♣ Count on me ♥
Draco Malfoy x Harry Potter [ DM/HP ]
AU Fic : Fantasy | Short Fic | R
[ 5 ]
พื้นที่ในป่าโปร่งกำลังมีสายฝนตกลงมาพรำๆ บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างมืดสลัวและหนาวเย็น ให้ความรู้สึกอึมครึมพอประมาณ แต่สำหรับแวมไพร์แล้วบรรยากาศแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายมากนัก หญิงสาวผมดำขลับถอดเสื้อโค้ทของเธอออก ก่อนจะห่มให้กับร่างที่นอนหายใจแผ่วอยู่บนเตียง อากาศแบบนี้อาจไม่ดีเท่าไหร่สำหรับมนุษย์ที่กำลังป่วยเสียเลือดมาก
ดวงหน้าสวยคมมีแววกังวลเล็กน้อย เธอมองไปทางประตูห้องเป็นระยะสลับกับคนบนเตียง ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกลูบเช็ดไปตามแขนของคนที่นอนอยู่ ใบหน้าขาวจัดนั่นยังคงซีดเผือด และเธอหวังว่าใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ร่วมกับเธอจะกลับมาพร้อมข่าวดี
แพนซี่เหลือบมองไปยังแหวนที่มีอัญมณีสีเขียวติดประดับบนนิ้วของแฮร์รี่ เธอรู้ว่านั่นคือแหวนของเพื่อนเธอ – เดรโก เธอรู้ว่าแหวนนั่นหากแวมไพร์ได้มอบมันให้กับใคร แวมไพร์กับตัวผู้รับจะมีจิตที่สื่อถึงกัน แต่ในครั้งนี้ที่แฮร์รี่ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต เจ้าของแหวนกลับไม่โผล่มาแม้แต่น้อย เป็นไปได้ทางเดียวว่าคนรับรู้ถึงวิธีที่จะปกปิดความรู้สึกของตัวเอง
“เธอไม่จำเป็นต้องปกป้องเดรโกมากขนาดนั้นก็ได้นะรู้ไหม ถ้าเรามาไม่ทันมันคงแย่มากแน่ๆ ทำอะไรเกินตัวซะจริง!”
เธอบ่นออกมา มองค้อนคนที่ยังนอนไม่รู้เรื่องแล้วก็ต้องพ่นลมหายใจ เพราะคนที่เธอบ่นถึงไม่ได้ตื่นมารับรู้ด้วยเลยสักนิด ระหว่างที่กำลังนั่งจ้องคนป่วย สองหูของเธอจะเริ่มได้ยินเสียงบางอย่างแว่วเข้ามาแต่ไกล ไม่ใช่เสียงลมหายใจของเธอและเขาบนเตียง ไม่ใช่เสียงสายฝนนอกบ้าน และไม่ใช่เสียงฝีเท้าของเซดริก
……………………………
ในป่าที่มีต้นไม้สูงใหญ่ตระหง่านอยู่ ตามพื้นเต็มไปด้วยซากใบไม้ที่ร่วงหล่นแห้งกรัง ทำให้ผู้มาเยือนค่อนข้างจะเดินลำบาก เขาสลับเดินในจังหวะธรรมดากับหายตัวเป็นพักๆ อย่างระมัดระวัง เพราะป่าแถบนี้ไม่ใช่ที่ๆ เขาจะสามารถเปิดเผยตัวได้มากนัก ประสาทสัมผัสเกือบทั้งหมดของร่างกายถูกเปิดใช้ ระมัดระวังทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบกาย
หยดน้ำที่หยดลงมากระทบใบหน้าและเส้นผมจนปรกลงมาตามหน้าผากทำให้เขารู้สึกรำคาญใจไม่น้อย ฝ่ามือหนายกขึ้นเสยผมตัวเองเป็นพักๆ และพยายามพาร่างตัวเองไปยังจุดหมายที่เขารู้สึกให้ไวที่สุด
ความรู้สึกปวดหน่วงในใจและความร้อนผ่าวจางๆ ในอกกำลังทำให้เจ้าของร่างร้อนรน ดวงตาสีเทาซีดเพ่งมองไปเบื้องหน้าฝ่าหยาดฝนที่เทลงมาขวางทัศนียภาพ
ไม่ว่าจะพยายามติดต่อคนที่เขาห่วงจับใจตอนนี้มากขนาดไหน แต่เหมือนทุกอย่างก็จะศูนย์เปล่า เสียงในหัวที่เขาเคยได้ยินตอนนี้ก็เงียบลงไป แต่สิ่งที่เด่นชัดมากคือคลื่นพลังในตัวของเขาที่มันดูไม่คงที่อย่างที่ควรจะเป็น เป็นข้อสรุปเดียวที่เดรโกคิดได้แล้วว่า แฮร์รี่กำลังตกอยู่ในอันตราย
สองเท้าก้าวไปเบื้องหน้าด้วยความไวกว่าปกติทันที ไม่สนแล้วว่าหากใช้พลังมากไปแล้วพวกหมาป่าจะสามารถจับได้หรือเปล่า เขาห่วงอย่างเดียวว่าคนของเขาจะปลอดภัยหรือไม่ และบางทีอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากเขาอยู่ก็เป็นไปได้ คิดได้ดังนั้นใจของเดรโกก็ไม่อาจสงบลงได้เลย
……………………………
“พาร์กินสัน”
“ดิกกอรี่!”
ทั้งสองเรียกชื่อกันด้วยเสียงที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ แพนซี่ขยับชิดเตียงที่ยังมีคนป่วยนอนอยู่มากขึ้น เซดริกยืนนิ่งอยู่ที่ข้างเตียงด้วยท่าทางระแวดระวังไม่ต่าง
เสียงเดินนั่นหายไปแล้ว แต่กลับยิ่งสร้างความกังวลให้กับแวมไพร์ทั้งสอง เพราะพวกเขายังรู้สึกว่ากำลังมีอะไรบางอย่างเข้ามาใกล้ แต่มันแย่ตรงที่ว่าพวกเขาไม่สามารถจับร่องรอยในรอบทิศของพวกเขาได้เลย
“คิดว่าเป็นพวกมันไหม” เซดริกเอ่ยถามเสียงเบา
“ไม่รู้สิ แต่ทุกทีพวกหมาป่าก็ไม่ได้เดินเบาขนาดนี้นะ” แพนซี่เอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
เสียงพึมพำเบาๆ จากคนข้างตัวแพนซี่เรียกสติของแวมไพร์อีกสองในห้องทันที แฮร์รี่ยังคงหลับตาสนิท แต่คิ้วกลับกำลังขมวดและปากที่พึมพำอะไรบางอย่างจนแพนซี่ต้องขยับหน้าเข้าไปใกล้เพื่อที่จะฟังสิ่งที่คนป่วยอยู่ต้องการ
“เดร…โก…”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเหลือบมองไปยังชายอีกคนที่ยืนรอคำตอบอยู่ใกล้กัน เธอไม่ตอบอะไรก่อนจะเหลือบมองไปยังแหวนบนนิ้วของแฮร์รี่ที่ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาออกมาเล็กน้อย แสงสีเขียวจางกะพริบไม่ถี่นัก
“เขากำลังจะมา”
“เขา? เขาไหน…”
เสียงของเซดริกยังไม่ทันขาดคำดี หน้าต่างห้องซึ่งถูกปิดสนิทในทีแรกก็ถูกเปิดผ่างออกอย่างแรง เรียกว่าเปิดก็ไม่อาจถูกนัก เพราะมันถูกทำลายจากด้านนอกจนแตกกระจายเข้ามาด้านใน เซดริกรีบเอาตัวเข้าขวางเศษแผ่นไม้บางส่วนที่อาจกระเด็นไปโดนแพนซี่และคนบนเตียง ส่วนแพนซี่เองก็เอาตัวบังคนที่นอนอยู่อีกทอดหนึ่ง
เสียงหอบหนักที่หญิงสาวคุ้นเคยดีดังขึ้นในระยะใกล้ ที่ข้างเตียงมีเซดริกที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับจ้องเด็กหนุ่มกว่าตัวเองตาขวางพลางปัดเศษไม้ออกจากตัว และแทบไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ แพนซี่รีบกระโดดลงจากเตียงทันที พร้อมเสียงทุ้มแหบที่เอ่ยแหวกอากาศออกมาที่เจือความเป็นห่วงอยู่เต็มน้ำเสียง
“พอตเตอร์”
หญิงสาวเพียงหนึ่งในบ้านกอดอกนั่งนิ่งมองจ้องไปยังสองร่างบนเตียงด้วยสายตาติดระอานิดๆ เธอเบนสายตาสลับไปยังร่างสูงของรุ่นพี่อีกคนที่พยายามจะซ่อมหน้าต่างที่โดนพังเข้ามาด้วยน้ำมือของเจ้าคุณชายแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์
