[Fic Harry Potter : Draco x Harry | DMHP] After Story 5

 

☪︎ After Story ϟ

Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]

Short Fic | Romantic | Drama

[ 5 ]

 

uniteddelightfulgalapagosmockingbird-size_restricted

 


 

 

กระท่อมหลังเก่าที่พบในเวลาต่อมาหลังจากที่เดินเตร่แถบชายป่ามาสักพักคือสถานที่ที่เด็กหนุ่มทั้งสองเลือกใช้เป็นที่พักชั่วคราวสำหรับพวกเขาในคืนนี้ แน่นอนว่าคนอย่างแฮร์รี่ไม่มีปัญหากับสภาพกระท่อมที่เรียกได้ว่าออกจะยับเยินจนแทบเหมือนจะอาศัยไม่ได้ ที่เขาห่วง คือใครอีกคนมากกว่า

 

คนผมดำแอบอมยิ้มขำคนข้างกายที่ยืนนิ่งค้างเหมือนหินตอนเดินมาหยุดอยู่หน้ากระท่อมโทรมๆ และเขาบอกว่าจะใช้ที่แห่งนี้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้ เดรโกถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตะลึง แต่แฮร์รี่ไม่ปล่อยให้เดรโกออกความเห็น เขาก็ก้าวเข้าไปในกระท่อมที่ว่าอย่างไว

 

คาถาซ่อมแซมสิ่งของถูกงัดออกมาใช้อย่างต่อเนื่องเมื่อเข้ามาในบ้าน แม้โต๊ะ เก้าอี้ เตียง หน้าต่าง ประตู ผนังบางส่วนจะถูกเสกให้ซ่อมแซมจนดูใช้การได้ แต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้หรูหราน่านอนมากนัก พวกฝุ่นต่างๆ ถูกเสกให้หายไปอย่างรวดเร็วโดยคุณชายบ้านงูจนต้องหรี่ตาย่นคิ้วลงเล็กน้อยเมื่อพวกฝุ่นไล่มาเกาะตามปลายจมูก

 

หลังจากจัดการกับสภาพกระท่อมเสร็จ แฮร์รี่ก็รีบดึงตัวเดรโกให้นั่งลงกับเตียงอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมตัวนอกที่บริเวณแขนเสื้อด้านซ้ายฉีกขาดไปแล้วถูกแฮร์รี่ถอดมันออกอย่างไม่ไยดี เดรโกตวัดตามองตามเสื้อนอกของตัวเองอย่างอึ้งๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคนตรงหน้าที่เหมือนจะหันมาดูแผลที่แขนของเขาสลับกับหันไปทำอะไรสักอย่างกับกระเป๋าใบเล็กที่เจ้าตัวแบกมาด้วย

 

“Accio ดิตทานี”

 

คนฟังเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคาถาเรียกของจากคนตรงหน้า น้ำยาขวดเล็กลอยขึ้นมาจากกระเป๋าเล็กๆ นั่น พร้อมกับที่แฮร์รี่รีบหันตัวมาทางเดรโกอีกครั้ง

 

“นายมีของแบบนี้ติดตัวด้วยเหรอ”

 

เดรโกพยายามอย่างมากที่จะใช้โทนเสียงปกติในการถามแทนที่จะเป็นการถากถางแบบที่เจ้าตัวชอบทำ แต่มันก็ค่อนข้างจะปิดบังได้ไม่มิดเท่าไหร่จนคนตัวเล็กเงยหน้ามองดุๆ เสียงถอนหายใจแผ่วเบาดังตามมาแต่ก็เริ่มจัดการกับแผลบนแขนของเดรโกต่อ

 

“เฮอร์ไมโอนี่บอกให้ฉันพกติดตัวไว้น่ะ เพราะฉันมันพวกซุ่มซ่ามหาเรื่องเจ็บตัว”

 

“อันนี้ฉันเห็นด้วย”

 

แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นและมองนิ่งอีกครั้ง เดรโกผุดยิ้มขำ แต่ก็ต้องร้องโอ๊ยเสียงดังออกมาเมื่อแฮร์รี่ใช้ปลายนิ้วจิ้มลงบริเวณรอบแผลของเดรโกสุดแรงไปทีหนึ่งจนตัวเซไปไกล แล้วเรื่องที่คิดว่าพ่อมดอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์นั้นจะมือเบาและทำแผลได้เก่งก็แทบจะเลิกคิดไปได้เลย มันก็ไม่ได้แย่ขนาดที่ว่าทำให้แผลเลวร้ายกว่าเดิม แต่เดรโกก็ต้องเหนื่อยกำชับอยู่ทุกครั้งกับท่าทางเงอะงะของคนทำแผล

 

กว่าจะเรียบร้อยดี ก็กินเวลาไปเกือบสี่สิบนาทีแล้ว

 

“ฉันจะออกไปเสกคาถาป้องกันด้านนอก นายพักอยู่ในนี้ไปเถอะ” แฮร์รี่ว่าเสียงเรียบหลังจากจัดการกับแผลของเดรโกเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันที่จะลุกให้พ้นจากเตียง ข้อมือก็ถูกคว้าไว้เสียก่อน

 

“ไปด้วยสิ”

 

“แต่นายต้องพัก”

 

“ไม้กายสิทธิ์ฉันจะใช้ได้ดีกับคาถาป้องกัน”

 

เดรโกเอ่ยอย่างดื้อดึง ไม้กายสิทธิ์โรวันสีอ่อนถูกยกขึ้นมาตรงหน้า แฮร์รี่หรี่ตามองไม้ที่เขาเผอิญหยิบติดมือมาแต่ก็เผอิญอีกเหมือนกันว่ามันดันเข้ากับเดรโกได้อย่างดีด้วยความรู้สึกร้อนๆ ที่แก้มเล็กน้อย เขาหวนนึกถึงคำพูดของโอลลิแวนเดอร์เรื่องไม้กายสิทธิ์ไม้นี้แล้วก็ยอมพยักหน้าตกลง

 

เมื่อพากันเดินขยับออกมาจนไกลจากตัวกระท่อมพอสมควรแฮร์รี่ก็เริ่มนึกถึงคาถาที่เขาเคยเสกพร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่สมัยที่หนีพวกผู้เสพความตายเมื่อปีก่อน อดจะถอนใจออกมาแรงๆ ไม่ได้เมื่อต้องกลับมาใช้มันอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวหลุบลงด้วยความเศร้าเล็กน้อยจนใครอีกคนยังรู้สึก

 

มือขวาของเดรโกเลื่อนลงกุมรอบข้อมือของแฮร์รี่หลวมๆ เมื่อเจ้าของข้อมือเงยหน้ามองคนข้างกายก็พบว่าอีกคนกำลังส่งรอยยิ้มจางให้กำลังใจอยู่ก่อน

 

“Protego Totalum”

 

“Repello Muggletum*”

 

“Salvio Hexia**”

 

“ไม้ใหม่ของนายมันดูเหมาะกับนายจริงๆ มัลฟอย”

 

เมื่อเสกคาถาทั้งหมดเสร็จ แฮร์รี่ก็อดจะเอ่ยชมคนข้างกายไม่ได้ เขารับรู้ได้ถึงพลังที่ปล่อยออกมาจากไม้กายสิทธิ์ในมือของเดรโก เจ้าของไม้ก้มมองไม้กายสิทธิ์ในมือตัวเองก่อนจะหมุนมันช้าๆ และส่งยิ้มให้คนข้างตัวที่กำลังมองไม้ที่ว่าด้วยความชื่นชม เขาเองก็รู้สึกได้ว่าไม้กายสิทธิ์มันช่างซื่อสัตย์และเชื่อฟังอยู่เช่นกัน แม้จะยังรู้สึกติดขัดอยู่บ้าง แต่มันก็ดีกว่าไม้เก่าของเขาเป็นไหนๆ

 

ที่สำคัญก็คือความรู้สึกแน่วแน่ที่จะไม่มีวันหวนกลับไปจงรักภักดีต่อศาสตร์มืดอีกอย่างเด็ดขาด ที่ทำให้ไม้นี้ตัดสินใจเลือกเดรโกด้วยความเต็มใจ

 

 

 

เด็กหนุ่มสองคนพากันนอนเหยียดเบียดกันอยู่บนเตียงเล็กแคบภายในกระท่อมหลังเล็ก ด้วยร่างกายของคนวัย 19 ปีกับเตียงขนาดนอนคนเดียวมันจึงดูเป็นภาพที่ออกจะตลกไม่น้อยถ้าหากใครได้มาเห็นเข้า มิหนำซ้ำทั้งสองยังนอนเบียดกันในสภาพที่หัวกับเท้าของทั้งคู่สลับกันคนละทางเสียด้วย

 

แฮร์รี่กำลังใช้ข้อเท้าทั้งสองของเดรโกหนุนรองศีรษะตัวเอง ในมือมีลูกบอลกลมๆ ลูกเล็กที่หาเจอในกระท่อมมาโยนเล่นแก้เบื่อ ในขณะที่อีกคนซึ่งยอมอยู่นิ่งๆ ให้ข้อเท้าของตัวเองเป็นหมอนหนุนเพียงนอนนิ่งมองไปยังหลังคาที่หายไปเป็นครึ่งจนมองเห็นท้องฟ้าโปร่งด้วยสายตาเรียบเฉย

 

“พอตเตอร์”

 

เจ้าของชื่อครางรับในลำคอ เขาเอียงคอเล็กน้อยเพื่อมองให้เห็นใบหน้าของคนที่กำลังนอนอยู่ตรงปลายเท้าเขาด้วยเช่นกัน เดรโกเหยียดตัวขึ้น สายตาจ้องไปยังบริเวณใบหน้าของแฮร์รี่อย่างใช้ความคิดจนคนที่ยังนอนมองอยู่งุนงงขึ้นมา

 

“อะไรของนาย มาจ้องหน้าคนอื่นเขาแบบนี้”

 

“ฉันจำได้”

 

“จำได้ว่า?”

