จุดอ่อนไหวอย่างคนเหนือกว่า ค่อยๆ กอบกุมส่วนอ่อนไหวนั้น เล่นงานอย่างเชื่องช้าและใจเย็น แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถเล่นงานอีกคนได้อย่างดีจนร่างทั้งร่างบิดเกร็ง

 

“ริ…อื้อ..!!”

 

หลังจากปลดปล่อยความต้องการออกมา อัลแตร์ฟุบใบหน้าชื้นเหงื่อของตนลงกับลาดไหล่กว้างที่สั่นไหวเบาๆ ริกะจุมพิตเข้าที่เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนแผ่วเบา ราวปลอบประโลม แต่สิ่งที่ขัดกันอย่างดีคือฝ่ามือที่ร้ายที่เริ่มขยับไปยังส่วนหวามยิ่งกว่าเดิม

 

“ไม่..ริกะ…ข้าวเช้า…”

 

“ก็นี่ไงล่ะอาหารเช้าสำหรับฉัน”

 

รอยยิ้มร้ายฉายขึ้นที่มุมปากได้รูป ดึงร่างของคนบนตักให้รับจูบจากเขาอีกครั้ง และไม่ลืมที่เริ่มรุกล้ำอีกฝ่ายมากขึ้น นิ้วเรียวค่อยๆ สอดใส่เข้าช่องทางอ่อนนุ่มอย่างเชื่องช้า ร่างบนตักเกร็งแน่นจนเขาต้องต้องส่งเสียงทุ้มต่ำปรามอีกคนให้ผ่อนคลาย

 

“ฮื่อ!”

 

อัลแตร์เม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเรียวปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ฝ่ามือจิกเกร็งแน่นเข้าที่ไหล่กว้างของคนที่กำลังหยอกล้อเล่นกับช่องทางด้านหลังของเขา หยาดน้ำตาบางๆ ก่อตัวขึ้นที่ดวงตาสีมรกตเพราะความเจ็บ

 

“อดทนหน่อยนะ” ริกะจูบซับน้ำตาของอีกคนอย่างปลอบประโลม คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อยกับช่องทางที่ยังบีบรัดแน่นที่แม้แต่นิ้วของเขายังรู้สึกเจ็บ “ขอร้องล่ะ อย่าเกร็งนะ”

 

ว่าจบก็มอบจูบลึกล้ำให้อีกคนอีกครั้ง จูบที่พรากสติทั้งแม้แต่ตัวริกะหรือว่าตัวอัลแตร์เอง นิ้วร้อนที่สอดใส่เพื่อพยายามเปิดช่องทางขยับได้สะดวกมากขึ้น ริกะค่อยๆ เพิ่มจำนวนนิ้วมากขึ้น เรียกเสียงครางหวานในลำคอคนถูกรุกล้ำได้ดี

 

ริมฝีปากชื้นละออกจากกัน เลื่อนต่ำลงมาจูบเข้าที่สันกรามแกร่ง และต้นคอขาวสร้างรอยแดงสีจางแสดงความเป็นเจ้าของ ใบหน้าละมุนเชิดขึ้นปล่อยให้อีกคนทำตามใจ พลางส่งเสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายแผ่วเบา
ริกะจัดการยกสะโพกอีกคนเล็กน้อย ขยับตัวไปมาสักพักแล้วกอดเอวอีกคนแน่นพร้อมถอนนิ้วออกจากช่องทางหลังอย่างเชื่องช้า ละใบหน้าออกจากซอกคอกรุ่นของอีกฝ่ายสบตามองอีกคนด้วยแววตาจริงจัง

 

“นายพร้อมนะ..?”

 

คนถูกถามหลุบตาลงต่ำเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแดงแน่น ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ สบตามองอีกคนอย่างแน่วแน่ตอบ

 

ฝ่ามือขาวสองข้างจับไหล่ริกะแน่น พลางค่อยๆ ดันกายลงเบื้องล่างอย่างเชื่องช้า ความใหญ่โตและอุ่นร้อนของอีกฝ่ายที่พร้อมรออยู่ก่อน ทั้งที่สัมผัสเพียงเผินๆ แต่สามารถทำให้อัลแตร์ผวาจนขนลุกชัน เปลือกตาหลับลงพยายามรวบรวมสติของตน ก่อนจะกดกายลงไปทีเดียว

 

“อึก!!!”

 

ชายหนุ่มสองคนประสานเสียงออกมาพร้อมกัน คนตัวสูงกว่ามองใบหน้าเหยเกของคนรักตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางเบา ดันหลังศีรษะของอีกคนเข้ามามอบจูบแผ่วเบาบนหน้าผากกลมกลึงอย่างอ่อนโยน

 

ร่างสองร่างค่อยๆ ขยับทีละน้อย แต่เป็นคนด้านบนเสียมากกว่าที่เหมือนจะเป็นคนดำเนินกิจกรรมร้อนแรงนี้ จากใบหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวด แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าสุขสมแดงซ่านเต็มไปด้วยความต้องการของร่างกายที่ไม่อาจปฏิเสธได้

 

ไม่บ่อยหรอก…ที่อัลแตร์…จะเป็นฝ่ายรุก on top แบบนี้

 

“อื้ม..อัล..อึก!”

 

กลิ่นอาหารเช้าจางๆ ลอยมาเตะจมูกของริกะ เจ้าตัวปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองไปทางห้องครัวแต่กลับถูกฝ่ามือเนียนนุ่มของใครอีกคนกุมเข้าที่ข้างแก้มดึงดันให้หันหน้ากลับ ก่อนที่สัมผัสเย็นชื้นจากริมฝีปากเล็กจะประกบเข้ากับริมฝีปากเขาอีกรอบ

 

รอยยิ้มกริ่มปรากฏในใจของริกะ ถ้าสิ่งที่จะช่วยให้เลิกบุหรี่ของเขาได้คือจูบเร่าร้อนของอัลแตร์
บางที..อาหารมื้อใหญ่ที่อร่อยที่สุดอาจจะเป็นร่างตรงหน้าที่กำลังขยับตัวอย่างเอาแต่ใจตอนนี้ก็ได้