หลังจากการปรากฏตัวของเดรโกก็นับได้ว่าอาการของแฮร์รี่ดีขึ้นไม่น้อย ใบหน้าดูมีสีเลือดฝาดแต้มที่ข้างแก้ม คิ้วหนาเริ่มคลายออกจากกัน ท่าทางทรมานในทีแรกก็เริ่มหายไปด้วยเช่นกัน
เดรโกมองไปตามร่างของแฮร์รี่ที่มีบาดแผลฉกรรจ์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรมากนัก รอยเล็บหลายรอยทำให้เขาแทบอยากจะพุ่งตัวออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วจัดการหมาป่าพวกนั้นให้ราบคาบ
แต่แม้แฮร์รี่จะดูดีขึ้นกว่าแรก แต่ไม่ได้หมายความว่าบาดแผลใหญ่ตามตัวจะดีขึ้น แผลที่ไหล่ซ้ายที่ให้ความรู้สึกเหมือนไหล่จะขาดนั้นยังไม่ดีขึ้น เลือดยังคงไหลซึมออกมาเรื่อยๆ จนเดรโกกังวล
“เราทำอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้เลยเหรอ” เดรโกเอ่ยถามเสียงเครียด
“อะไรล่ะ นี่ก็สุดความสามารถของพวกเราตอนนี้แล้ว เรื่องจะเคลื่อนย้ายพอตเตอร์ในสภาพนี้น่ะแทบเป็นไปไม่ได้เลย แค่นี้ก็จะไข้จับแล้ว”
“เราต้องรอจนกว่าฝนจะหยุดและเลือดของแฮร์รี่หยุดออกมากกว่านี้”
เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์กลอกตารับ เขาขยับชิดคนที่นอนอยู่บนเตียงมากขึ้นจนร่างเล็กกว่ากำลังหนุนอกของเขาต่างหมอน เดรโกลอยยิ้มออกมาบางๆ นิ้วเรียวเกลี่ยไปตามข้างแก้มและปอยผม ก่อนจะต้องหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” เขาว่าพลางใช้มืออีกข้างที่ว่างลูบหลังนิ้วของแฮร์รี่ที่ยังมีแหวนของเขาสวมไว้อยู่ ดวงตาสีซีดหมองลง “ฉันไม่น่าพานายมาเสี่ยงเลย ไม่ทันรู้ตัวด้วยว่าหมอนั่นมันเข้าใกล้นายขนาดไหน”
“ใช่ นายมันโง่มากรู้รึเปล่ามัลฟอย”
เซดริกที่ยืนพิงกรอบหน้าต่างไม่ห่างเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ ดวงตากดมองเด็กผมบลอนด์จนอีกฝ่ายจำต้องเงยหน้ามองตอบ
“ปัญหานี้ไม่ควรลากแฮร์รี่มาเกี่ยวแท้ๆ แค่นี้พวกมนุษย์ก็ถูกทำร้ายเยอะแล้ว”
“ใจเย็นน่าดิกกอรี่ เดรกเขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้”
“ก็เพราะคิดน้อยไปแบบนี้ยังไงล่ะ เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้น่ะ”
“เราเองก็ไม่ทันระวังด้วย ทั้งที่ต้องจับตามองพอตเตอร์ให้ดีกว่านี้ เราเองก็ผิดเหมือนกันแหละ”
เซดริกผ่อนลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขาเองก็รู้สึกผิดที่พลาดไปเช่นกัน
เดรโกดึงสายตากลับมาที่คนบนเตียงอีกครั้ง ริมฝีปากทาบลงที่กลางศีรษะคนที่ยังอยู่ในนิทราแผ่วเบา ฝ่ามือข้างที่กุมไหล่ซ้ายของแฮร์รี่ไว้ค่อยๆ ปล่อยคลื่นพลังออกมาเบาๆ แม้จะไม่ได้ช่วยให้แผลปิดตัวดีแต่อย่างน้อยก็พอจะช่วยให้แผลของแฮร์รี่ไม่เลวร้ายไปกว่านี้และไม่ให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกทรมานกับมัน
“ขอร้องล่ะ ตื่นขึ้นมาเถอะนะคนดี”
……………………………
“พวกมันไปไหนได้ไม่ไกลนักหรอก เจ้าหนูแฮร์รี่มันเจ็บออกปานนั้น ต้องไม่ไกลจากป่าแถบนี้แน่นอน”
“ที่ชายป่ามีหมู่บ้านร้างๆ อยู่ บางทีพวกมันอาจจะไปอยู่ที่นั่นเพื่อหลบฝน”
“งั้นก็ไปดู”
ทอมกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเหยียดหยัน นิ้วเรียวยกขึ้นลูบข้างแก้มตัวเอง แผลเล็กๆ จากมีดเงินที่เคยบินเฉี่ยวมาสร้างความรำคาญใจให้เขาไม่น้อย – มันไม่มีทางหาย ทอมลดนิ้วลง ดวงตาหรี่ลงมากยิ่งขึ้น รังสีความน่ากลัวแผ่ออกไปทั่วจนหมาป่าตัวอื่นๆ พากันขนลุกเกรียว
ใครจะอยู่ ใครจะไป ก็ตัดสินกันมันตอนนี้
……………………………
สามแวมไพร์ในบ้านหลังเล็กพากันนั่งหลังตรงขึ้นมาทันทีเมื่อพวกเขาต่างได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ๆ แม้จากระยะที่พวกเขาได้ยินจะยังไกลพอควร แต่ไม่ควรประมาทเลยสักนิด
“เดรก…”
“อื้ม ฉันว่าที่นี่เริ่มไม่ปลอดภัยแล้ว”
เดรโกกวาดตามองรอบบ้านอย่างระแวดระวัง เซดริกขยับชิดกรอบหน้าต่างพลางมองลงไปเบื้องล่างเพื่อสอดส่องดูสิ่งมีชีวิตอื่นที่นอกจากพวกเขา
“พวกของเราเองก็ถูกพวกมนุษย์หมาป่าจัดการไปเยอะพอสมควร” เซดริกว่าเสียงเครียด “ส่วนใหญ่มันเล็งโจมตีในเวลาที่พวกเราไม่ทันระวังตัว”
“แถวคฤหาสน์ฉันก็ถูกจัดการไปเยอะ ฉันถึงต้องกลับไปจัดการอะไรๆ ยังไงล่ะ”
แวมไพร์รุ่นพี่ปรายตามองคนที่ยังนั่งลูบมือมนุษย์บนเตียงเล็กน้อย ก่อนจะถอนสายตากลับมองไปยังเบื้องล่างอีกครั้ง
“ครั้งนี้มันคงตั้งใจจะเล่นงานนายแล้วล่ะเดรก ถ้ามันล้มนายได้ ทุกอย่างก็จบ”
คนฟังไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อน เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์เหยียดยิ้มที่มุมปากก่อนจะยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วหันจ้องไปยังเพื่อนสาวของเขาที่มีสีหน้ากังวล เขาไม่คิดว่าเขาจะแพ้ให้กับมนุษย์หมาป่าที่ไหน ไม่มีวัน
“หมาป่า ถ้าไร้จ่าฝูง ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
แวมไพร์ทั้งสามหันหน้ามองกันหลังจบประโยคนั้น ก่อนจะพากันยกยิ้มในแบบของตัวเอง แม้ตอนนี้จะต้องเป็นรองด้วยจำนวน แต่ทั้งสามเชื่อว่ายังไงซะพวกตนก็เหนือกว่า การรอตั้งรับที่ดียังไงก็ทำให้พวกเขาได้เปรียบกว่า
ฝนด้านนอกหยุดตกมาซักพัก แพนซี่และเดรโกพากันออกไปจากบ้านเพื่อแอบสอดส่องดูบริเวณรอบๆ เสียงฝีเท้าหลายคู่ที่กำลังมุ่งตรงมายังคงได้ยินเป็นพักๆ
เซดริกนั่งลงบนเตียงข้างคนที่ยังหลับสนิท เหลือบมองเด็กตรงหน้าก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มแต้มบนมุมปากดังเช่นทุกที
“ขอโทษที่ลากเข้ามาเจอกับอะไรแบบนี้นะ”
เขาว่าเท่านั้นก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดเมื่อเสียงฝีเท้าดังชัดมากขึ้น กลิ่นไม่พึงประสงค์ของพวกหมาป่าก็เริ่มลอยมาตามสายลม
ร่างของเดรโกผลุบเกาะเข้ามาที่ขอบหน้าต่าง ดวงตาสีซีดเจือแววแดงก่ำขึ้นมา บ่งบอกว่าเจ้าตัวเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว
“ฝากพอตเตอร์ด้วย”
“แน่ใจนะว่าไม่อยากให้ฉันลงไปช่วย?”