 

เดรโกหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา ชี้ยื่นจ่อไปที่ใบหน้าของแฮร์รี่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนแฮร์รี่กระตุกเล็กน้อย แต่เพราะไม่รับรู้ถึงความรู้สึกถูกคุกคามใดๆ แฮร์รี่จึงยังนอนนิ่งมองเดรโกเช่นเดิม แต่ก็ไม่วายที่มือจะสอดเข้าไปใต้แผ่นหลังของตัวเองที่มีไม้กายสิทธิ์เสียบไว้

 

“Oculus Reparo”

 

คำร่ายคาถาที่แสนคุ้นหูแฮร์รี่ดีถูกร่ายออกมาจากเดรโก และคนตัวเล็กเหมือนจะได้ยินเสียงขาแว่นของตัวเองมีการขยับเล็กน้อย แว่นที่เคยตกๆ เฉียงๆ ไปจากกรอบหน้าในเวลานี้มันจึงเข้ารับกับใบหน้ามากขึ้นได้อย่างพอดี

 

“โว้ว คิดถึงคาถานี้ชะมัด” แฮร์รี่ขยับแว่นตาของตัวเองออกห่างจากใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองดูความเรียบร้อยของมันด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณมัลฟอย”

 

เดรโกชะงักไปเล็กน้อยกับคำขอบคุณและรอยยิ้มที่ถูกส่งมา ไม้กายสิทธิ์ในมือถูกเคาะลงกับปลายคางอย่างคนทำอะไรไม่ถูกก่อนจะรีบทิ้งตัวลงนอนที่เดิมด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก แฮร์รี่ขำออกเสียงมาเบาๆ จนเดรโกนึกหมั่นไส้กระตุกข้อเท้าของตัวเองเพื่อแกล้งอีกคนไปที

 

“ทำไมรู้คาถานี้ล่ะ?” แฮร์รี่ส่งเสียงถาม

 

“คนเรามันก็ต้องมีของที่พังบ้างไหมล่ะ”

 

เสียงครางอ๋อเข้าใจถูกลากยาวออกมาจากคนผมดำ เดรโกส่ายหน้าขำๆ กับความเกินจริงนั้นเล็กน้อยก่อนจะมองออกยังท้องฟ้าที่เริ่มเป็นสีดำสนิทของยามราตรี ในเวลานี้ก็ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองจะสามารถข่มตาหลับลงเข้าสู่ห้วงนิทราได้ไหม ป่านนี้พวกผู้เสพความตายคงยังออกล่าตามหาพวกเขาทั้งคู่กันอยู่

 

ไม่รู้ว่าที่ฮอกวอตส์จะเป็นอย่างไรบ้าง

 

ยิ่งกว่านั้นคือเดรโกยังรู้สึกไม่สบายใจกับพ่อและแม่ของเขาที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้ข่าว

 

เสียงนกฮูกดังลอดเข้ามาจนสองหนุ่มหันไปมองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง แฮร์รี่ยื่นแขนออกไปด้านข้างอย่างรู้งาน ไม่นานนัก นกฮูกหิมะสีขาวสะอาดก็โฉบเข้ามาจากทางหน้าต่างเข้ามาเกาะบนแขนของแฮร์รี่ที่ยื่นรออยู่ก่อน

 

จดหมายที่เสียบติดอยู่ที่ข้อเท้าของเฮ็ดลี่ถูกดึงออกมา ก่อนที่เจ้านกตัวอ้วนขาวจะบินไปหาเดรโกที่ยื่นแขนรอรับช่วงต่อ แฮร์รี่แกะจดหมายออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะกวาดตาอ่านเนื้อความในจดหมายอย่างละเอียด

 

“ว่าไงพอตเตอร์”

 

แฮร์รี่ลดจดหมายลง ก่อนจะเอียงคอมองคนถามที่ยังเกาใต้คางของเฮ็ดลี่เล่น ดวงตาหลังกรอบแว่นมองเลยออกไปด้านนอกกระท่อม เอ่ยตอบเสียงแผ่ว

 

“ที่ฮอกวอตส์มีการเพิ่มการตรวจตรามากขึ้น ศาสตราจารย์มักกอนนากัลรู้เรื่องที่เราโดนโจมตีแล้ว ส่วนพ่อแม่นายเห็นว่าตอนที่เกิดเรื่อง พวกเขาอยู่ที่กระทรวงเวทมนตร์พอดีเลยปลอดภัย ตอนนี้น่าจะอยู่ในความดูแลของกระทรวง”

 

เสียงทอดถอนใจด้วยความโล่งอกดังขึ้นมาเบาๆ เดรโกยิ้มให้นกฮูกสีขาวบนแขนของตัวเองอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้มันบินไปเกาะที่โต๊ะใกล้เตียงแทน

 

“แล้วเราจะเอายังไงต่อ” พ่อมดบ้านสลิธีรินเอ่ยถามเสียงเครียด

 

“กลับฮอกวอตส์ตอนนี้มีหวังโดนโจมตีอีกแน่”

 

“พวกนั้นจะกล้าบุกถึงฮอกวอตส์รึไง ที่นั่นมีการป้องกันจากศาสตร์มืดแน่นหนาจะตาย” แฮร์รี่แทบจะผุดตัวขึ้นมามองเดรโกด้วยสายตาสงสัย “ก็รู้ไง เพราะพวกนั้นเคยพยายามจะเข้าไป แต่เพราะมนตร์ที่ศาสตราจารย์ฟลิตวิกวางไว้ ก็เลยไม่สำเร็จ”

 

คนฟังถอนหายใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนต่อ “กันไว้ก่อน ตอนนี้โรงเรียนเปิดด้วย แถมยังเพิ่งซ่อมแซมไป ทุกคนไม่ได้พร้อมต่อสู้หรอกนะ”

 

เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองพยักหน้ารับเงียบๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศในกระท่อมหลังเล็กจึงดูเงียบลงไปถนัดตา มีเพียงเสียงจากแมลงจากภายในป่าที่กำลังแข่งกันหวีดร้องให้ได้ยินเป็นพักๆ เคล้าไปกับเสียงเสียดสีกันของใบไม้ยามที่สายลมพัดผ่าน

 

เหมือนจะอึดอัด แต่ก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น ดวงตาทั้งสองคู่จับจ้องมองไปยังทิวทัศน์ยามค่ำผ่านหลังคากระท่อมที่ผุพังไป บนฟ้าที่พร่างไปด้วยดวงดาวระยับมากมาย นานมาแล้วที่แฮร์รี่ไม่ได้มีโอกาสออกมานั่งดูดวงดาวเช่นนี้ สถานที่ที่สามารถดูดาวได้อย่างสวยงามในฮอกวอตส์ แฮร์รี่ก็ไม่ค่อยอยากจะไปเท่าไหร่ แม้ตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะเหมาะกับการนอนดูดาวก็ตามแต่

 

“ชื่อนายก็เป็นกลุ่มดาวหนึ่งสินะ เหมือนของซิเรียสเลย”

 

จู่ๆ แฮร์รี่ก็โพล่งขึ้นมากลางความเงียบ เจ้าของชื่อครางรับก่อนจะเหลือบมองไปยังใบหน้าของคนที่นอนใช้ข้อเท้าของเขาหนุนอยู่อย่างรอว่าเจ้าตัวจะพูดอะไรต่อ

 

“นายคงแทบไม่รู้จักเขาเลยสินะ ซิเรียสน่ะ”

 

เจ้าของชื่อตามกลุ่มดาวขยับศีรษะตอบช้าๆ “ก็เขาเข้าอัซคาบันตั้งแต่ที่โวลเดอร์มอร์ตายไปไม่ใช่เหรอ ฉันเองก็ไม่เคยเจอ แต่แม่ก็มักจะพูดถึงเขาว่าเป็นแบล็กนอกคอก”

 

แฮร์รี่เงียบไปทันทีหลังจากที่เดรโกพูดจบ ไม่มีแม้แต่เสียงใดเล็ดลอดออกมาจนเดรโกนึกใจเสีย

 

“เฮ้ ไม่ได้กำลังโกรธใช่ไหม”

 

“เปล่า แค่กำลังคิดถึงเขาแค่นั้นแหละ”

 

เขาไม่เคยสูญเสียคนที่รักไปอย่างที่แฮร์รี่เสีย เดรโกก็พูดได้ไม่เต็มปากนักว่าตัวเองเข้าใจอีกฝ่ายดี สงครามที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนไป ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลงเข้าไปในความมืด ชีวิตเหมือนจะหาความสุขไม่ได้ แต่ไม่เคยสูญเสีย พ่อกับแม่ของเขายังอยู่

 

แม้การตายของอัลเลนในวันนี้ จะทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจไปไม่น้อย แต่ก็คงไม่อาจเทียบกับคนที่ต้องพบกับการสูญเสียมาตลอดหลายปีอย่างแฮร์รี่

 

สายตาที่เหม่อมองไปยังท้องฟ้าอย่างเหม่อลอยของแฮร์รี่ทำให้เดรโกรู้สึกจุกในอกเล็กน้อย เขาเองก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงความหม่นหมองในใจของแฮร์รี่เช่นกัน แม้ในช่วงหลังมานี้ที่พวกเขาได้มีโอกาสคุยกันจะพอทำให้เข้าถึงหัวใจอีกฝ่ายได้บ้างเล็กน้อยก็ตาม สังเกตดูก็รู้ว่าแฮร์รี่เป็นพวกไม่ยอมพูดคุยอะไรกับใครแน่ๆ

 

สมองของเดรโกเผลอสั่งการให้เขาทำอะไรที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักออกไป มือของแฮร์รี่ที่วางอยู่ใกล้ตัว ถูกคว้าเข้าไปกุมไว้เต็มฝ่ามือ เจ้าของมือเล็กก้มมองไปยังคนที่จับมือตนด้วยสายตาอึ้งๆ ก่อนจะกะพริบถี่อย่างคนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมขยับมือกุมตอบไปด้วยรอยยิ้ม

 

บางทีน่าจะลองหาเรื่องชวนคุย

 

“ถามอะไรหน่อยสิ” เดรโกว่าขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นจนแฮร์รี่สะดุ้ง “คาถานั้นที่นายบอกว่าได้มาจากเซเวอร์รัสน่ะ เขาสอนนาย?”