“ฉันกับแพนซี่จะเข้าขากันมากกว่า ยังไงซะถ้ามันบุกเข้ามานายน่าจะปกป้องพอตเตอร์ได้ดีกว่าแพนซี่”
เซดริกพยักหน้ารับ แต่ก่อนที่เดรโกจะผละออกไปอีกรอบเขาก็รีบร้องเตือนไว้ “แต่ถ้าฉันเห็นท่าไม่ดีฉันจะออกไปทันที”
เดรโกหัวเราะในลำคอ เขาเหลือบมองคนบนเตียงด้วยสายมุ่งมั่นก่อนจะถลาตัวหายไปจากหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
……………………………
เซดริกแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ เสียงการต่อสู้ที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงอะไรล้มลงบนผืนหญ้าเรียกเขาความสนใจของเขาได้เป็นพักๆ เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะไม่โผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างให้อะไรก็ตามที่อยู่ด้านนอกเห็น เขาต้องวนเวียนอยู่ใกล้กับคนที่ยังนอนอยู่เพื่อให้มนตร์กลบกลิ่นที่แพนซี่วางไว้ยังทำงานได้
เขาได้ยินเสียงแพนซี่ส่งเข้ามาในหัวเป็นพักๆ ว่าเธอสบถและหัวเสียกับพวกหมาป่า แต่รวมๆ แล้วเหมือนจะยังผ่านไปด้วยดี จนป่านนี้เขายังไม่ได้ยินเสียงเดรโกเลยด้วยซ้ำ
เสียงโหยหวนของหมาป่าดังขึ้นเป็นระยะ เซดริกพอจะเบาใจลงได้บ้าง นั่นหมายความว่าแวมไพร์ทั้งสองที่ออกไปต่อสู้กันน่าจะยังพอรับมือได้ดี
“นี่..”
เสียงแผ่วจากบนเตียงเรียกความสนใจจากเซดริกที่นั่งห่างออกไปเล็กน้อยให้หันมามองก่อนจะขยับไปใกล้ แฮร์รี่หรี่ตาลง ดันตัวขึ้นอย่างทุลักทุเลจนเซดริกต้องช่วยประคอง ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบห้อง
“ที่นี่?”
“ในบ้านพักชั่วคราว เธอบาดเจ็บ เราจำเป็นต้องพัก”
“มัลฟอยล่ะครับ? เขามาแล้วใช่ไหม ผมรู้สึกได้”
เซดริกอมยิ้ม มองเด็กข้างกาย “ออกไปเคลียพวกน่ารำคาญกับพาร์กินสันน่ะ”
คนฟังขมวดคิ้วมุ่น เขามองออกไปนอกหน้าต่างโดยอัตโนมัติ หัวสมองพยายามประมวลผลอยู่ชั่วครู่ จนความรู้สึกปวดหนึบที่ไหล่เริ่มแทรกเข้ามาในการรับรู้ แฮร์รี่ยกมือขึ้นกุมบริเวณบาดแผลตัวเองแล้วคล้ายว่าเพิ่งจะนึกออกขึ้นมา
“พวกมนุษย์หมาป่า?”
หนุ่มรุ่นพี่พยักหน้า เซดริกตีหน้าขรึมขึ้นมาชั่วขณะ ดวงตาสีแดงวาบอีกเล็กน้อยแต่ก็กลับมามีสีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม แต่คนที่นั่งจ้องมองอยู่เงียบๆ ก็จับสังเกตได้
“มีอะไรรึเปล่าครับ” แฮร์รี่จ้องเขม็งอีกฝ่ายสลับมองไปทางนอกหน้าต่าง แม้จะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากไม้ต้นสูงนอกบ้านก็ตาม “เจ้าพวกนั้นมันตามมาใช่ไหมครับ เพื่อแหวนนี่?”
เซดริกยิ้มแกนๆ ให้อีกฝ่าย แฮร์รี่ขยับมือมาประสานกันไว้ นิ้วเรียวลูบเบาๆ ที่หลังแหวน ไออุ่นจางๆ แผ่ออกมาจากแหวนจนเขารู้สึกได้ แฮร์รี่ยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ต้องหุบลงเมื่อเกิดเสียงดังโครมใหญ่มาจากนอกบ้าน สองคนในห้องพากันเพ่งมองไปทางหน้าต่าง
แฮร์รี่ทำท่าจะถลาตัวไปดูแต่ก็ถูกเซดริกห้ามเสียก่อน คนเป็นพี่เดินเชื่องช้าไปที่ข้างหน้าต่างก่อนจะชะโงกมองลงไป ที่พื้นที่โล่งข้างบ้านมีซากหมาป่านอนอยู่สี่ห้าตัว ต้นไม้ใกล้ๆ กันมีร่องรอยผุพังอยู่บางส่วน บ้างมีกลุ่มควันลอยออกมาจากข้างต้นจางๆ เช่นกัน
ไม่แพนซี่ก็เดรโกที่คงเป็นคนสาดพลังใส่แทน
“พี่ลงไปช่วยพวกเขาเถอะ”
“แต่..” เซดริกแย้งขึ้นมาทันที แต่แฮร์รี่ก็รีบส่ายหน้าและจ้องมองตอบด้วยสายจริงจัง
“ผมอยู่ได้ อย่างน้อยมีพี่อีกคน ก็จะเบาแรงลงได้เยอะ ผมจะอยู่แต่ในนี้”
แม้ในใจจะไม่ค่อยเห็นด้วยที่ต้องปล่อยให้แฮร์รี่อยู่คนเดียว แต่เซดริกก็เป็นห่วงอีกสองชีวิตที่ต้องต่อสู้ท่ามกลางฝูงหมาป่าอยู่ดี แม้สองคนนั้นจะมั่นใจในฝีมือตัวเองก็ตาม ยิ่งรวมกับสายตาแน่วแน่ของแฮร์รี่ เซดริกก็จะมีเปอร์เซ็นต์ที่อยากจะลงไปจัดการมากกว่า
แฮร์รี่พยักหน้าเสริมเป็นการยืนยัน นั่งชิดผนังคล้ายยืนยันความคิดของตัวเอง เขากุมแหวนแน่น
เซดริกหายวับออกจากห้องไปแล้ว แฮร์รี่ค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อย เพราะเขายังไม่เคยเห็นเซดริกโหมดนี้มาก่อน เด็กหนุ่มขยับชิดหัวเตียงก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้หมอนหนุนโทรมๆ กำมีดเงินที่เขาแอบดึงออกมาจากด้านหลังของเซดริกไว้พลางมองไปรอบห้องอย่างระแวดระวัง
……………………………
หมาป่าหลายสิบตัวถูกจัดการลงในเวลาไม่กี่นาที แม้จะมีพละกำลังที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เดรโกเคยประมือมา แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขานัก พวกหมาป่ายังคงมองตามการเคลื่อนไหวของเขาไม่ทัน เพียงแค่เดรโกกระโจนออกจากมุมมืดของเงาไม้ เขาก็สามารถประชิดข้างตัวของหมาป่าเป้าหมายได้และปลิดชีพมันลงอย่างเงียบเชียบ
กลิ่นเลือดคาวคลุ้งของสัตว์สี่ขาทำให้เดรโกนึกสะอิดสะเอียน คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันก่อนจะมองหาเป้าหมายตัวต่อไป เขาเห็นเงาแพนซี่โฉบไปมาระหว่างต้นไม้ อาวุธเล็กๆ ที่เธอถนัดอย่างมีดบินที่ทำจากเงินแท้ถูกปาออกไปอย่างแม่นยำ และนั่นก็หมายถึงเวลาที่เดรโกจะโฉบออกไปจัดการต่อ
แต่แผนการนี้ก็ถูกมองออกได้ในเวลาต่อมา เมื่อเดรโกโผตัวเข้าไปประชิดหมาป่าที่ถูกมีดปักที่ข้างลำคอ ก็มีหมาป่าอีกสามตัวที่เหมือนซุ่มอยู่ไม่ไกลพุ่งเข้าใส่ กรงเล็บใหญ่คมซึ่งตวัดลงมาอย่างรุนแรงและคมเขี้ยวที่ง้างออกหมายจะกัดลงมาทำให้เขาเสียจังหวะไปบ้าง เดรโกรีบเบี่ยงตัวและใช้ตัวหมาป่าที่อยู่ในมือของเขารับการโจมตีจากเพื่อนของมันเอง
แพนซี่เองที่หายตัวไปมาตามต้นไม้ ก็ถูกพวกหมาป่าบางส่วนพุ่งใส่ขณะที่เธอกำลังย้ายต้น เดรโกจำต้องละออกจากหมาป่าที่เขาเพิ่งจัดการฝังมีดลงกลางอกเพื่อไปช่วยเธอให้พ้นจากกรงเล็บหมาป่าได้อย่างหวุดหวิด
“เดรก มันเยอะไป” แพนซี่เอ่ยเสียงเบาหลังจากขึ้นมาหลบอยู่บนต้นไม้สูงได้ เธอกวาดตามองเหล่าหมาป่าที่ยังกองกันอยู่เบื้องล่างด้วยสายตากังวล
เดรโกพยักหน้ารับเงียบๆ เขาเบนสายตามองไปทางบ้านที่แฮร์รี่และเซดริกอยู่ ก่อนจะขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อเขาจับความรู้สึกได้ว่าในบ้านนั้นไม่ได้อยู่กันสองคนอย่างในทีแรก
เสียงระเบิดพลังตูมใหญ่และเสียงร้องของหมาป่าดึงความสนใจจากสองชีวิตบนยอดไม้ พวกเขารีบลดระดับลงไปเบื้องล่างก่อนจะเห็นเงาร่างที่คุ้นตากำลังโฉบไปมาและล้มหมาป่าไปทีละตัว
“ดิกกอรี่..”
“หมอนั่นลงมาได้ไง! พอตเตอร์ล่ะ!”
“มีสมาธิหน่อยมัลฟอย แฮร์รี่ยังปลอดภัย”
เสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวของเดรโก เขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะมองตามเงาร่างหนึ่งที่กระโจนมาหยุดอยู่ข้างเขาในวินาทีต่อมา เซดริกหรี่ตากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดที่สองแวมไพร์ข้างกาย
“แฮร์รี่บอกให้ฉันลงมา มนตร์ของแพนซี่ยังใช้การได้ พวกนั้นจะยังไม่ได้กลิ่นแฮร์รี่ เพราะงั้นรีบจัดกา–”
ไม่ทันที่เซดริกจะได้เอ่ยจบดี ต้นไม้ที่พวกเขาทั้งสามใช้เป็นหลักก็ถูกสั่นอย่างแรง เซดริกรีบคว้าตัวแพนซี่ไว้แล้วพุ่งเปลี่ยนไปยังต้นไม้อีกต้น เดรโกถลาตัวลงไปยังโคนต้นไม้และจัดการหักคอหมาป่าโชคร้ายสองตัวทันที
ร่างสูงซึ่งยืนนิ่งมองร่างไร้วิญญาณที่เท้าพลันหางตาเหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่กำลังพุ่งตรงมาทางตัวเอง เขารีบดีดตัวขึ้นด้านบนเพื่อหลบการโจมตี โซ่สีเงินอันใหญ่สองเส้นจากซ้ายขวาชนกันอย่างแรงจนเกิดเสียงลั่น ประกายไฟแตกออกมาเล็กน้อย เดรโกมองโซ่ที่ถูกดึงกลับไปด้วยสายตาว่างเปล่า
เสียงหัวเราะขำต่ำในลำคอดังมาจากมุมหนึ่ง เดรโกมุ่นคิ้ว อาศัยมุมมืดของเงาไม้กวาดตาไปรอบๆ จ่าฝูงของหมาป่าคงเตรียมออกมาแล้ว เพราะจำนวนหมาป่าตัวอื่นที่พากันลดจำนวนลง อย่างน้อยก็คงทำให้อีกฝ่ายว้าวุ่นไม่น้อย
แต่สิ่งที่กำลังทำให้เดรโกเป็นกังวลมากที่สุดก็คงเป็นเสียงที่ได้ยินต่อจากนี้ บ้านร้างในละแวกนี้เหมือนจะถูกทำลายไปทีละหลัง เขาเบิกตาเล็กน้อย มองไปยังบ้านหลังเล็กเตี้ยที่อยู่ไกลสายตาถูกทลายหลังคาลงไป ความกลัดกลุ้มโถมใส่แวมไพร์หนุ่มทันที
เขาจ้องไปยังบ้านหลังที่แฮร์รี่อยู่ ก่อนจะกวาดตามองหาเพื่อนอีกสองคน
แพนซี่กำลังจัดการกับหมาป่าสาวที่ดูเหมือนจะเป็นคนสนิทที่สุดของทอม ทางเซดริกก็กำลังจัดการกับฝูงหมาป่าที่กรูเข้าใส่
ไม่มีทางเลือกให้กับเดรโกมากนัก เขาตัดสินใจจะมุ่งกลับไปยังบ้านสองชั้นที่ที่แฮร์รี่ยังอยู่ในนั้น อย่างน้อยถ้าแฮร์รี่ฟื้นขึ้นมาแล้วเขาอาจจะพอพาหนีไปกบดานอีกที่หนึ่งได้และรอตั้งรับภายหลัง
เดรโกโฉบออกจากเงาไม้ใหญ่ ดวงตาสีแดงวาบเป็นประกายเมื่อเจอหมาป่าตัวหนึ่งวิ่งพุ่งมายังเขา มีดสั้นถูกดึงออกมาจากข้างเอว เบี่ยงตัวไปทางซ้ายเพื่อหลบการโจมตีจากกรงเล็บเบื้องหน้า เขาลอดตัวใต้วงแขนใหญ่ของหมาป่า ตวัดมีดสั้นเป็นทางยาวจากช่วงไหล่ลงมาจนถึงเอวของหมาป่าตัวตรงหน้าจนมันล้มไปทันที
“เดรโกระวัง!!”
เสียงของแพนซี่ดังแหวกอากาศเข้ามา เจ้าของชื่อตวัดตามองโดยรอบแทบจะในทันที จากด้านหน้าไม่มีอะไรพุ่งเข้ามา เขาหมุนตัวเตรียมหันหลังทั้งที่เท้ายังไม่ทันแตะพื้นดี แต่เหมือนจะช้าไปเพียงนิดเมื่อโซ่สีเงินอันใหญ่ที่พุ่งใส่เขาก่อนหน้านี้พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เขาเบี่ยงตัวหลบได้ในเส้นแรก แต่แล้วก็มีอีกเส้นโผล่มารัดรอบข้อมือเขาได้ในที่สุด
ร่างของเดรโกถูกกระชากไปตามโซ่ เขานิ่วหน้าเพราะแรงเสียดสีที่ข้อมือ ความเจ็บแล่นแปลบทันทีเมื่อโซ่เงินบาดผิวของเขา
ไม่ใช่แค่หมาป่าที่แพ้เงิน แวมไพร์อย่างเขาก็เช่นกัน
แฮร์รี่ซึ่งอยู่บนบ้านไม่ไกลจากการต่อสู้นักได้ยินเสียงของแพนซี่ที่ดังลั่นขึ้นจนจับใจความได้นั้นทำให้เขากังวลขึ้นมาทันที เขาก้าวลงจากเตียงช้าๆ ไปทางหน้าต่าง มือยังคงยกกุมไหล่ซ้ายที่ยังปวดระบมไม่หาย ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ก็มีหมาป่าตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาเกาะขอบหน้าต่าง
มันแสยะยิ้มสยองออกมา แฮร์รี่แทบหยุดหายใจทันทีเมื่อหมาป่าตรงหน้ากำลังปีนข้ามกรอบหน้าต่างเข้ามา มันย่องเข้ามาหาเขาช้าๆ แฮร์รี่สอดมือเข้าใต้เสื้อคลุม ดวงตาจ้องหมาป่าตรงหน้าเขม็งไม่วางตา แต่ก็พยายามมองหาช่องว่างหนีไปด้วย เมื่อมันอ้าปากออกกว้างพร้อมตั้งท่าจะพุ่งเข้ามา แฮร์รี่ก็รีบกระโจนตัวหลบไปด้านข้าง มีดสั้นที่แอบเอาไว้ถูกดึงออกมาก่อนจะปักลงไปที่กลางหลังเต็มแรงจนมันร้องโหยหวนออกมา
เจ้าของเส้นผมสีดำไม่เสียเวลาให้หมาป่าตรงหน้าตายไปต่อหน้าต่อตา เสียงร้องของมันค่อนข้างดัง และแน่นอนว่าต้องเรียกความสนใจจากตัวอื่นๆ แฮร์รี่ดึงมีดออกและรีบวิ่งออกจากบ้านหลังเดิมทันที
แฮร์รี่ย่องเบาออกมาจากตัวบ้านจนถึงชั้นล่าง ดวงตาที่ยังพร่าเบลออยู่บ้างกวาดมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับป่าอีกฝั่ง เดรโกกำลังยื้อยุดสู้กับทอมทั้งที่มือซ้ายของเจ้าตัวมีโซ่พันธนาการไว้อยู่
เสียงหัวเราะของทอมดังออกมาเป็นบางครั้งเมื่อเจ้าตัวสามารถสร้างบาดแผลไว้บนตัวเดรโกได้ ร่างสูงใหญ่น่ากลัวของหมาป่าอย่างทอมกำลังโถมเข้าใส่เดรโกที่ถูกพันธนาการไว้กับพื้นอย่างบ้าคลั่ง และแวมไพร์หนุ่มก็ทำได้เพียงพยายามหลบการโจมตีนั้นพลางหาจังหวะสวนพลังใส่เท่านั้น
“ไงล่ะพ่อคุณชาย พลังแกคงมีได้แค่นี้สินะ เพราะส่วนหนึ่งมันอยู่ในแหวนนั่น!”