 

แฮร์รี่ปั้นหน้าเหมือนคนกินยาขมอีกครั้งกับคำถามนี้ ริมฝีปากรู้สึกแห้งผากขึ้นมาดื้อๆ จนต้องแลบลิ้นเลียไปรอบๆ อย่างใช้สมาธิ ก็รู้อยู่หรอกว่าตอนนี้มันเงียบเหงาและน่าเบื่อ แต่การที่อีกฝ่ายพยายามหาเรื่องชวนคุยด้วยเรื่องอะไรแบบนี้ แฮร์รี่ขอจัดให้เดรโกเป็นพวกชวนคุยยอดแย่แล้วอยู่เงียบๆ ไปยังจะดีเสียกว่า แต่พอเหลือบมองสายตาสีเทาติดประกายวิบวับที่ปลายเท้าก็อดจะอ่อนใจยอมไม่ได้

 

“ไม่สอนหรอก ฉันเจอจากในหนังสือของเจ้าชายเลือดผสม” เดรโกเลิกคิ้วงุนงงกับชื่อแปลกๆ ไม่คุ้นหู แฮร์รี่จึงว่าต่อ “ฉันเจอมันที่ห้องปรุงยาตอนปี 6 คาบแรกที่ฉันเข้าไปกับรอนนั่นไง หนังสือมันอยู่ในตู้ที่ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นบอกให้ไปยืม ในหนังสือนั่นบอกถึงวิธีปรุงยาที่ถูกและจะได้น้ำยาที่มีประสิทธิภาพ”

 

“มิน่า นายถึงปรุงน้ำยาตายทั้งเป็นได้ดีแบบนั้นทั้งที่ไม่ควรจะเป็น” เดรโกแทรกเสียงขบขันออกมา

 

“ไอ้เฟอเร็ท”

 

เสียงหัวเราะหึเดียวดังมาจากลำคอตามมา พร้อมการเบี่ยงข้อเท้าของตัวเองจนเดรโกรีบเอี้ยวหัวหลบเท้าของแฮร์รี่ที่กำลังจะเตะเข้าที่ข้างขมับอย่างทีเล่นทีจริง

 

“ก็นั่นล่ะ แถมในหนังสือนั่น ยังจดอะไรไว้อีกเยอะแยะ ที่สำคัญก็คือมีคาถานั้นอยู่ด้วย… Sectumsempra” ท้ายประโยคที่มีการพูดถึงคาถาเสียงของแฮร์รี่ก็แผ่วลง เขายังคงจำมันได้ดีถึงผลของคาถาตอนที่เขาใช้ครั้งแรกจนสายตาหมองลง เพราะใครที่ว่าที่โดนเขาเล่นงานก็นอนอยู่ด้วยกันตรงนี้

 

เดรโกบีบมือเล็กในมือตัวเองอย่างให้กำลังใจก่อนจะว่า “เล่าต่อสิ นายบอกว่า..นายไม่รู้สินะว่าผลของมันจะเป็นยังไง ใช่ไหม”

 

คนเล่าเรื่องพยักหน้ารับ “ฉันลองใช้ครั้งแรกตอนที่บุกเข้าไปหานายในห้องน้ำนั่น เพราะที่ห้องโถงใหญ่ ฉันกำลังอ่านหนังสือเล่มนั้นพอดี มันเขียนเอาไว้ว่า สำหรับศัตรู”

 

เกิดความเงียบขึ้นฉับพลันหลังจากเสียงของแฮร์รี่เงียบลง คนพูดก็เหมือนจะเตรียมใจรับไว้อยู่แล้วถึงผลที่จะตามมาหลังเขาบอกความจริง และเขาก็เชื่อว่าเดรโกคงเข้าใจได้ดีแม้จะไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวแม้แต่น้อย

 

แฮร์รี่เองก็เข้าใจเช่นกัน

 

เพราะนั่นหมายความว่าคาถานี้จะใช้ไม่ได้ผลกับคนที่ผู้ร่ายไม่ได้มองว่าเป็นศัตรู แต่แฮร์รี่กับเดรโกในตอนนั้น แน่นอนว่าคงเป็นสถานะไหนต่อกันให้ไม่ได้นอกจากศัตรูจริงๆ

 

ภาพของเดรโกในวันนั้นหลังจากที่เขาร่ายคาถาใส่ยังติดตาอยู่ไม่จาง เชิ้ตสีขาวสะอาด เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เจิ่งนองกับพื้น พร้อมกับเลือดสีแดงสดที่ไหลออกจากปากแผลมหาศาลจนมันแดงฉานไปทั่วพื้น และเสียงสะอื้นของเดรโกยังคงก้องอยู่ในหูของแฮร์รี่เหมือนว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้น

 

พ่อมดผมดำรู้สึกเหมือนมีก้อนน้ำลายเหนียวๆ มาจุกอยู่ที่ลำคอของตัวเองทันที ฝ่ามือของเขาเย็นเยียบลงด้วยความกลัว เพราะเดรโกเงียบ เขาจึงเงียบตาม ด้วยเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาอีก สิ่งที่เดรโกอยากรู้ เขาก็ยอมบอกแล้ว แต่ที่กลัวจนมือเย็นตอนนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะ…กลัวอีกฝ่ายโกรธ

 

“ขอโทษ…”

 

“อีกแล้วนะ ก็บอกว่ายกโทษให้แล้วไง”

 

เดรโกตอบกลับแทบจะทันทีที่ได้ยินคำขอโทษหลุดออกมาจากปากของแฮร์รี่เหมือนเป็นคำตอบอัตโนมัติ น้ำเสียงติดแหบยานคางจึงบ่นดุๆ ออกมาจนแฮร์รี่เผลอหดคอลง

 

“แล้วยังไงต่อ” คนผมบลอนด์ยังคงอยากรู้ต่อ

 

“นายคิดว่ามันต้องมีอะไรต่ออีกรึไง” แฮร์รี่รู้สึกขัดใจนิดหน่อยที่เหมือนเดรโกจะรู้ดีว่ายังมีอะไรอีก จนอดบ่นเพื่อบ่ายเบี่ยงไม่ได้

 

แต่เสียงหัวเราะต่ำในลำคอของเดรโกก็ทำให้แฮร์รี่รู้ว่าเขาไม่สามารถปกปิดอะไรเดรโกได้สักนิด

 

ดวงตาสีมรกตหลบวูบไปอีกทาง “สภาพนาย..ทำฉันสติแทบแตก ฉันกลับไปนั่งตัวสั่นที่หออยู่ตั้งนาน แล้วจินนี่ก็บอกให้ฉันเอาหนังสือนั่นไปซ่อน ในห้องต้องประสงค์ ที่ตอนนี้ถูกเผาไปแล้ว”

 

รอยยิ้มจุดขึ้นบนเรียวปากบางเล็กน้อยเมื่อได้รู้ความจริงว่าเด็กชายผู้รอดชีวิตกลับไปนั่งตัวสั่นหลังจากทำร้ายตัวเอง ถ้าเป็นตัวเองในแบบเมื่อก่อนที่ยังเหม็นขี้หน้ากันอยู่เขาคงจะคิดว่าแฮร์รี่กำลังโกหกอยู่แน่ๆ แต่ในเวลานี้เดรโกกลับเชื่อเต็มหัวใจ พ่วงด้วยความรู้สึกดีๆ ที่อีกคนเหมือนจะรู้สึกผิดที่ทำลงไป

 

“ศาสตราจารย์สเนปช่วยนายไว้ได้ใช่ไหม” แฮร์รี่รีบถามออกมาทันทีหลังจากที่ค้างคาใจอยู่นาน

 

“ถ้าช่วยไม่ได้จะมานอนเหยียดกับนายตรงนี้เหรอ?” เดรโกจงใจตอบกวนๆ

 

“ไอ้บ้า ฉันไม่น่าห่วงนายเลย”

 

“ห่วงฉันด้วยเหรอพอตเตอร์”

 

“ไอ้เวรนี่!”

 

ผ้าห่มเก่าๆ ที่อยู่ข้างมือแฮร์รี่ถูกปาอัดหน้าคนที่นอนอยู่อีกฝั่งของตัวทันที แต่เพราะแขนซ้ายของเดรโกที่ยังเจ็บอยู่ทำให้เขายกมือมาป้องไม่ได้ มือขวาก็ยังจับกับมือของแฮร์รี่อยู่ สุดท้ายผ้าห่มเน่าๆ จึงถูกอัดมาเต็มใบหน้าของเขาอย่างช่วยไม่ได้จนเดรโกปั้นหน้าแหย

 

“สกปรกพอตเตอร์”

 

“นายก็ต้องใช้มันห่มนอนคืนนี้อยู่ดี พ่อคุณชายมัลฟอย”

 

แฮร์รี่เอ่ยอย่างหยอกล้อพลางส่งหัวเราะเสียงใสออกมา เดรโกส่ายหน้าให้กับความขี้เล่นของแฮร์รี่ ก่อนจะจับผ้าห่มเน่าในมือวางไว้ข้างตัวแทน

 

“Vulnura Sanentur คือคาถาที่เขาใช้รักษาฉันตอนนั้น” เดรโกตอบเสียงราบเรียบออกมา แรงขยับไปมาที่ข้อเท้าทำให้เขารู้ว่าแฮร์รี่พยักหน้ารับรู้คำตอบของเขาแล้ว

 

แล้วทั้งคู่ก็ปล่อยให้บรรยากาศเย็นๆ ในกระท่อมเงียบเชียบดังเช่นตอนแรกก่อนมีการเปิดประเด็นอีกครั้ง ยอมรับเลยว่าพอไม่มีอะไรให้ด่าหรือคุยกันมันก็ออกจะเงียบเหงาไปจริงๆ สำหรับแฮร์รี่ ในเวลานี้เขารู้สึกจะหลับไม่ลงอีกครั้งเพราะกลัวฝันร้ายที่จะตามมาหลอนกันอีก ความเจ็บประปรายบนหน้าผากที่ยังมีรอยแผลเป็นจางๆ อยู่ เหมือนเป็นสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างเหมือนตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

แต่สำหรับเดรโก เขาไม่สามารถนอนหลับได้เต็มตาอยู่แล้วตั้งแต่ที่พาตัวเองเข้าสู่ด้านมืด แม้ตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้วก็ตาม มันก็ยังยากที่จะข่มตาหลับได้อยู่ดี

 

“ฉันว่านายควรพัก มัลฟอย”

 

เสียงใสของแฮร์รี่ดังแทรกเข้ามาจนเดรโกสะดุ้งเบาๆ เจ้าของชื่อเหลือบมองไปทางปลายเท้าที่แฮร์รี่ยังคงยึดพื้นที่ข้อเท้าทั้งสองของเขาเอาไว้อย่างถือดีก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

 

“ถามจริงพอตเตอร์ เราจะนอนกันในสภาพนี้หรือยังไง ปล่อยข้อเท้าของผมได้แล้วมั้งครับคุณพอตเตอร์”

 

คนถูกทักเหมือนจะเพิ่งรู้ว่าตัวเองนอนทับอะไรไว้ แฮร์รี่ขยับมองเลิ่กลั่กเล็กน้อยก่อนจะรีบโงหัวขึ้นมาจากข้อเท้าของเดรโก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลุกขึ้นดี มือที่ยังคงจับอยู่กับมือของเดรโกอยู่ก็ถูกกระตุกดึงอย่างแรง ลำตัวครึ่งบนของแฮร์รี่ถูกแรงดึงมหาศาลนั่นฉุดขึ้นจนกลับมานั่งตัวตรงได้ แต่ก็แทบจะหยุดหายใจไปทันทีเมื่อใบหน้าของคนที่ดึงเขาขึ้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าพอดีเช่นกัน

 

ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดบนปลายจมูก

 

แฮร์รี่ยังคงติดค้างคำพูดที่เดรโกพูดทิ้งท้ายไว้เมื่อตอนเย็นอยู่

 

ยิ่งได้มาเห็นสายตาที่กำลังเหมือนจะสื่อความนัยอะไรบางอย่างจากดวงตาคู่สีควันตรงหน้า แฮร์รี่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันชัดเจนมากขึ้นเหลือเกินในเวลานี้

 

ดวงตาหลังกรอบแว่นหลุบลงหนี เดรโกหายใจสะดุดไปตามกันกับปฏิกิริยานั้น

 

“แน่ใจแล้วเหรอที่จะรักฉันน่ะ?” คนผมดำทักขึ้นเมื่อระหว่างพวกเขาทั้งคู่เริ่มจะเงียบเกินไปอีกครั้ง

 

ไม่มีคำตอบใดตามมาจากคนที่ยังนั่งอยู่ด้วยกัน แฮร์รี่ก้มหน้าต่ำลงอีกครั้ง เขาไม่กล้าเงยหน้ามองเดรโกอีกรอบ ไม่ต้องการ…ที่จะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมีสีหน้าและส่งสายตาแบบไหนมาให้ตัวเอง หรือแท้จริงแล้ว แฮร์รี่แค่กำลังกลัวหัวใจของตัวเอง ว่าจะปล่อยให้มันดำเนินไปตามความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองจนเกินไป

 

ยืนยันว่ายังกลัวอยู่เสมอกับการที่จะต้องรับใครเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ไม่ตาย ก็เสี่ยงตายกันทั้งนั้น แฮร์รี่ไม่อยากจะต้องมาทำใจยอมรับและไปงานศพใครอีกแล้ว

 

อยากพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ แต่สัมผัสอุ่นร้อนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอุ่นๆ ข้างกายที่ยังคงอยู่เหมือนเหนี่ยวรั้งเขาไว้ แต่ก็ทำให้แฮร์รี่มั่นใจว่าเดรโกยังคงอยู่ข้างกายแม้ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวจะเงียบกริบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเอง

 

ร่างสูงเริ่มขยับเบาๆ มือที่ยังจับกันแน่นขึ้นไปอีก “ฉันยอมจ่ายยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ฉันไม่ต้องกลับไปตรงนั้นอีก หนึ่งในเดิมพันของฉันก็คือความรู้สึกที่มีให้นาย และตอนนี้.. ใช่ นายก็ยังอยู่ข้างฉัน” แฮร์รี่เงยหน้ามองเดรโกตื่นๆ “แบบนี้ฉันควรถอยหรือเปล่า”

 

โกหกได้แย่ขนาดนั้น หรือเขาไม่เคยโกหกเดรโกได้เลยแต่แรกกันนะ?

 

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉาบบนใบหน้าคมเล็กน้อย “ฉันเดิมพันกับนายมาตั้งแต่ตอนที่เลือกส่งไม้กายสิทธิ์ของฉันให้นายแล้ว และนายก็ทำให้ฉันรู้ว่าฉันวางเดิมพันถูกข้าง”

 

แฮร์รี่หลุดขำพร้อมใบหน้าแดงเรื่อทันที นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นทีไรก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้ ลำพังแค่ตัวเขาที่เลือกตื่นขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มก้อนผู้เสพความตายนับร้อยและโวลเดอร์มอร์ที่ยังอยู่ตรงหน้าก็ว่าบ้าบิ่นพอแล้ว แถมยังไม่มีอะไรจะไปสู้กับเขาได้อีก แต่เสียงเรียกพร้อมคนที่วิ่งมาหานั่นน่ะ น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเสียอีก

 

และก็คงจะเพราะเหตุการณ์นั้น สงครามที่เหมือนว่าผู้วิเศษจะพ่ายแพ้ให้กับอำนาจมืดจึงกลับมาพลิกสู้ได้อีกครั้ง กำลังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เดรโกถูกไล่ล่าตัวในตอนนี้

 

การให้การของมัลฟอยคนพ่อเองก็ด้วยที่กลับกลอกเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวรอดพ้นจากการถูกจับและนำไปสู่การจับกุมผู้เสพความตายที่ยังเหลือรอด ก็คงจะเป็นเหตุผลมากพอที่จะทำให้ครอบครัวนี้ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกทรยศหักหลังและโดนหมายหัวสมควรถูกกำจัดทิ้งไปให้สิ้นซากอย่างจริงจัง

 

โดยเฉพาะมัลฟอยคนลูก

 

คิดได้ดังนั้นแฮร์รี่ก็รู้่สึกว่าเขาควรจะยังไม่ให้คำตอบอะไรเดรโกในตอนนี้ พวกเขาทั้งคู่ควรจะจัดการปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อน บางทีตอนนี้อาจจะแค่สับสน

 

เดรโกเองก็สังเกตเห็นความลังเลในแววตาคู่สวยตรงหน้า สุดท้ายจึงไม่ได้เร่งเร้าอะไร นิ่งเงียบด้วยความเข้าใจและนั่งมองเฉยๆ เท่านั้น

 

“เพราะฉันก็ช่วยนายในห้องต้องประสงค์ไง เจ้าทึ่ม”

 

เจ้าของดวงตาสีเทาหรี่ตาลงแล้วกลอกขึ้นเล็กน้อย เขาพยักหน้าและลอบยิ้มจนใจออกมา

 

“โอเค อันนั้นไม่เถียง นายกลับมาช่วยฉันจริงๆ งั้นก็เอาเป็นว่าเราเจ๊ากัน”

 

ทั้งคู่ขำใส่กันเล็กน้อยอยู่พักใหญ่ เมื่อหยุดลงก็จ้องตากันและยิ้มให้เท่านั้น เจ้าเฮ็ดลี่ที่เกาะอยู่ใกล้ๆ กระพือปีกตีไปมาอย่างอารมณ์ดีตามเมื่อเห็นว่าเจ้านายและเพื่อนเจ้านายของมันกลับมามีบรรยากาศสดใสอีกครั้ง แฮร์รี่ย่นจมูกใส่นกของตัวเองแล้วค่อยๆ ถอนมือออกจากมือของเดรโก

 

“พักเถอะ พรุ่งนี้เราคงต้องหาทางจัดการกับพวกนั้นต่ออีก”

 

แฮร์รี่ขยับตัวลงไปยืนอยู่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว เดรโกเลิกคิ้วมองตามเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถาม

 

“นายจะนอนไหน”

 

“พื้น นี่ไง มีฟูก หมอน ผ้าห่ม ครบ” แฮร์รี่ตอบไปพลางชี้อุปกรณ์การนอนที่โผล่มาตอนไหนไม่รู้ให้เดรโกดูทีละชิ้นไปพลาง

 

ฟูกเก่าๆ ที่ว่าถูกปูกับพื้นและตามมาด้วยการจัดวางหมอนและผ้าห่มให้เข้าที่ประกอบ เดรโกหลิ่วตาลง หัวคิ้วแทบจะขมวดเข้าหากัน

 

“นายคงไมได้คิดที่จะลงมานอนข้างล่างอยู่ใช่ไหมมัลฟอย”

 

คนฟังตีหน้าขรึมทันที

 

“คนป่วยน่ะนอนบนเตียงไปเลย”

 

“ใครป่วย หายแล้ว”

 

“ไม่รู้ไม่ฟัง นอนบนเตียงไปเลย”

 

ว่าจบก็ไม่คิดให้คนร่วมห้องอีกคนได้มีโอกาสโต้เถียงอีก แฮร์รี่ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนชั่วคราวซึ่งอยู่ข้างเตียงพอดี จัดการพลิกตัวไปอีกด้าน หันแผ่นหลังให้กับคนที่ยังนั่งจังงังบนเตียงเพื่อตัดทุกบทสนทนาที่จะตามมา

 

เดรโกทำได้เพียงกะพริบตาปริบอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเองก็พูดได้ไม่เต็มปากนักหรอกว่าจะอาสาลงไปนอนข้างล่างแทน มันดูไม่สบายจนเดรโกก็ไม่กล้าแม้แต่จะลองด้วย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยลำบากเท่าตอนนี้เลยก็ว่าได้ แม้ว่าชีวิตช่วงที่เลวร้ายอย่างตอนเป็นผู้เสพความตาย เขาก็ยังไม่ต้องมาทุรกันดารขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ

 

เพราะเขายังไม่ต้องหนี ยังมีคฤหาสน์หลังใหญ่ให้อยู่อาศัย ไม่ต้องเตร็ดเตร่ไปมา

 

เดรโกเคยสงสัยว่าช่วงที่แฮร์รี่หนีพวกผู้เสพความตายเมื่อปีก่อนใช้ชีวิตอยู่อะไรยังไงแบบไหน ตอนนี้เขาเริ่มจะรู้และเข้าใจขึ้นมาตงิดๆ แล้ว