ทอมตะโกนออกมาด้วยเสียงเย้ยหยัน เดรโกไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไปมากกว่าเพียงการขมวดคิ้ว ตอนนี้ในอกของเขารู้สึกวูบไหวแปลกๆ เขาจับสัมผัสได้ว่าแฮร์รี่กำลังเคลื่อนที่อยู่ ทำให้เขาเผลอละสายตาจากหมาป่าตัวตรงหน้ามองไปยังบ้านหลังเดิม
“ประมาทนะเจ้าหนู”
“อะ อึก!!”
ทอมอาศัยจังหวะที่เดรโกเบี่ยงสมาธิไปที่อื่นพุ่งเข้าโจมตีด้วยเล็บของตัวเอง เดรโกที่ไม่ทันระวังและเฉียดตัวหลบได้ไม่ดี เป็นต้องโดนเล็บแหลมนั่นฟาดเข้ากลางลำตัว แต่เพราะระยะที่เข้ามาชิดถึงพอควรทำให้เขาสามารถกระโดดขึ้นอากาศเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวขึ้นเกาะด้านหลังของทอม โซ่เงินที่ข้อมือถูกตวัดอย่างแรงส่งเสียงหวีดหวือผ่านอากาศ
จ่าฝูงหมาป่าเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะมีสีหน้าบิดเบี้ยวเมื่อโซ่ที่ใช้พันธนาการรอบข้อมือของแวมไพร์คู่อริกำลังพันรอบคอของเขาโดยที่มีเดรโกยังเกาะอยู่บนหลัง เดรโกกระชากมือข้างที่ถูกพันธนาการจนโซ่รัดแน่นขึ้น ทอมสะบัดตัวเองไปมาอย่างแรงหวังให้คนบนหลังตัวเองกระเด็นหลุดออกไป แต่เหมือนเดรโกก็จะยิ่งรัดโซ่แรงขึ้น จนผิวเงินเริ่มเสียดสีไปกับลำคอของหมาป่าตัวใหญ่เข้า
“แก!!” ทอมคำรามออกมาเสียงดัง มือทั้งสองพยายามเอื้อมมาด้านหลังหวังจะคว้าคนด้านบนให้ได้
“เอาสิ ยิ่งขยับ ฉันก็จะยิ่งรัดให้แน่นขึ้นไปอีก” เดรโกว่าเสียงเหี้ยมพยายามเบี่ยงตัวหลบคมเล็บยาวที่ตวัดเปะปะไปมา
หมาป่าตัวอื่นเมื่อเห็นท่าว่าจ่าฝูงของตัวเองกำลังไม่สู้ดี จึงคิดจะพุ่งตัวใส่ แต่ก็ได้รับสายตาโกรธเกรี้ยวจากจ่าฝูงของตนว่าให้ถอยออกไป แต่สบตากันได้ไม่นานก็มีเงาดำที่ทอมรู้สึกรำคาญใจสองเงาโฉบผ่านร่างหมาป่าของเขาไป ก่อนที่พวกมันจะพากันล้มลงไปกับพื้น
“ยอมรับซะเถอะ ว่าหมาป่าอย่างพวกแกสู้ฉันไม่ได้”
เสียงหัวเราะต่ำในลำคอของทอมดังขึ้นอีกครั้ง เขาหยุดขยับ เดรโกหรี่ตาลง แต่แล้วร่างของเขาก็ถูกจับเหวี่ยงฟาดลงกับพื้นอย่างแรงจนเดรโกไอโครกออกมา แม้โซ่จะยังไม่หลุดจากคอของทอมทั้งหมด แต่เขาที่ตกอยู่เบื้องล่างโดยมีหมาป่าตัวเขื่องคร่อมไว้มันทำให้เขาเสียเปรียบ เดรโกเบิกตากว้างพยายามมองหาทางหนีทีไล่ทันที
“แล้วแกจะทำอะไรได้ล่ะตอนนี้ ระหว่างรัดโซ่ที่คอฉัน กับเล็บฉันที่ฉีกเนื้อแก อันไหนจะเกิดก่อนกันนะ”
ทอมตวัดมือข้างหนึ่งรอบลำคอของเดรโก อีกข้างเงื้อขึ้นกลางอากาศ เล็บแหลมงอกออกสะท้อนแสงจางๆ ดวงตาสีซีดเบิกมองดูด้วยความตกตะลึง
“เดรโก! ทางขวา!!”
เสียงหวานที่เดรโกคิดถึงดังขึ้นในหัว ความอุ่นวาบฉาบไปทั่วอกจนรู้สึกมีพลังทันที
รอยยิ้มแสยะดังเช่นทุกทีฉายบนใบหน้าของเดรโกจนทอมเผลอชะงักไปกับรอยยิ้มมั่นใจนั้นของอีกฝ่าย แล้วหางตาของเดรโกก็พลันมองเห็นประกายสีเงินบางอย่างที่กำลังมุ่งตรงมาจากทางขวา แขนขวาของเขาที่ยังเป็นอิสระชูขึ้นมาเพื่อรับสิ่งที่บินโฉบมาแต่ไกล เขาออกแรงกระตุกแขนซ้ายที่ซึ่งยังถูกพันธนาการโดยโซ่ที่ยังตวัดรอบคอหมาป่าตรงหน้าให้เข้าหาตัวเมื่อทอมคิดจะผละหนีออกจากเขา
“โทษทีนะ พอดีฉันโชคดีที่มีเขา”
สิ้นคำพูดของเดรโก เป็นจังหวะเดียวกับที่มือของเขารับมีดสั้นไว้ได้พอดี ทอมเบิกตาค้างเมื่อมีดสั้นปักลงมาที่ข้างลำคอของเขาอย่างแรง เสียงไหม้และความปวดแสบปวดร้อนแล่นวาบไปทั่วลำคอก่อนจะแล่นไปตามเส้นประสาททั่วร่าง เสียงคำรามกึกก้องของหมาป่าจ่าฝูงโหยหวนดังออกมาจนแสบหู
เดรโกตวัดข้อมืออีกรอบจนเกิดรอยแยกสีแดงรอบลำคอหนาตรงหน้า หยาดเลือดสีแดงสาดกระเซ็นออกมาเปรอะใบหน้าเขา ขาเรียวจัดการถีบร่างที่เริ่มอยู่ไม่สุขจากความทรมานให้พ้นตัว
เสียงร้องครวญครางของทอมยังคงดังก้องทั่วป่า หมาป่าตัวอื่นพากันนิ่งค้างและทำท่าจะหนีออกจากบริเวณนี้เมื่อจ่าฝูงของพวกมันได้ล้มลงแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีเงาดำนับสิบพากันโฉบบินผ่านไปมา แล้วหมาป่าเหล่านั้นก็พากันล้มระเนระนาดกับพื้น
เดรโกปรายสายตามองร่างที่ยังพยายามตะเกียกตะกายมาทางเขาด้วยสายตานิ่งเฉย แววตาของทอมยังคงประกายกร้าวและดุร้าย ราวกับจะไม่ยินยอมกับความตายที่ตนกำลังเผชิญ
“แกจะต้อง..ชดใช้… พวกของฉัน…จะต้องกลับมา”
“กลับมากี่รอบ ฉันก็จะจัดการให้สิ้นซากทุกรอบ”
ตอบพลางเหยียดยิ้มหยัน เขาจัดการสะบัดข้อมือทิ้งมีดลงที่กลางอกของทอมอย่างไม่ใยดีนัก เสียงกรีดร้องดังระงมมาอีกรอบ ก่อนที่ร่างตรงพื้นจะสลายหายไป
เดรโกถอนหายใจพรืด เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง สายตาเหลือบมองไปยังข้อมือซ้ายของตัวเองที่เริ่มมีรอยแดงและไหม้จางติดอยู่ เขามุ่นคิ้วด้วยความรำคาญใจ ในระหว่างที่คิดจะดึงเอาโซ่ออก เสียงฝีเท้าซึ่งวิ่งหนักๆ ก็ดังแทรกเข้ามาก่อน เดรโกเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง ก่อนจะเห็นร่างที่เขานึกห่วงที่สุดกำลังวิ่งมา
“อย่าวิ่งแบบนั้— อ๊ะ!”
“ไอ้แวมไพร์หน้าโง่เอ๊ย!”
แฮร์รี่พุ่งตัวเข้ากอดเดรโกจนร่างของทั้งคู่ลงไปกองกับพื้น เดรโกตวัดแขนกอดรอบเอวบางไว้ได้ทัน เขาได้ยินแฮร์รี่สบถเล็กน้อยเพราะแผลที่ไหล่เจ้าตัวกระแทกกับเขาเต็มๆ
“ใครกันแน่ที่โง่หืม?” เดรโกว่าอย่างหยอกล้อ เขายกมือลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ
“นายนั่นแหละโง่! บ้าจริงเลย เกือบตายแล้วไหม!”
“นายก็เหมือนกัน แขนเกือบขาดละเห็นไหม”
“งั้นเราก็โง่กันมันทั้งคู่นั่นแหละ! เออ เหมาะกันดี!”
คนฟังหลุดขำออกมาทันที เขาทอดสายตามองคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู แฮร์รี่มุ่นคิ้วแน่นปากยู่เล็กน้อยจนเดรโกนึกมันเขี้ยวในใจ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายที่ยังนั่งคร่อมเขาอยู่ก่อนจะแตะริมฝีปากเข้ากับปากอิ่มตรงหน้าแผ่วเบา
คนถูกจู่โจมนั่งตัวแข็งทื่อทันที ดวงตาหลังกรอบแว่นมองแบบลนๆ เดรโกตั้งใจฉวยจังหวะที่แฮร์รี่เผลอจะทาบริมฝีปากลงอีกรอบ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเดินเข้ามาใกล้พร้อมน้ำเสียงอันคุ้นเคย
“เดรก แม่ว่าคนของลูกต้องรีบได้รับการรักษานะ”
แฮร์รี่รีบยื่นแขนที่ยังใช้การได้ดีผลักหน้าแวมไพร์ตรงหน้าออกไปอย่างแรงจนเดรโกแทบหงาย ก่อนที่ตัวเองจะดีดตัวออกจากตักของเดรโกอย่างรวดเร็ว ทายาทเลือดบริสุทธิ์ถึงกับจิ๊ปากขัดใจ เขามองตามแฮร์รี่ที่ถูกแม่ของเขาประคองขึ้นแล้วพาเดินไปอีกฝั่งด้วยท่าทางเซ็งๆ
“เฮ้! แล้วไม่คิดจะมีไอ้หน้าไหนมาตัดโซ่บ้าๆ นี่ออกจากฉันรึยังไง!!”
……………………………
สามสี่วันมาแล้วหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในวันนั้น แฮร์รี่ แพนซี่และเซดริกก็พากันพักฟื้นที่คฤหาสน์หลังงามของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อย่างมัลฟอย แน่นอนว่าสองคนหลังถูกจัดให้พักในโซนของแขก ส่วนคนแรกก็ถูกลูกชายเจ้าของบ้านดูแลในห้องตัวเองไม่ห่าง
หลังจากห้ามเลือดและรักษาบาดแผลที่น่าสยดสยองในความคิดของแฮร์รี่ได้เรียบร้อย เขาก็หลับเป็นตายไปหนึ่งวันเต็มๆ สองสามวันให้หลังมานี้จึงเป็นการพักฟื้นเก็บแรง
และทุกอย่างมันก็ค่อนข้างสบายไม่น้อยสำหรับแฮร์รี่ เมื่อเขามีคนคอยทำอะไรให้ทุกอย่างอย่างดีชนิดที่ว่าประเคนให้ถึงเตียง มันดีอยู่หรอกในช่วงวันสองวันแรก แต่ตอนนี้แฮร์รี่ชักจะรู้สึกว่าเขาอยากจะทำอะไรขึ้นมาเองบ้างแล้ว การนอนเฉยๆ บนเตียงและลุกเข้าออกห้องน้ำมันดูน่าเบื่อเกินไป
“ฉันอยากออกไปเดินเล่น”
“ไม่เอา แผลยังไม่หายดี”
“เดินในบ้านนี่แหละ”
“ไม่เอา เดี๋ยวหลง”
“งั้นนายก็มาด้วยกันสิ”
“นอนพักในนี้แหละ”
แฮร์รี่กลอกตาสามร้อยหกสิบองศาอย่างเหนื่อยหน่าย เขาจัดการฟาดมือเข้ากับต้นแขนของเดรโกอย่างแรงจนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยง ลดหนังสือในมือลงแล้วหันมาส่งสายตางงงวยให้คนข้างที่ทำหน้าบูดอยู่ไม่ห่าง
“ฉันเบื่อ! อยากออกไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว”
“แต่นายยัง–”
“หายดีแล้วเฟ้ย!” แฮร์รี่เถียงออกมาสุดเสียง ตีหน้าบึ้งตึงสุดขีด แต่อีกคนก็ยังคงสีหน้านิ่งเฉยปกติ
“จะว่าไป..”
เจ้าของเส้นผมสีดำยกนิ้วขึ้นเคาะๆ ปลายคางตัวเองก่อนจะจ้องเขม็งมองแวมไพร์ตรงหน้า เดรโกเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นและจ้องตอบดวงตาสีเขียวตรงหน้า
“ผ่านมาเกือบสามอาทิตย์แล้วนะ นายไปดื่มเลือดมนุษย์คนไหนมา” แฮร์รี่ขยับชิดเดรโกมากขึ้น พร้อมถลึงตาจ้องเขม็ง “นายเอาเลือดของฉันไปเผื่อแค่รอบก่อนนั้นครั้งเดียว แต่ครั้งนี้…”
“ใจเย็นๆ ฉันไม่ได้ไปดื่มเลือดมนุษย์คนไหน สาบานได้” เดรโกรีบวางหนังสือลงข้างกายแล้วหันมาอธิบายดีๆ ทันที “ช่วงที่ผ่านมา ก็ดื่มเลือดแม่ไปแทนน่ะ”
แฮร์รี่อ้าปากค้างทันที เขากลับมานั่งพิงหัวเตียงด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม เดรโกมองท่าทางนั้นแล้วยิ้มขำออกมา แฮร์รี่จึงหันมาย่นหน้าย่นจมูกใส่แล้วเบือนหนี
“เพราะงั้นฉันถึงสู้ติดๆ ขัดๆ ไปหน่อย เพราะเลือดแม่ก็แค่ประทังได้ แต่ไม่ทั้งหมดหรอก”
คนฟังนึกตามแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ สองมือที่วางบนตักประสานเข้าหากันก่อนจะออกแรงบีบเล็กน้อย นัยน์ตาสีเขียวเหลือบมองคนข้างๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ความรู้สึกไม่เป็นตัวเองจนกังวลทำให้ปหวนบนนิ้วของเขามีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที
“เฮ้ เป็นอะไร ไม่สบายใจอะไรล่ะเนี่ย ฉันรู้สึกนะ”
“ข ขอโทษ!” แฮร์รี่ลนลานส่ายหน้าสะบัดมือไปมา ก่อนจะรีบนั่งนิ่งอีกครั้งเมื่อเจอสายตาคาดคั้น
“พอตเตอร์?”
แม้อีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังของแวมไพร์ในการสร้างแรงกดดัน แต่แฮร์รี่กลับรู้สึกว่าตัวเองตัวหดเล็กลงจนเหลือแค่สองนิ้วเมื่อเดรโกเรียกชื่อเขาด้วยโทนเสียงนุ่มนวลแบบนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายลงไปเสียให้ได้
ใบหน้าติดหวานเงยหน้าสบคนข้างกาย เขาขยับชิดอีกฝ่ายมากยิ่งจนเกือบจะเกยตัก เดรโกกะพริบตามอง ก่อนที่สายตาจะสะดุดกับซอกคอขาวที่เขยื้อนไปมาเบื้องหน้า
“เอาล่ะ จะทำอะไรก็ทำ อย่าให้พูดเลย มันน่าอายนะ”
เสียงงึมงำที่เกือบจะฟังไม่รู้เรื่องมาพร้อมดวงเนตรสีเขียวเสหลบตาคมที่จ้องมองมาด้วยอาการประหม่า เดรโกเหยียดมุมปากขึ้นก่อนที่เขี้ยวคมสองซี่จะโผล่ตามมา เขากระชับวงแขนรอบเอวตรงหน้าจนร่างเล็กกว่าเกยขึ้นมาบนตัก แฮร์รี่เบ้หน้าเล็กน้อยก่อนจะยกกำปั้นเขกลงที่กลางผากคนทำหน้าตาน่าหมั่นไส้ไปที
เดรโกขำเล็กน้อย ใบหน้าขยับเข้าหาซอกคอขาวที่ห่างหายไปนาน สูดดมกลิ่นที่แสนคิดถึงเข้าเต็มปอดพลางคลอเคลียปลายจมูกกับต้นคอจนแฮร์รี่ต้องย่นหนีด้วยความจั๊กจี้ เดรโกได้ยินเสียงปรามจากแฮร์รี่แต่เขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ริมฝีปากร้อนกดลงไปตามผิวเนื้อ ขบเบาๆ จนเกิดรอยแดง
“อือ.. มัลฟอย.. ดีๆ สิ”
แวมไพร์จอมเจ้าเล่ห์ยังคงคลอเคลียกับลำคอของแฮร์รี่โดยที่ไม่คิดจะฝังเขี้ยวลงมาเสียที ริมฝีปากร้ายคอยจูบสร้างรอยไปตามลำคอขาวเรื่อยๆ จนแฮร์รี่เสียววูบในท้อง สองมือซึ่งจับไหล่ของเดรโกไว้ประคองตัวออกแรงบีบมากขึ้น
“แฮร์รี่..”