 

ร่างสูงทิ้งตัวลงกับเตียงเดิมช้าๆ หางตาเหลือบมองแผ่นหลังเล็กใต้ผ้าห่มผืนบางครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเอาผ้าห่มเปื่อยๆ ที่แฮร์รี่โยนมาให้ก่อนหน้ามาห่มไว้บ้าง ดีว่าช่วงนี้เป็นหน้าร้อนพอดี ผ้าห่มจึงไม่จำเป็นเท่าที่ควร

 

คนที่ล้มตัวลงนอนก่อน แท้จริงแสร้งทำว่าหลับเฉยๆ เมื่อได้ยินว่าอีกคนล้มตัวลงนอนไปแล้วก็อมยิ้มกับตัวเอง แฮร์รี่ก็ไม่ได้คาดหวังจะให้คนอย่างเดรโกลงมานอนพื้นแล้วเขาจะได้นอนเตียงหรอก นึกภาพคนอย่างเดรโกลงมานอนกับพื้นก็ไม่ค่อยจะออกด้วยซ้ำ เขาไม่ได้มีปัญหากับการนอนลำบากๆ แบบนี้อยู่แล้ว จึงอาสาเองให้มันจบๆ ไปดีกว่า

 

นอนเงียบๆ ไปสักพักจนได้ยินเสียงลมหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอจากคนบนเตียง จึงลองพลิกตัวกลับมา แฮร์รี่ก็พบว่ามือของเดรโกกำลังตกลงอยู่ข้างเตียงพอดี

 

แฮร์รี่มองปลายนิ้วเรียวด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเองก็บอกไม่ถูกนักว่าเป็นแบบไหน แต่ก็แค่รู้ว่าอยากจะทำมัน

 

อย่างน้อยในคืนนี้ เขาหวังว่าตัวเองจะนอนหลับพร้อมฝันดีๆ ได้อย่างใครเขา

 

นิ้วเรียวเล็กกว่าขยับเข้าไปเกี่ยวกับนิ้วที่ตกอยู่ข้างเตียง เพียงแค่สองนิ้วที่เกี่ยวกันไว้หลวมๆ เท่านั้น

 

แต่มันกลับอบอุ่นและแน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อมีใครอีกคนที่พยายามเกี่ยวมันตาม

 

อย่างน้อยในคืนนี้ เขาก็หวังว่าตัวเองจะนอนหลับได้อย่างปกติบ้างสักที

 

 

 

“พอตเตอร์ พอตเตอร์!”

 

เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาอย่างรุนแรงจนเดรโกที่นั่งอยู่ข้างๆ ผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ใบหน้าของแฮร์รี่ชื้นไปด้วยหยดเหงื่อมหาศาลจนโซมไปจนถึงลำคอและตัว เดรโกมองอีกคนอย่างตื่นๆ ก่อนจะจับต้นแขนเล็กแน่นขึ้น

 

“นายฝันร้าย นอนดิ้นแรงไปมา ฉันเรียกอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมตื่น”

 

แฮร์รี่พยักหน้ารับพลางยกมือเช็ดไปตามใบหน้าของตัวเองด้วยความเคยชิน มือของเขายังคงสั่นจนใครอีกคนยังสังเกตเห็น ก่อนที่แฮร์รี่จะหยุดเช็ดเหงื่อที่ยังคงไหลไม่หยุดของตัวเองก่อนจะหันไปมองเฮ็ดลี่ที่บินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ

 

คนตัวเล็กรีบผุดลุกขึ้นไปคว้ากระดาษกับปากกาขนนกในกระเป๋าใบเล็กของตัวเองออกมา เขาจัดการเขียนอะไรสักอย่างลงในกระดาษไวๆ แล้วรีบส่งมันให้กับเฮ็ดลี่ทันที

 

“เฮ็ดลี่ ส่งไปถึงเฮอร์ไมโอนี่ และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก สัญญากับฉัน”

 

ดวงตาสีมรกตมองนกตัวอ้วนสีขาวของตนด้วยสายตาจริงจัง เดรโกจับจ้องคนที่ดูร้อนรนกับนกของตัวเองด้วยสายตาเรียบนิ่ง จนกระทั่งนกฮูกหิมะสีขาวโผบินออกไปแฮร์รี่ก็หันมาหาเดรโกต่ออย่างรวดเร็วทันที

 

“ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว เรารีบไปจากที่นี่กันดีกว่า”

 

เดรโกไม่ถามอะไรให้มากความ เขาพยักหน้ารับคำแล้วยันตัวลุกจากพื้นตามด้วยความรวดเร็วก่อนจะตามแฮร์รี่ไปติดๆ

 

ตอนนี้ยังเช้ามากอยู่ด้วยซ้ำ แม้พระอาทิตย์จะยังไม่ทันขึ้นเท่าไหร่ แต่ก็ยังพอจะมองเห็นหนทางในป่าได้บ้าง เมื่อลองหาทิศทางที่น่าจะพาออกจากป่าได้พวกเขาก็ไม่รอช้าเดินกันไปเรื่อยๆ ตามทางทันที เดรโกยังคงสงสัยอยู่ถึงปฏิกิริยาของแฮร์รี่หลังเจ้าตัวตื่นมา ทำไมถึงได้ให้รีบหนีออกมา ทั้งที่กระท่อมนั่น พวกเขาเองก็ร่ายมนตร์ป้องกันเอาไว้แล้วแท้ๆ

 

“พอตเตอร์” เดรโกไม่อาจทนเก็บความสงสัยได้อีกต่อไป “ทำไมเราถึงต้องรีบหนีออกมา เราป้องกันมันเอาไว้แล้วนี่”

 

แฮร์รี่ชะงักไปตามคำถามของเดรโก เขาเองก็ไม่ได้มีเหตุผลที่จะมารองรับได้มากพอ แต่มันเป็นสัญชาตญาณ รอยแผลและความเจ็บ รวมถึงฝันที่ทำให้เขารู้สึกทรมานและร้อนรุ่มไปทั้งตัว เหมือนมันกำลังร้องเตือนอยู่

 

“ฉันไม่รู้หรอก มันเป็นสัญชาตญาณ” เดรโกคล้ายจะมีสีหน้างุนงง “นี่ คนที่ถูกตามล่าน่ะ อยู่ที่ที่หนึ่งเป็นเวลานานๆ ไม่ได้หรอกนะ ถึงจะป้องกันไว้แล้ว แต่พวกนั้น..ยังไงก็ต้องรู้แน่”

 

ร่างสูงยอมแพ้เลิกสงสัยอะไรต่อ เขาดันหลังของแฮร์รี่ให้เดินนำต่อไปและตัวเองคอยระวังหลังให้แทน พวกเขาอยากจะหายตัว แต่ก็ติดที่ว่าไม่รู้จะหายตัวไปที่ไหน แล้วที่ไหนถึงจะปลอดภัยพอที่พวกเขาจะไปได้ การเดินจึงเป็นหนทางเดียวในตอนนี้

 

ทั้งสองหยุดอยู่ข้างลำธารที่เจออยู่ในป่า หลังจากเดินกันมาได้พักใหญ่จนพระอาทิตย์ขึ้นพอสมควร เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งพิงโขดหินก้อนใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า รู้สึกอยากจะหลับตาลงอีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น

 

“นายส่งจดหมายอะไรไปให้เกรนเจอร์”

 

แฮร์รี่เหลือบหางตามองคนช่างสงสัยข้างกาย “ส่งบอกไปว่าเรายังปลอดภัย และอยู่ที่ป่าบ้าๆ นี่”

 

“รู้เหรอว่าที่นี่ที่ไหน”

 

เด็กผมดำส่ายศีรษะ “แต่เฮอร์ไมโอนี่จะรู้ จากเฮ็ดลี่”

 

พ่อมดต่างบ้านทั้งสองตัดสินใจนั่งกันเงียบๆ ตอนนี้พวกเขารู้สึกอยากจะหลับกันอีกรอบหลังจากเดินมาเกือบครึ่งวัน บวกกับเสียงธารน้ำไหลที่แล่นเข้าสู่โสตประสาทก็ยิ่งทำให้รู้สึกง่วงกว่าเก่า

 

สัมผัสหนักๆ เทลงมาที่ไหล่ของเดรโก เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ หันไปมองตาม ก็พบกลุ่มเส้นผมสีดำสนิทวางอยู่บนไหล่พร้อมเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของอีกคน

 

แฮร์รี่ชิงหลับไปก่อนแล้ว

 

เดรโกอมยิ้มเล็กน้อย นึกตำหนิเจ้าคนผมดำข้างตัวที่ยังจะอุตส่าห์หลับได้ในเวลานี้ เขากวาดตามองไปรอบๆ อีกครั้งก่อนจะเสกคาถาป้องกันไว้ในระยะใกล้ๆ แค่เขาสองคน เดรโกเลือกที่จะไม่หลับ เผื่อมีอะไรที่ผิดปกติเขาจะได้ไหวตัวทัน ยอมนั่งนิ่งเป็นหมอนจำเป็นอีกครั้งให้คนข้างกาย

 

คนที่ยังตื่นก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตัวเองนั่งมองสายน้ำในลำธารไหลไปเรื่อยๆ นานเท่าใด แต่เมื่อหูของเขาได้ยินเสียงบางอย่างที่เหมือนมีอะไรเคลื่อนที่มาใกล้เดรโกก็ตื่นตัวทันที ฝ่ามือหนารีบเอื้อมไปปลุกคนที่ยังใช้ไหล่ของเขาเป็นที่นอนให้ตื่นอย่างรวดเร็ว

 

“พอตเตอร์ มีอะไรบางอย่างกำลังมา”

 

คนที่ยังงัวเงียอยู่เหมือนจะตื่นขึ้นเต็มตาทันทีหลังสิ้นเสียงของเดรโก แฮร์รี่กวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองถูกควักออกมาชี้ไปด้านหน้า และเสียงที่ว่านั่นมันก็เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้น

 

“เหมือน..จะมากันเยอะเลย”

 

“คนหรืออะไร”

 