คนฟังขนลุกพรึบทันทีเมื่อเสียงติดแหบดังขึ้นที่ข้างหู ทั้งยังโดนงับที่ติ่งหูสำทับมาอีกรอบ แฮร์รี่ครางงึมงำในลำคอ ก่อนที่โลกของเขาจะหมุนเล็กน้อยเมื่อร่างกายถูกตวัดให้นอนราบลงไปกับเตียงนุ่มเบื้องล่าง ตามด้วยร่างของใครอีกคนที่ขยับมาคร่อมทับเอาไว้
แฮร์รี่หรี่ตามองคนด้านบนที่ส่งสายตามาอย่างสื่อความหมาย ปากอิ่มเม้มแน่น ฝ่ามือขาวเลื่อนขึ้นกอดรอบแผ่นหลังกว้างของเดรโก แวมไพร์ตรงหน้าสายตาพราวระยับขึ้นมาทันที เจ้าตัวขยับตัวแนบชิดคนด้านใต้มากขึ้นพลางยกยิ้มแบบเจ้าแผนการออกมา
แล้วรอยยิ้มนั้นก็เป็นอันค้างเติ่งไปทันที ร่างสูงร้องลั่นออกมาเสียงดัง พลางดีดตัวขึ้นอย่างแรง เมื่อเนื้อบริเวณแผ่นหลังของเขาโดนคนข้างใต้ออกแรงบิดเต็มแรง
“แฮร์รี่!” เดรโกส่งสายตามองค้อนให้คนข้างใต้ที่กำลังหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
“ได้คืบอย่าเอาศอกเชียวคุณชาย ให้แค่เลือดครับ”
เดรโกพ่นลมหายใจออกมา เขายู่หน้าย่นจมูกแบบเด็กอดได้ของเล่นก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก แฮร์รี่ยิ้มขำกับท่าทางแง่งอนแบบเด็กๆ นั่นแล้วตวัดแขนกอดรอบคอของเดรโกและจัดการกดใบหน้าคมให้ก้มต่ำลงมา
เขี้ยวแหลมแทงฝังลงมาในผิวเนื้อนิ่มอย่างเชื่องช้า แฮร์รี่ครางเบาในคอและขยับศีรษะให้ใครอีกคนได้แทรกใบหน้าเข้ามาได้ถนัดขึ้น เดรโกกดคมเขี้ยวให้จมลึกขึ้นกว่าเดิม รสเลือดหวานหอมกระจายคลุ้งในโพรงปากจนเขารู้สึกมึนเบลอไปกับรสชาติ นิ้วมือยกขึ้นคลึงเนื้อบริเวณรอบปากแผลจนเลือดซึมซาบเข้ามามากขึ้น
ร่างเล็กบิดเร้าเล็กน้อย เขายังคงรู้สึกไม่ชินนักกับการที่เลือดถูกสูบออกไปเช่นนี้ นิ้วเรียวจิกเข้าที่ท้ายทอยและแผ่นหลังของคนด้านบนหวังบรรเทาอาการปวดแสบของตนเอง
เดรโกผละใบหน้าออกจากรอยเดิม ที่เขี้ยวของเขายังคงมีหยดเลือดเกาะติดจนมันเกือบจะไหลหยดลงมา แต่แฮร์รี่ก็ยื่นหน้าเข้าไปประกบจูบปิดปากตรงหน้าไว้ได้ทัน ร่างสูงยกยิ้ม เขาเม้มปากอิ่มตรงหน้าทีหนึ่งก่อนจะละออก
“อร่อยไหมล่ะเลือดตัวเอง”
แฮร์รี่ส่ายหน้าหวือ พลางย่นหน้าแปลกๆ “ฉันว่าให้มันเป็นของนายต่อไปน่ะดีแล้ว”
เสียงหัวเราะต่ำในลำคอดังออกมาอย่างอารมณ์ดี เดรโกก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากนุ่มตรงหน้าอีกรอบ ก่อนจะเบี่ยงใบหน้าไปที่ซอกคออีกข้างและเริ่มฝังเขี้ยวลงกับผิวขาวที่เชื้อเชิญเขาอยู่อีกครั้ง เส้นผมสีบลอนด์ถูกสางไปมาเมื่อร่างข้างใต้เริ่มทนกับตำแหน่งเดิมไม่ไหว
“กัดที่อื่นบ้างได้ไหม” แฮร์รี่ถามเสียงแผ่ว เดรโกค่อยๆ ละใบหน้าออกมาอย่างเชื่องช้า
“ตรงไหนดีล่ะ”
คนข้างใต้ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะยกแขนซ้ายมาตรงหน้า เดรโกเลิกคิ้วมอง ประกายสีเขียวจากอัญมณีบนหลังแหวนสะท้อนเข้าสู่สายตาเขาเล็กน้อย เหมือนกับนัยน์ตากลมโตสีเขียวไม่มีผิด สวยเหมือนกันอย่างไรอย่างนั้น
“ข้อมือนี่ได้ไหม”
เขายิ้ม ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบไปตามข้อแขนบางเล็กตรงหน้า คุณชายแวมไพร์แนบริมฝีปากกับข้อมือขาวที่อยู่ในมือก่อนจะอ้าปากออกและค่อยๆ กดคมเขี้ยวลงที่กลางข้อมืออย่างใจเย็น
วันทั้งวันเดรโกเอาแต่เปลี่ยนจุดในการดื่มเลือดจากร่างของแฮร์รี่ จุดละอึกถึงสองอึกไปเรื่อยๆ ทั้งในจุดที่แฮร์รี่อยากให้กัด และในจุดที่เขาอยากจะลิ้มลองเอง แม้จะโดนสายตาค้อนขวับและท่าทางปฏิเสธสุดฤทธิ์แต่สุดท้ายเดรโกก็สามารถจับแฮร์รี่ให้นอนนิ่งๆ และเขาก็ฝังเขี้ยวลงไปในจุดที่ต้องการได้อยู่ดี
อย่างเช่นที่เนื้อนิ่มจากซอกขาด้านใน..