คนผมดำสั่นศีรษะเป็นคำตอบ เสียงมันเริ่มชัดขึ้น หินก้อนใหญ่ที่พวกเขาใช้เป็นที่ตั้งจึงถูกเอามาบังเพื่อป้องกันไว้ ทั้งคู่พากันชะโงกไปคนละด้านของหินอย่างช้าๆ พวกเขาต่างภาวนาว่าอย่างน้อยก็ขอแค่ให้มันเป็นสัตว์ป่าสักฝูงหนึ่งก็ยังพอ

 

จนกระทั่งเงาสิ่งมีชีวิตเริ่มปรากฏออกมา แฮร์รี่ก็ตาโตด้วยความรู้สึกตื่นเต้นทันที มันไม่ใช่ทั้งสัตว์ป่า แล้วก็ไม่ใช่พวกผู้เสพความตายด้วย

 

คนตัวเล็กทำท่าจะพุ่งออกไปจากด้านหลังหินอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าเดรโกรีบหมุนตัวกลับมาแล้วคว้าคอเสื้อด้านหลังของแฮร์รี่แล้วรีบกระชากกลับเข้ามาหาตัวจนล้มทับใส่อย่างแรง

 

“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ยมัลฟอย!” แฮร์รี่พูดลอดไรฟันออกมา แม้จะมีร่างของเดรโกรองรับอยู่แต่เพราะหล่นลงมาอย่างแรงเขาก็เจ็บๆ ที่แผ่นหลังเหมือนกัน

 

“นายจะแน่ใจได้ยังไงว่านั่นเพื่อนนายจริงๆ” เดรโกว่าเสียงเรียบ ดวงตาสีเทามองไปยังร่างของเพื่อนคนบนตักที่ว่าอย่างดุดัน

 

เฮอร์ไมโอนี่และรอน

 

เป็นฝ่ายแฮร์รี่ที่นิ่งเงียบไป เขาก็มัวแต่ดีใจจนเกือบลืมไปเหมือนกันว่าอาจจะเป็นพวกนั้นปลอมตัวมาก็ได้ แม้เขาจะส่งจดหมายไปให้เพื่อนรักทั้งสองได้รับรู้แล้วก็ตาม

 

“แฮร์รี่” เสียงเล็กหวานของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้นเรียกสติของคนสองคนที่นั่งจ้องกันหลังโขดหินให้หันไปมอง “ฉันรู้ว่านายกับมัลฟอยอยู่แถวนี้ แต่พวกนายใช้คาถาป้องกันอยู่ใช่ไหม นี่พวกเราเอง ไม่ใช่พวกนั้นปลอมตัวมา”

 

เดรโกหันมาจ้องหน้าแฮร์รี่ครู่หนึ่ง เขาทำท่าเหมือนยังจะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูด แฮร์รี่ก็ไม่ได้มั่นใจมากนักเช่นกันว่านั่นจะใช่เพื่อนของเขาไหม ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำยาสรรพรสหรือมนตร์แปลงกายใดๆ ภายนอกมันก็ดูเหมือนกันทั้งนั้น มันต้องรอดูอย่างอื่นร่วมด้วย

 

ในขณะที่กำลังคิดว่าจะใช้อะไรมาเป็นเกณฑ์ตัดสินเพื่อนทั้งสองที่ยังเดินวนอยู่รอบๆ รอนก็โพล่งประโยคหนึ่งออกมา

 

“นายเคยชอบจินนี่แฮร์รี่ นายรู้สึกอกหักตอนที่ไปร้านไม้กวาดสามอันตอนปี 6 เพราะเห็นจินนี่จูบกับดีน”

 

แฮร์รี่อยากจะพุ่งตัวออกไปยื่นมือปิดปากรอนมันซะเดี๋ยวนี้ แต่อีกประโยคถัดมาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ทำแฮร์รี่แทบสติแตกพอกัน

 

“นายจูบจินนี่ที่ห้องต้องประสงค์ตอนเอาหนังสือเจ้าชายเลือดผสมไปคืนด้วย แบบว่าจินนี่บอกฉันเองน่ะ”

 

“เฮ้ย! แล้วทำไมจินนี่ไม่บอกฉัน”

 

“Finite!*** พอเลยพวกนาย พอเลย! พูดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!”

 

แฮร์รี่ตวัดไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาทลายคาถาป้องกันที่มีอยู่ออกอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งออกจากตักของเดรโกวิ่งแจ้นไปหาเพื่อนทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลพร้อมกับโวยวายหน้าแดงออกไปทันที เดรโกที่ยังนั่งทิ้งตัวอยู่ที่เดิมถึงกับหรี่ตามองท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้นด้วยสายตาจับผิดก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากด้วยเข้าใจในอะไรบางอย่าง มองตามคนตัวเล็กที่ออกไปโวยวายไม่หยุด

 

“ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องอยู่นี่” เฮอร์ไมโอนี่ว่าอยากภูมิใจ

 

“ดีนะ ที่เรายกเรื่องนี้ขึ้นมาพิสูจน์กันตามที่เธอว่าน่ะ” รอนว่าต่อพลางดูดีใจไปพร้อมๆ กับแฟนของตัวเอง

 

“แผนเธอเหรอเฮอร์ไมโอนี่ บ้าเถอะ! ไม่ต้องมายิ้มหน้าภูมิใจเลยรอน! ไอ้บ้าเอ๊ย!!”

 

“อายอะไรเล่า ก็เรื่องจริงของนายทั้งนั้น” รอนถองศอกใส่แฮร์รี่ แต่ยังไม่ทันจะยิ้มได้เต็มปาก ก็ต้องสะดุดทันทีเมื่อเห็นว่ามีใครเดินตามหลังแฮร์รี่ออกมาจนหยุดอยู่ข้างๆ เพื่อนตัวเอง

 

รอนนิ่งค้างไปแล้วเมื่อเห็นว่าเดรโกกำลังส่งสายตาหยอกล้อให้แฮร์รี่ไม่หยุด

 

“มายิ้มอะไรของนายมิทราบ!” แฮร์รี่แหวใส่ทันที

 

“ยัยหนูวีสลีย์ตัวจิ๋วนั่นแฟนเก่านายเหรอ”

 

“ยังโว้ย! ยังไม่ได้คบกัน..”

 

“แต่จูบกันแล้ว”

 

“เงียบน่ะเดรโก!!”

 

แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็นิ่งค้างตามไปติดๆ แต่รอนเหมือนจะนิ่งค้างไปมากกว่าอีก ‘เดรโก’ ใช่! เพื่อนของเขาเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนมด้วยชื่อต้นของเจ้าของผมบลอนด์จริงๆ แล้วอีกฝ่ายเองก็ดูจะไม่ได้สนใจกับเรื่องที่แฮร์รี่เรียกชื่อตัวเองด้วย แถมบรรยากาศแปลกๆ ที่ฟุ้งออกมาจากรอบตัวสองคนนี้มันก็ชักจะยังไงๆ

 

เฮอร์ไมโอนี่ที่เหมือนจะตั้งสติได้ไวที่สุดรีบเข้าไปแทรกกลางระหว่างเดรโกและแฮร์รี่ที่เอาแต่จ้องตาหยั่งเชิงกัน แม้เธอจะไม่ได้รู้สึกว่าสองคนนี้จะทะเลาะจริงจังแล้วยิงคาถาใส่กันก็ตาม แต่เวลานี้คงยังไม่เหมาะที่จะมาเถียงกันมากนัก

 

“นี่ คือแบบนี้นะ คนที่มาไม่ได้มีแค่เรา” เฮอร์ไมโอนี่ชิงเข้าเรื่องทันที

 

เด็กหนุ่มติดป่าทั้งสองคนจ้องไปที่เด็กสาวเป็นตาเดียว

 

เธอไม่ตอบอะไร แต่ชี้มือไปทางด้านหน้า เดรโกและแฮร์รี่มองตามนิ้วเรียวของเธอไป ยังพื้นที่โล่งๆ ข้างลำธาร รออยู่อึดใจต่อมา จู่ๆ ก็ปรากฏร่างของสองชายหญิงในชุดสีดำขลับทั้งตัวที่เดรโกคุ้นเคยดีกำลังวิ่งเหยาะๆ มาทางพวกเขาทั้งสี่

 

แพนซี่และเบลส

 

“เดรโก! เธอปลอดภัย!”

 

แพนซี่รีบพุ่งตัวเข้ามาจับเดรโกหมุนไปมาแล้วกวาดสายตาสำรวจอย่างรวดเร็ว แฮร์รี่หรี่ตามองท่าทางเหล่านั้นอย่างงุนงง เดรโกปั้นหน้าเหยเกเล็กน้อยกับการกระทำที่ดูโอเวอร์เกินจริงของเพื่อนสาวประจำกลุ่ม เบลสที่ลอบสังเกตอยู่เงียบๆ มานานเมื่อเห็นว่าเดรโกเริ่มจะปั้นหน้าหน่ายมากขึ้นก็รีบเข้ามาดึงตัวแพนซี่ออกไป

 

“เดรกจะเป็นอะไรก็เพราะเธอเอาแต่หมุนเขานี่แหละ”

 

ทั้งหกเงียบเสียงลงเมื่อกลับมายืนที่ใครที่มันได้ลงตัว สลับกันจ้องหน้าไปมาอย่างคนทำอะไรไม่ถูก บรรยากาศมันออกจะดูแปลกประหลาดจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเด็กต่างบ้านสองบ้านอย่างสลิธีรินและกริฟฟินดอร์มารวมตัวอยู่ด้วยกัน สองบ้านที่เป็นคู่กัดคู่แข่งกันมาตลอดกาลนั่นล่ะ

 

“เอาล่ะ คนมาใหม่ มีแผนอะไร” เป็นแฮร์รี่ที่ทนบรรยากาศแสนอึดอัดนี่ไม่ได้จึงพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบลง แต่ละคนหันมามองหน้ากันจนมาหยุดที่เฮอร์ไมโอนี่

 

“ถ้าจะจบ ก็ต้องจบที่นี่ เราจะลากให้ไปจบที่ฮอกวอตส์หรือด้านนอกอีกไม่ได้”

 

“แล้วพวกมือปราบมาร?” เดรโกถามเสียงขุ่น

 

“ไม่ใช่แค่นายที่โดนตามล่า ด้านนอกก็โดนพวกนั้นถล่มเหมือนกัน ตรอกไดแอกอนโดนเล่นงานหลังจากที่พวกนายหนีกันออกมาแล้วอีก” แพนซี่ตอบแทน

 

แฮร์รี่ปั้นหน้าขรึมขึ้นมาทันที เขารู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาจนอยากจะหายตัวกลับไปที่ตรอกแล้วเสกคาถาสั่งสอนพวกนั้นให้หมด

 

ท้องฟ้าที่เคยสว่างจู่ๆ ก็เริ่มมืดครึ้ม ทั้งหกคนเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างพร้อมเพรียง แฮร์รี่กำมือแน่นขึ้นเมื่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือบรรยากาศเดียวกันกับตอนที่อยู่ร้านโอลลิแวนเดอร์ไม่มีผิดเพี้ยน เดรโกขยับเข้าชิดเด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตพลางกำมือของแฮร์รี่เอาไว้

 

“คือแผนเป็นงี้…” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่หายไปกลางอากาศเมื่อหันหน้ากลับมามองที่เพื่อนของเธอและพบว่ามือของเพื่อนเธอถูกจับเอาไว้อยู่ ตกใจจนเกือบจะลืมเรื่องที่จะพูด แต่ก็รีบตั้งสติกลับมาบอกแผนอีกครั้ง “เราจะแบ่งเป็นสามกลุ่มเพื่อล่อพวกมันให้แยกกัน มีพวกมือปราบมารจำนวนหนึ่งที่จะตามมาช่วยทีหลัง เราแค่ต้องล่อออกจากป่านี่”

 

“มันจะตามพวกเธอทำไม มันตามล่าเดรโก” แฮร์รี่ถามอย่างไม่เข้าใจ

 

แพนซี่และเบลสหันไปมองแฮร์รี่อย่างไม่คุ้นในสิ่งที่ได้ยินแต่ก็เลือกที่จะเงียบไว้

 

รอนยิ้มมุมปาก เฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ้มตามเช่นกัน จนแฮร์รี่ที่มองดูอยู่เริ่มรู้สึกตงิดใจขึ้นมา

 

มันคุ้นๆ อย่างไรชอบกล

 

รอนที่ถือถุงหิ้วเล็กๆ อยู่ในมือเสกคาถาเบาๆ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในถุงหิ้ว สิ่งที่อยู่ในมือของรอนเมื่อเจ้าตัวดึงมือออกมาก็ทำเอาแฮร์รี่ถลึงตาโตมอง

 

“อีกแล้วเหรอ!”

 

“อะไรอีกแล้วพอตเตอร์” เดรโกก้มมองเด็กหนุ่มข้างกายที่กำลังปั้นหน้าแหย

 

เด็กบ้านสลิธีรินหันไปมองที่มือของรอนอีกครั้ง เดรโกมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นของเหลวในขวดแก้ว “น้ำยาสรรพรส?”

 

“สองคนต้องกินน้ำยานี่เพื่อเป็นมัลฟอย จากนั้นก็จับคู่หนีไปด้วยกัน”

 

เดรโกพอได้ยินแผนก็แทบจะออกปากร้องห้าม แต่ก็ได้รับการส่ายศีรษะจากแฮร์รี่เป็นคำตอบ เขาจึงยอมเงียบลงอย่างช่วยไม่ได้ รอนเองก็จัดการยื่นขวดแก้วสองขวดให้เบลสและแพนซี่แทบจะทันที

 

“เอาผมเพื่อนนายมาใส่แล้วดื่มมันซะ”

 

“ไม่โรนัลด์ ซาบินีจะเป็นคนกินและหนีไปกับพาร์กินสัน อีกขวดคือเธอต้องเป็นคนกินแล้วหนีไปกับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ออกปากร้องห้ามแล้วดึงขวดแก้วหนึ่งขวดมาไว้ที่ตัวเอง

 

“เคราเมอร์ลิน! ให้ฉันปลอมเป็นไอ้เฟอเร็ทนี่เหรอเฮอร์ไมโอนี่!” รอนแหวออกมาด้วยท่าทางรังเกียจสุดชีวิต

 

“ปลอมเป็นฉันแล้วทำไมวีเซิล” เดรโกขยับเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มผมแดงพลางกดสายตามองอย่างหาเรื่อง

 

“ให้ปลอมเป็นแฮร์รี่ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะ ทำไมต้องหมอนี่อะ!”

 

“พวกนั้นตามล่ามัลฟอย ไม่ใช่แฮร์รี่นะรอน” เฮอร์ไมโอนี่พยายามอธิบายเสียงแข็ง รอนก็ยังมีท่าทางไม่ยอมลงอยู่ดี เขามองไปยังเพื่อนตัวเล็กของตัวเองทันที

 

“งั้นทำไมไม่ให้แฮร์รี่กิน เธอไปกับไอ้หัวซีด ฉันจะไปกับแฮร์รี่.. ไม่เอาดิ ถ้าเกิดเธอเป็นอันตรายขึ้นมาถ้าอยู่กับไอ้หมอนี่.. แต่ให้ฉันไปปกป้องไอ้หมอนี่..”

 

รอนไม่เคยรู้สึกมืดแปดด้านขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขายกมือทั้งสองทึ้งหัวไปมาอย่างหงุดหงิด แฮร์รี่มองเพื่อนผมแดงที่กำลังตีกับความคิดของตัวเองแล้วก็อดจะยิ้มเจื่อนด้วยความสงสารไม่ได้ และเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ปล่อยให้รอนได้คิดตัดสินใจอีก เธอหันมาขอเส้นผมจากเดรโกก่อนจะใส่มันลงในขวดแก้วในมือ จับหลังคอของรอนแล้วกรอกน้ำยาสรรพรสลงไปทันที

 

รอนดิ้นขลุกขลักกับรสของน้ำยาที่เข้าไปในปากหรือจะเพราะต้องเป็นเดรโกก็ไม่รู้ที่ทำให้เจ้าตัวทุรนทุรายแบบนั้น แฮร์รี่ที่ยังจำรสของน้ำยานี่ได้ถึงกับรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา เดรโกที่ยังไม่เคยลองรสชาติของมันแต่แค่ได้กลิ่นที่โชยมาก็ถึงกับต้องก้าวถอยหลังไปทันที

 

เมื่อหันไปมองเด็กสลิธีรินอีกสองคนที่เงียบกันไปนาน ก็พบว่าเบลสเหมือนจะเสร็จไปนานแล้ว เพราะไม่ต้องเสียเวลามาเถียงอะไรแบบที่รอนเถียง เสื้อผ้าแบบที่เบลสใส่ก็คล้ายๆ กับของเดิมของเดรโกอยู่แล้วด้วยจึงไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก ผิดกับหนุ่มอีกคนที่ตอนนี้กำลังเปลี่ยนสภาพเป็นเดรโกคนที่สอง

 

เจ้าของร่างปั้นหน้าพะอืดพะอมขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเส้นผมสีแดงเพลิงกำลังเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์ทองแบบของเขา รวมถึงหน้าตาและร่างกายตามส่วนต่างๆ ก็ด้วย

 

แฮร์รี่มองดูการเปลี่ยนแปลงนั้นก่อนจะกลั้นขำสุดฤทธิ์ เขาเข้าใจดีถึงความรู้สึกที่ต้องมามองดูใครมาเปลี่ยนเป็นตัวเอง มันกระอักกระอ่วน มันเหมือนจะขำแต่ก็ขำไม่ออกซะทีเดียว มันคือความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ แฮร์รี่ไม่ขอพูดถึงมันอีกดีกว่า

 

เดรโกตัดสินใจเลิกมองคู่อริอีกคนเปลี่ยนเป็นตัวเอง เขาจับแฮร์รี่หมุนไปอีกทางแล้วก้มหน้าถามถึงสิ่งที่เขาสงสัยมาตั้งแต่เมื่อครู่

 

“ถ้าฉันไปกับเกรนเจอร์ นายจะว่าไง”

 

แฮร์รี่ยักไหล่น้อยๆ “เฮอร์ไมโอนี่เก่ง เธอรู้คาถาหลายอย่าง จริงๆ นายจะปลอดภัยถ้าไปกับเธอ”

 

ดวงตาสีเทาหรี่มองอีกคนอย่างจับผิด แต่พอเห็นประกายใสซื่อที่เหมือนยืนยันในคำตอบของตัวเองของแฮร์รี่ เดรโกก็ได้แต่ถอนหายใจ

 

“แต่นายก็ยอมมากับฉัน”

 

“คิดว่าฉันควรถอยหรือเปล่า”

 

พ่อมดผมบลอนด์เหยียดยิ้มกับคำตอบแสนคุ้นที่เหมือนว่าเขาเคยพูดไป ดวงตาหลังกรอบแว่นคู่สวยตรงหน้ามองตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มสื่อความบางอย่างจนเขาเผลอจ้องตอบมันอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งได้รับแรงสะกิดที่ไหล่จึงรีบหันไปมอง

 

“พวกมันมาแล้ว”

 

รอบข้างของเด็กทั้งหกเริ่มมีบรรยากาศแย่ลง ท้องฟ้ามืดมากขึ้น สายลมที่เคยสงบในป่าทึบแบบนี้กลับโบกพัดแรงขึ้นจนใบไม้ปลิวว่อน คนทั้งหกเริ่มจับคู่เข้าหากันตามแผน

 

“มัลฟอยกับแฮร์รี่พวกเธอไปทางเหนือ ที่นั่นจะมีมือปราบมารจำนวนหนึ่ง ลูน่าและเนวิลล์รออยู่ พาร์กินสัน เธอรู้อยู่แล้ว”

 

หญิงสาวผมดำพยักหน้ารับแล้วขยับไปใกล้เบลสที่มีรูปร่างหน้าตาแบบเดียวกับเดรโกทุกอย่างมากขึ้น ไม่นานนักกลุ่มก้อนควันสีดำก็พวยพุ่งบินวนไปรอบๆ เด็กทั้งหก ทั้งหมดมองหน้ากันสักพัก ไม่รอให้พวกผู้เสพความตายได้ลงมาถึงพื้นดีๆ ทุกคนก็พากันออกวิ่งไปทันที