……………………………
แฮร์รี่ เดรโกและแพนซี่โดนรอน เฮอร์ไมโอนี่และเบลสดุกันเสียยกใหญ่หลังจากที่พวกเขากลับมาที่โรงเรียน มนุษย์ทั้งสามพากันโวยวายใหญ่ถึงเรื่องที่พวกเขาพากันหายตัวไปแบบไม่บอกกล่าว แถมยังติดต่อไม่ได้เป็นนาน แล้วยิ่งได้ฟังเรื่องราวความจริง ก็เหมือนจะยิ่งโดนดุไปกันใหญ่
ทางฝั่งเดรโกและแพนซี่ไม่ได้มีปัญหาเท่าไหร่ เพราะเบลสแค่คนเดียวไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ แต่ทางแฮร์รี่ที่มีทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่นั้นทำให้เขาค่อนข้างรับศึกหนัก ไหนจะยังรอยแดงและรอยเขี้ยวที่ยังเหลือจางๆ ตามจุดที่มองเห็นได้ตามร่างกาย ยิ่งทำให้รอนเดือดจัด
ส่วนคนทำก็แค่เพียงยักไหล่ไม่สนใจแล้วส่งสายตากวนกลับให้รอนก็เท่านั้น
ตกเย็นเดรโกตัดสินใจจะค้างที่หอพักของแฮร์รี่ เจ้าของห้องเองก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่เพื่อนร่วมห้องอีกคนที่แม้จะอยู่อีกห้องนอนอดจะฟึดฟัดไม่ได้แต่ก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไปในที่สุด
“อยากกินอะไรไหม”
“กินนาย”
“โอ๊ย! เจ็บนะ”
“ก็ตีให้รู้สำนึกนั่นแหละ”
แฮร์รี่ดุอย่างไม่จริงจังนัก เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงและเก็บของเข้าลิ้นชัก แต่แล้วเอวของเขาก็ถูกสวมกอดเข้าหลวมๆ จากด้านหลัง คางเสี้ยมแหลมวางเกยลงที่ไหล่ของเขา แฮร์รี่เอี้ยวมองเล็กน้อยก่อนจะเห็นสายตาหมองๆ ของอีกฝ่าย
“มีอะไรรึเปล่า”
เดรโกหลุบตาลง เขากอดเอวเล็กตรงหน้าแน่นขึ้น แฮร์รี่ยกมือวางทาบที่ท่อนแขนตรงหน้าท้องเขาและรอฟังสิ่งที่อีกคนจะพูด
“ขอโทษจริงๆ นะที่พานายมาเจอเรื่องอันตราย แถมยังแทบไม่ได้ปกป้องนายเลย” เดรโกฝังหน้าลงกับไหล่เล็กมากขึ้น แล้วว่าต่อด้วยเสียงอู้อี้ “ถ้านายเป็นอะไรไปมากกว่านี้ฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ ให้ตายเถอะ แค่นี้ฉันก็ไม่อยากให้อภัยตัวเองแล้ว”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วหน่าเดรโก อย่าโทษตัวเองอีกเลย นี่ไง ฉันก็ยังนั่งให้นายกอดอยู่เนี่ย”
เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นข้างหู บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เลิกไม่สบายใจ
“ตอนนั้นว้าวุ่นใจไปหมดเลยรู้ไหม ในอกมันร้อนมับโหวงมากๆ ยิ่งฉันไม่ได้ยินเสียงนายในหัวอีก ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว” แวมไพร์หนุ่มออกแรงกอดร่างในวงแขนมากขึ้น
“จะไม่ให้เป็นอะไรไปเพราะฉันอีกแล้ว ฉันรักนายมากนะ”
ความรู้สึกราวกับมีผีเสื้อนับร้อยบินวยในท้องเป็นอย่างไร แฮร์รี่เพิ่งเข้าใจได้ในตอนนี้ หัวใจพองฟูขึ้นมา แม้เดรโกจะเคยพูดแบบนี้มาแล้ว – ตอนนั้นก็แค่บอกว่าชอบ แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไป เป็นคำที่มีอานุภาพรุนแรงมากกว่าเยอะ ครั้นได้ฟังก็อดจะรู้สึกดีจนหัวใจเต้นรัวและเบิกบานไม่ได้
แต่แฮร์รี่ยังไม่เคยบอกออกไปเลยนี่สิ แล้วก็ยังมีเรื่องที่กังวลอยู่ด้วย
แฮร์รี่ค่อยๆ แกะมือของเดรโกที่รอบเอวออก พลางหมุนตัวหันหน้าเข้าหากัน เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์มีท่าทางงุนงงสับสน ใบหน้าติดจริงจังของแฮร์รี่ทำให้เขาใจหายวูบ มือหนารีบกอบกุมมือเล็กเอาไว้ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะอันตรธานหายไป
คนผมดำมองสีหน้าเป็นกังวลของคนตรงหน้าแล้วหลุดยิ้มบางๆ เขาบีบมือตอบฝ่ามือหนา ก่อนจะสบสายตามองตอบเข้าไปในดวงตาสีซีดที่มีแววสั่นระริกอยู่
“นายแน่ใจเหรอ.. ที่จะรักฉันน่ะ”
“หมายความว่าไง”
“มนุษย์อายุไม่ยืนยาวหรอกนะ”
เดรโกชะงักไปทันที เขาเริ่มเข้าใจความนัยอีกแฮร์รี่ต้องการจะสื่อแล้ว ดวงตาสีเขียวสดใสตรงหน้าหม่นลงเช่นกัน ก่อนจะพูดออกมาต่อ
“ตอนนี้เราอายุเท่ากัน แต่นานไป นายก็ยังเหมือนเดิม ช่วงร้อยปีแรกของแวมไพร์นายจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย” แฮร์รี่ดึงมือข้างหนึ่งออกมาลูบใบแก้มขาวตรงหน้า เดรโกหลับตาผ่อนลมหายใจอิงแก้มแนบมืออุ่นของแฮร์รี่ “แต่ฉันนี่สิ เดี๋ยวก็ตายแล้ว อยู่กับนายได้แค่..เสี้ยวนึงของชีวิตเอง”
“ช่างมันสิ” เดรโกเอ่ยขัดออกมาอย่างแน่วแน่ “อนาคตจะเป็นยังไงก็ช่างมันสิ แต่ตอนนี้ฉันรักนาย นั่นคือเรื่องจริงและความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมีให้นาย แล้วมันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ดวงตาสีเขียวเบิกขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกร้อนเกาะกุมใต้ดวงตาจนเริ่มกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา เดรโกทอดสายตามองคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน มือหนาวางทับมือที่ซึ่งยังวางแนบแก้มเขาอยู่ก่อนจะจูบเบาๆ เข้าที่กลางฝ่ามือ
“ไม่ว่าอนาคตจากนี้จะเป็นยังไง สัญญาได้ไหมว่าจะไม่น้อยใจตัวเอง?”
เดรโกเลิกคิ้วถามด้วยรอยยิ้ม และแฮร์รี่ก็พยักหน้า พร้อมหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมา
“อยู่ด้วยกันไปจนนายแก่เลยนะ? ฉันสัญญาจะดูแลนายเอง ต่อให้นายจะไม่น่ารักแล้วยังไงก็เถอะ เชื่อใจฉันนะ?”
“อือ..” แฮร์รี่ก้มหน้าเม้มปากแน่น พลางถอดแว่นตาออก “ไอ้บ้า”
“โอ๋ๆ มานี่มา”
เดรโกขยับเข้าชิดคนที่นั่งร้องไห้ตรงหน้าแล้วดึงเข้ามากอดแนบอก ฝ่ามือยกลูบเส้นไหมสีดำขลับตรงหน้าอย่างปลอบประโลม แฮร์รี่ยกแขนกอดเดรโกแน่น ฝังหน้าลงกับอกกว้าง เช็ดน้ำตากับเสื้ออีกคนไปมา เขาสูดน้ำมูกเข้าเฮือกหนึ่ง และพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ
“เดรโก”
“ครับ?”
แฮร์รี่เงยหน้าแดงๆ ขึ้นมาจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ดวงตากลมโตแดงก่ำจนเดรโกนึกเอ็นดู
พร้อมหัวใจของเขาที่ลิงโลดยิ่งกว่าอะไร ในอกรู้สึกพองฟูและอุ่นวาบคล้ายว่าพวกเขาทั้งสองประสานเข้าหากันได้อย่างดี แสงสีเขียวจากแหวนส่องประกายสวยงามออกมา แต่ทั้งคู่ต่างไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ เพราะพวกเขาต่างรับรู้ความรู้สึกกันและกันได้ด้วยใจไปแล้ว
“ฉันก็รักนายเหมือนกันเดรโก รักมากๆ ด้วย!”
เชื่อใจกันและกัน จับมือกันไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
พวกเขาเชื่อแบบนี้และจะเชื่อตลอดไป
• FIN •
TALK!!
อะโหหหหหห ไปหวีดได้ที่เดิมนะคะ #WizDMHP
//กรีดร้องเป็นภาษาโทรลล์(?) เขียนจบด้วยเจ้าค่าเอ๊ยยยยยย!! แงงงงๆๆๆๆ ดีใจที่เขียนจบบค่ะ ฮื่ออ ล้างอาถรรพ์อิวิสคนดองเขียนไม่จบได้แล้วว
ไม่รู้ว่าสำหรับทุกคนจะถือว่าจบดีไหมหรือพอใจกับทุกคนไหม แต่นี่คือสิ่งที่เราคิดไว้ค่ะ ถ้ามันขาดหรือเกินยังไง ไม่ว่าในฉากไหนก็ตามขออภัยไว้ ณ ตรงนี้นะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามคอยให้กำลังใจ ทั้งแท็กฟิคในทวิต และคอมเมนต์ในที่นี้อ่านของทุกคน ขอบคุณทุกๆ คนสำหรับคอมเมนต์เลยค่ะ ทุกอย่างล้วนเป็นกำลังใจให้เราเขียนออกมาจนได้ ไม่ได้เขียนเรื่องหลายตอนมานาน โคตรสูบพลังเลยค่ะ อาจจะยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ด้วย ก็ขอบคุณที่ตามกันจนมาถึงตรงนี้นะคะ
สำหรับตอนหน้า.. อาจมาเป็น One shot สักเรื่อง แต่ก็ยังคิดพล็อตไม่ออกเลยค่ะ Short fic คงต้องรอกันสักพัก ไปหาพล็อตเช่นกันค่ะ 55555 ขอบคุณสำหรับการติดตามคุณชายแวมไพร์นะค้าาาาาาาาา รักมากกกมายยยย