 

เมื่อถึงทางแยกที่จะวิ่งกันไปคนละทาง สามหน่อของกริฟฟินดอร์ก็เอ่ยมาพร้อมกันว่า ‘ไว้เจอกัน’ ก่อนจะแยกกันไปคนละทาง แฮร์รี่หันกลับไปมองด้านหลังของเขาก็พบว่ามีผู้เสพความตายห้าหกคนกำลังมุ่งมาทางเขาและเดรโก ร่างสูงรีบคว้าข้อมือของแฮร์รี่แล้ววิ่งไปทางป่าด้านทิศเหนือทันที

 

“ครั้งนี้ไม่วิ่งหนีไปก่อนแบบตอนปี 1 แล้วเหรอ” แฮร์รี่ว่าทีเล่นทีจริงแล้ววิ่งไปเคียงข้างร่างสูง

 

เสียงหัวเราะต่ำในลำคอพร้อมแรงบีบที่มือ ยิ่งเน้นย้ำคำตอบของเดรโกมากขึ้นไปด้วย “ใครจะไปทิ้งอีกล่ะ”

 

แฮร์รี่เอี้ยวตัวไปด้านหลัง เสกคาถาระเบิดใส่ผู้เสพความตายที่กำลังวิ่งตามมาติดๆ จนพื้นแตกกระจาย แต่ยิ่งกำจัดก็เหมือนจะไม่หมดพอกัน เห็นตอนแรกที่มีห้าหกคน จู่ๆ ก็เหมือนจะเยอะขึ้นเสียอย่างนั้น แม้จะเสกคาถาเล่นงานไปเท่าไหร่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงสักที

 

เสียงระเบิดจากที่ไกลๆ ก็ลอยมาให้ได้ยินมาเป็นพักๆ คงเป็นของอีกสองคู่ที่เหลือที่พาหนีกันไปคนละมุม แม้จะรู้สึกเป็นห่วงอีกสี่คนที่เหลืออย่างไร แต่ตอนนี้พวกเขาก็ต้องพาตัวเองไปให้รอดด้วยเช่นกัน ทั้งคู่เองก็ไม่รู้ว่าพวกมือปราบมารและเพื่อนของเขาที่รออยู่ดักอยู่ตรงไหนของป่า เพราะตอนนี้ทั้งแฮร์รี่และเดรโกก็พากันวิ่งมาไกลจากที่เดิมที่เคยอยู่มาไกลพอสมควรจนหอบหนักทั้งคู่

 

เดรโกเปลี่ยนมาวิ่งอยู่ด้านหลังของแฮร์รี่แทน เขาจัดการดันแผ่นหลังเล็กให้ไปด้านหน้าก่อนจะปัดคาถาที่กำลังพุ่งมาใส่ตัวจนมันไปโดนต้นไม้ใกล้ๆ ด้วยลำต้นที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมันจึงค่อยๆ โน้มตัวล้มลงมาขวางทางผู้เสพความตายสองคนที่ใกล้ที่สุด

 

เด็กหนุ่มทั้งสองหันไปมองเล็กน้อยเพื่อหยุดหายใจ เดรโกรีบหันกลับไปดันหลังแฮร์รี่อีกครั้งเพื่อให้ออกวิ่งต่อ แต่จู่ๆ ก็มีกลุ่มควันอ้อมมาดักทั้งคู่ที่ด้านหน้า แฮร์รี่ชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวและคว้าข้อมือของเดรโกไว้ทันที

 

“ส่งเดรโกมา แล้วแกจะปลอดภัย”

 

เสียงอู้อี้ใต้หน้ากากเงินของผู้เสพความตายลอดออกมา แฮร์รี่หรี่ตามองแล้วชี้ไม้กายสิทธิ์ไปด้านหน้าอย่างเอาเรื่อง มือข้างที่กำรอบข้อมือของเดรโกก็กำแน่นขึ้นไปอีก

 

“ฝันไปเถอะว่าจะได้ตัวเขาไป”

 

“โธ่ๆ ผู้ปราบจอมมาร”

 

เดรโกสลัดข้อมือที่ถูกกุมอยู่ออก ก่อนจะเป็นฝ่ายกุมข้อมือของแฮร์รี่เอาไว้แทน ทั้งสองหันแผ่นหลังชนกันแล้วชี้ไม้กายสิทธิ์ออกไปด้านหน้าเมื่อพวกเขากำลังถูกล้อมอีกครั้ง

 

บรรยากาศเย็นเยียบเริ่มคืบคลานเข้ามาอย่างไม่มีสาเหตุ ต้นหญ้า ต้นไม้ในป่าพากันเหี่ยวเฉาตายลงฉับพลัน แฮร์รี่เบิกตามองไปรอบๆ ด้วยสายตาหวาดหวั่น เขาจำได้ดีถึงความรู้สึกที่ไร้ชีวิตชีวา ไร้ซึ่งความสุข และเหมือนโลกทั้งใบจะมืดมิดแบบนี้

 

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังเสียดหูจนแฮร์รี่ต้องยกมือปิดหู ผิวกายเย็นวาบ ขนลุกหนาวสั่นไปทั้งร่าง เงาดำที่แฮร์รี่นึกเกลียดกำลังบินวนเวียนเหนือหัว เดรโกเงยหน้ามองเจ้าสิ่งที่กำลังลอยวนนั่นด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน

 

“ดื้อด้านมาก ก็ให้พวกแกทำลายกันเอง มันน่าจะสนุกกว่านะ ว่าไหม เดรโก หึๆๆ”

 

เสียงทุ้มต่ำดังเข้ามาใกล้ริมหู ทั้งน่าขนลุกและน่ารังเกียจจนเดรโกตวัดไม้กายสิทธิ์อย่างแรงไปรอบตัว แต่กลับไม่พบร่างเจ้าของเสียงที่ควรจะอยู่ใกล้ตัว ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ คนที่ควรจะอยู่ข้างกายเขากลับหายไปแล้ว

 

“พอตเตอร์?!”

 

นัยน์ตาสีหม่นตวัดมองไปรอบตัวก็พบว่าแฮร์รี่ถูกจับเข้าไปอยู่ในมือของผู้เสพความตายคนหนึ่งเข้าเสียแล้ว ที่ลำคอของแฮร์รี่มีไม้กายสิทธิ์จ่ออยู่ เดรโกกัดฟันแน่นด้วยความแค้น ทั้งโกรธพวกผู้เสพที่กล้าจับตัวแฮร์รี่ไป และโกรธตัวเองที่จับมือแฮร์รี่ไว้ไม่แน่นพอ

 

เสียงหัวเราะหวีดแหลมจากผู้เสพความตายดังระงมจนเดรโกเริ่มประสาทเสีย ไหนจะยังพวกผู้คุมวิญญาณที่บินวนอยู่เหนือหัวไม่ไกลนักที่ทำให้เดรโกรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปหมด แต่ที่เขาเป็นห่วงที่สุด คือแฮร์รี่ที่สภาพดูไม่ดีเท่าไหร่ อยากจะเสกคำสาปใส่อีกฝ่ายสักชุด แต่ก็จะเสี่ยงเกินไปกับแฮร์รี่ที่ยังถูกจับอยู่

 

“จุ๊ๆๆ คู่ต่อสู้ของแกไม่ใช่ฉันเจ้าหนู”

 

เดรโกถลึงตามองไปยังผู้เสพความตายตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ไม้กายสิทธิ์สีดำขลับย้ายตำแหน่งจากลำคอของแฮร์รี่มาเป็นที่ข้างขมับแทน พร้อมกับเสียงร่ายคาถาชัดๆ ช้าๆ ที่เดรโกแทบจะหยุดหายใจ ทั้งคำสั่งต่อมา รวมถึงคนที่กำลังจะสู้กับเขา

 

ได้แต่คิดว่านี่มันความโชคร้ายอะไรของตัวเขากัน ทั้งที่คิดว่าชาตินี้จะไม่ต้องมาหันไม้กายสิทธิ์ใส่กันอีกแท้ๆ

 

“Imperio**** จัดการเดรโก มัลฟอยให้ตายคามือไปเลย ท่านผู้ปราบจอมมาร”

 

สาบานเลยว่าถ้ารอดไปได้ เดรโกจะจัดการพวกผู้เสพความตายพวกนี้ให้แหลกคามือ!

 

 

TBC…

 


 

 

* Repello Muggletum คาถาขับไล่มักเกิล ไม่ให้พวกมักเกิลมาใกล้ที่ๆ มีพ่อมดแม่มดอยู่

** Salvio Hexia ให้ความคุ้มครองบางอย่างต่อคำแช่ง ใช้เสริมการป้องกันที่พัก

*** Finite ลบล้างคาถา

**** Imperio คำสาปสะกดใจ

 

TALK !!

มาเสิร์ฟเรื่อง(น่าจะไม่)สั้นเรื่องนี้ต่อค่ะ ตอนนี้เขียนสนุกดีค่ะ หลังจากเคลียกับรูปเล่มเสร็จก็แต่งต่อเลย มันมือมากๆ 5555555 ตอนแรกวางแพลนไว้ว่าจะจบที่ 5 ตอนเหมือนคุงชายแวม ไปๆ มาๆ มันไม่จบที่ 5 แล้วค่ะคุณผู้อ่าน 5555 แถมยังชิหัยวายป่วงขึ้นกว่าเดิมอีก แย่แล้วๆๆ

ตอนหน้ามาเอาใจช่วยคุณชายกันนะคะ รวมถึงตัวเองด้วยค่ะ.. ว่าจะทำให้จบในตอนหน้าได้ไหม 5555555

สำหรับตอนนี้รูปเล่มยังเปิดพรีอยู่น้าาาา ถึง 24 เดือนหน้า ใครสนใจก็เก็บเงินมาสอยกันได้นะคะ ราคาย่อมเยาว์สบายเป๋าแล้ว ขอบคุณทุกคอมเมนต์กำลังใจที่มีมาให้กัยตลอดด้วยนะคะะะ เห็นทุกเมนต์เลย รักนะสามพันค่าาาา

#WizDMHP

ใส่ความเห็น